เทคโนโลยี กับ อุตสาหกรรมถือเป็นของคู่กัน และเทรนด์ที่มาแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็คงหนีไม่พ้น ระบบอัตโนมัติต่าง ๆ, เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และรวมไปถึง VR (Virtual Reality) และ AR (Augment Reality)
อย่างไรก็ตามใน ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง ที่กำลังถูกใช้ในอุตสาหกรรมอย่างแพร่หลายมากขึ้น พวกเขาเรียกมันว่า "แว่นตาอัจฉริยะ" หรือ "Smart Glass" ซึ่งก่อนหน้านี้ หลายคนอาจจะเคยเห็นกระแสผ่าน ๆ ตาอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่ใช้ทำงานทั่วไป หรือรุ่นที่เป็นแฟชัน
โดย RealWear Navigator 500 ที่เรากำลังจะนำมารีวิวในบทความนี้ ก็คืออุปกรณ์แว่นตาอัจฉริยะที่พัฒนามาเพื่ออุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ซึ่งผู้ประกอบการบางท่านอาจกำลังศึกษาข้อมูลของอุปกรณ์ตัวนี้อยู่ และถ้าคุณสนใจ ก็ลองอ่านรีวิวจาก Thaiware ได้เลยว่ามันมีคุณสมบัติเช่นไรบ้าง ?
หากใครที่ไม่คุ้นเคยว่า แว่นตาอัจฉริยะที่ใช้ในอุตสาหกรรม มีประโยชน์อย่างไรและใช้ทำอะไรได้ ส่วนนี้เราจะมาทำความรู้จักกันเบื้องต้นก่อน
ภาพประกอบจาก https://www.realwear.com/navigator/
โดยแว่นตาอัจฉริยะ RealWear Navigator 500 เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อ "บุคลากรหน้างาน" หรือที่เรียกกันว่า "Frontline Worker" ยกตัวอย่างเช่น พนักงานดูแลสินค้าในโกดัง พนักงานหน้าไลน์การผลิต พนักงานตรวจสอบคุณภาพสินค้า เจ้าหน้าที่วิจัยในอุตสาหกรรมยา ไปจนถึง วิศวกรด้านต่าง ๆ เช่น ช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ช่างซ่อมบำรุงเครื่องจักร เป็นต้น
|
|
ภาพประกอบจาก https://www.realwear.com/navigator/
ซึ่งการใช้เจ้า RealWear Navigator 500 ก็เปรียบเสมือนการใช้แท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Android (เวอร์ชัน 11) ตัวหนึ่ง เพียงแต่ว่ามันคือแว่นที่เสริมระบบด้วยเทคโนโลยี WearHF (Hands-free interface) ทำให้สามารถควบคุมด้วยเสียง 100 % มาพร้อมหน้าจอแสดงผล LCD ขนาด 0.32 นิ้ว ให้คุณสวมใส่และอ่านข้อมูลในจอ หรือใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ พร้อมกับทำงานไปด้วย เช่น
การทดสอบระบบ AR บน RealWear Navigator 500
และก็อย่างที่บอกตัวแว่นเน้นการสั่งงานด้วยเสียง นั่นหมายความว่า พนักงานสามารถใช้คุณสมบัติที่มีอยู่เหล่านี้ โดย 2 มือนั้นยังว่างอยู่ และทำงานอย่างสะดวกมากขึ้น ความลำบากอย่างการถือแท็บเล็ต ตาต้องเหลือบดูหน้าจอและทำงานไปด้วย ก็จะไม่มีอีกต่อไป และยังช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ หากพนักงานต้องทำงานในที่สูงได้อีกด้วย
มาดูเรื่องของดีไซน์กันบ้าง RealWear Navigator 500 นั้นมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาแค่ 270 กรัม (0.27 กิโลกรัม) เท่านั้น สามารถสวมใส่ได้สบาย ไม่หนักหัวมาก รอบข้างมีการปุ่มใช้งานหลัก ๆ คือปุ่มเปิดเครื่อง ปุ่มดำเนินการเอาไว้ช่วยสั่งกลับเมนูหลักหรือใช้ปิดไมค์ (ด้วยการกดค้าง) และปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงของลำโพง นอกเหนือจากนี้ก็สั่งการด้วยเสียงได้หมด
ส่วนหน้าจอที่ใช้ดูข้อมูลต่าง ๆ อย่างที่บอกว่า มันเป็นหน้าจอ LCD ขนาด 0.32 นิ้ว ความละเอียดคือ WVGA (ความละเอียด 854x480) โดยภาพที่ผู้ใช้จะเห็นจากบนจอ ลักษณะจะคล้ายรูปแบบ AR หน่อย ๆ เวลาใช้งาน เมื่อลืมตาสองข้างและมองไปที่จอ จะทำให้เห็นหน้าจอแสดงผลซ้อนทับกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเราจริง ๆ มุมมองนั้นจะเหมือนกับการเห็นจอขนาด 7 นิ้วลอยอยู่ข้างหน้าเราตลอดเวลา
ภาพประกอบจาก https://www.realwear.com/navigator/
โดยพ็อดจอนั้นจะยึดอยู่กับแขนบูมที่สามารถหมุนปรับได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นลง ซ้ายขวา หรือปรับดันจอไปด้านหน้าและเอาเข้ามาใกล้ เพื่อให้เข้ากับระดับสายตาของผู้ใช้ ถ้าผู้ใช้ปรับจอให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมก็จะเห็นข้อมูลชัดเจนไม่มีปัญหา
ในส่วนของกล้อง คุณภาพนั้นระดับ 48 ล้านพิกเซล (MP) มาพร้อมระบบกันสั่น มีแฟลชให้ในตัวกับระบบ PDAF (Phase Detection Auto Focus) ส่วนการถ่ายวิดีโอปรับได้สูงสุดที่ ความละเอียด 1080p (Full HD) แบบ 60fps ซูมได้สูงสุด 6 เท่า นอกจากนี้ตัวแว่นยังรองรับการถอดเปลี่ยนกล้องเสริมที่ทาง RealWare นั้นจะมีขายแยกให้ เช่น กล้องจับความร้อน (Thermal Camera Module) ที่สามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้หลายทาง เช่น การวัดอุณหภูมิของเครื่องจักร และนำมาวิเคราะห์ เป็นต้น
สำหรับระบบเสียงของเครื่อง มีลำโพงติดตั้งมาให้อยู่เหนือตำแหน่งหูทั้ง 2 ข้าง ความดังระดับ 94 dB คนที่ใส่อุปกรณ์จะได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ส่วนไมค์นั้นมี 4 ตัวระบบตัดเสียงเวลาพูด (Active Noise Cancellation) สามารถตัดเสียงที่รบกวนระดับความดัง 100 dB ได้ ถ้าอยู่ในโรงงานก็จะช่วยในเรื่องของการสื่อสารได้อย่างดี แต่สมมติว่าหากมีเสียงดังรบกวนมากเกินไป ก็ยังมีพอร์ตหูฟังให้เชื่อมต่อและใช้แทนกันได้
สำหรับเรื่องแบตเตอรี่ของตัวเครื่องเป็นแบบสำหรับถอดเปลี่ยนได้ เหมาะใช้งานโดยมีแบตสำรองไว้เปลี่ยน ซึ่งตัวแบตเตอรี่หนึ่งก้อนมีความจุอยู่ที่ 2,600 มิลลิแอมป์ (mAh) ที่รองรับการใช้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ด้านข้างมีปุ่มให้กดเช็คสัญญาณแบตเตอรี่ได้ พอกดแล้วจะมีไฟขึ้นบอกปริมาณแบตฯ ที่เหลืออยู่
และยังมีระบบ Hot Swap ที่ใช้ถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ขณะใช้งานเครื่องได้เพื่อความต่อเนื่อง โดยก่อนจะถอดเปลี่ยนแบตฯ ทุกครั้งเราต้องสั่งอุปกรณ์ว่า "เริ่ม Swap" หรือ "Start Swap" แล้วค่อยถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ออก เพื่อใส่ก้อนใหม่ลงไป
ด้านพอร์ตการเชื่อมต่อ ใช้พอร์ตชาร์จไฟผ่าน พอร์ต USB-C และถ่ายโอนข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ได้ ส่วนการเชื่อมต่อแบบไร้สายก็มีครบไม่ว่าจะเป็น Wi-Fi, Bluetooth, GPS, และการเชื่อมต่อผ่าน 4G (โดยใช้อุปกรณ์เสริม)
สำหรับความจุของตัวเครื่อง มีให้มาอยู่แล้ว 64 GB พร้อมแรม 4 GB มาพร้อมช่องใส่ Micro SD Card ที่สามารถเพิ่มความจุได้สูงสุด 512 GB อย่างไรก็ตามการเปิดช่องใส่ Micro SD Card จำเป็นต้องใช้ไขควงมากแกะ อาจทำให้ยุ่งยากนิดหน่อยเวลาจะเพิ่มความจุ
มาถึงเรื่องดีไซน์สุดท้าย ก็คือความทนทาน โดยตัวแว่นนั้นมีการรองรับ มาตรฐาน IP66 สามารถกันน้ำ, กันฝุ่น ทนต่อแรงกระแทกระดับ 2 เมตรได้ และยังทนอุณหภูมิได้ -20° C ถึง +50° C กันความชื้นได้สูงสุด 95% ทั้งหมดได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานทางการทหาร MIL-STD-810H มาแล้ว
ซึ่งการออกแบบทั้งหมดในตัว RealWear Navigator 500 ยังสามารถรองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ PPE จำพวกหมวก, แว่น, หน้ากาก ชุดต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับหน้างาน
ภาพจาก https://www.realwear.com/servicepacks/
ตอนเริ่มใช้ RealWear Navigator 500 ไม่ยุ่งยาก คุณสามารถติดสายคาดแล้วสวมใส่ จากนั้นก็เปิดเครื่องเตรียมใช้ได้เลย ซึ่งตอนแรกเราจำเป็นจะต้องทำการสแกน รหัสคิวอาร์ (QR Code) ในการตั้งค่าเบื้องต้นให้กับอุปกรณ์
โดย QR Code นั้น เอามาจาก แอปพลิเคชัน Realware Companion ที่สามารถดาวน์โหลดมาใช้บนสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต โดยจะมีให้ทั้ง iOS และ Android
พอติดตั้งเสร็จ ก็ให้เปิดแอปพลิเคชันขึ้นมาเพื่อ ตั้งค่าภาษาที่ต้องการใช้ รวมถึงการกำหนด Time Zone และ การเชื่อมต่อ Wi-Fi เพื่อให้อุปกรณ์มีอินเทอร์เน็ตใช้ และเมื่อตั้งค่าเรียบร้อยคุณก็จะได้ QR Code มา จากนั้นให้ทำการสแกนด้วยแว่น เสร็จแล้วก็จะเริ่มเข้าสู่การใช้งานจริงได้ทันที
ต้องบอกก่อนว่าการพัฒนาของตัวแว่นตาอัจฉริยะ RealWear Navigator 500 นั้นทำออกมาได้ค่อนข้างดี การใช้งานนั้นลื่นไหล ไม่มีสะดุด ไม่มีความหน่วง โดยเฉพาะเวลาออกคำสั่งด้วยเสียงต่าง ๆ ถ้าเราพูดชัดถ้อยชัดคำ อุปกรณ์ก็จะทำตามได้แบบไม่มีปัญหาเลย
จากรูปภาพข้างต้น นี่คือหน้าเมนูหลัก ที่ผู้ใช้งานจะได้เห็นผ่านตัวแว่น ซึ่งประกอบด้วย 4 เมนูหลัก ๆ คือ
ส่วนรายละเอียดที่เหลือ ใช้แสดงค่าสถานะการเชื่อมต่อ Wi-Fi, แบตเตอรี่, นาฬิกา และอื่น ๆ ไปจนถึงการเรียกดูสถานะการแจ้งเตือนต่าง ๆ ที่จะแสดงขึ้นมาเมื่อคุณออกคำสั่งว่า "Show Notification"
โดยเราสามารถ MirrorCast กับโน้ตบุ๊คผ่านสาย USB-C หรือผ่าน Wi-Fi เพื่อยิงภาพไปบนโน้ตบุ๊คได้ด้วยนะครับ และภาพนี้ที่เอามาใช้ ก็ถูกแคปมาจากโน้ตบุ๊คอีกทีนั่นเอง
โดยคุณสมบัติอื่นที่เด่น ๆ ของตัวแว่น ทางเราได้สรุปเอาไว้ให้ดังนี้
ผู้ประกอบการที่ไม่คุ้นเคยกับ อุปกรณ์อย่างแว่นตาอัจฉริยะ บางคนอาจคิดว่าการออกคำสั่งด้วยเสียงแบบ 100% จะทำให้มีความยุ่งยากหรือเปล่า เพราะถ้าจำคำสั่งไม่ได้ ออกเสียงไม่ถูก อาจกลายเป็นอุปสรรคของพนักงานแทน
ซึ่งต้องบอกว่าไม่เป็นปัญหาเลย เมนูคำสั่งและการใช้ค่อนข้างเรียบง่าย ถ้าคุณต้องการเข้าเมนูไหน เห็นคำสั่งอะไร ก็พูดไปอย่างนั้น เช่น เวลาจะใช้กล้อง เมนูชื่อ "My Camera" คุณก็แค่ออกคำสั่งไปตามนั้น
อย่างไรก็ตามเพื่อการเริ่มต้นที่ไม่ติดขัด ผู้ใช้ควรเข้าไปศึกษาวิธีการออกคำสั่งต่าง ๆ ที่ "เมนู My Trainning" พอเข้ามาก็ให้เข้าที่ "เมนู Voice Command" ต่อ
ตรงส่วนนี้จะมีบอกวิธีการใช้คำสั่ง เช่น เวลาเลือกไฟล์ข้อมูล ภาพ หรือเอกสารที่มีเยอะมาก ๆ เราต้องออกคำสั่งเพื่อเลือกเจาะจงเฉพาะไฟล์ว่า "Select item 1" เป็นต้น หรือถ้าต้องการความช่วยเหลือในแต่ละเมนู ก็สามารถสั่งว่า "Show Help" เพื่อให้มันแสดงวิธีการออกคำสั่งในหน้าเมนูเหล่านั้น
การรองรับภาษาของ RealWear Navigator 500 มีถึง 14 ภาษา ไม่ว่าจะเป็น จีน, เช็ก, ดัชท์, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อินโดนิเซีย, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลี, โปแลนด์, โปตุเกส, รัสเซีย สเปน และภาษาไทย
โดยตัวภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่คาดว่า เราคงจะใช้เป็นหลัก สามารถทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะภาษาอังกฤษถ้าใครติดไม่ได้สำเนียงไม่ต้องห่วง เพราะถึงแม้พูดด้วยสำเนียงไทยอุปกรณ์ก็ฟังออก
สำหรับตัวแอปพลิเคชันที่ใช้บน RealWear Navigator 500 มีให้รองรับถึง 100 กว่าตัว อย่างไรก็ตามเมื่อเริ่มต้นเราจะใช้ได้หลัก ๆ ไม่กี่ตัว แต่ก็ถือว่าครบอยู่แล้ว มีทั้งแอปพลิเคชันที่ใช้ซิงค์กับ ระบบคลาวด์ (Cloud Base System) ต่าง ๆ, แอปจับเวลา, แอปอัดเสียง, แอปอ่าน บาร์โค้ด (Barcode) และ คิวอาร์โค้ด (QR Code), แอปเครื่องคิดเลข, แอป Google และแอป YouTube ไปจนถึงแอปฯ สำคัญ ๆ สำหรับทำงานอย่างพวก "แอปประชุมทีมออนไลน์" ก็มีให้พร้อม
อันนี้เป็นหนึ่งคุณสมบัติ ที่พนักงานน่าจะได้ใช้หลัก ๆ ซึ่งก็คือ การเอาไฟล์เอกสาร รูปภาพ หรือวิดีโอต่าง ๆ มาเรียกดูระหว่างทำงาน โดยเฉพาะเหล่าช่างเทคนิค หรือ ช่างซ่อมบำรุง ถ้ามีการออกภาคสนามเดิมอาจจะต้องพกเอกสาร หรือ แท็บเล็ตไว้เปิดดูข้อมูล แต่ถ้าเป็น RealWear Navigator 500 ทุกอย่างจะอยู่ในแว่นหมด ไม่ต้องถือให้ลำบาก
การควบคุม สมมติหากเป็นเอกสาร หรือ รูปภาพเราสามารถซูมดูเฉพาะจุดได้ถ้าตรงไหนมันไม่ชัด ก็ซูมเข้าไปได้ถึง 5 ระดับ ถ้าอยากจะเปลี่ยนหน้าก็แค่ออกคำสั่ง "View Previous" หรือ "View Next" ถือว่าค่อนข้างสะดวกเลยทีเดียว
สำหรับการใช้กล้องของ RealWear Navigator 500 เราพูดคุณสมบัติไปแล้วไม่ว่าจะเป็นกล้อง 48 MP บันทึกวิดีโอ 1080p แบบ 60fps หรือซูมได้ 6 เท่า ส่วนนี้ก็จะให้ดูภาพและวิดีโอที่ถ่ายมาจริง ๆ เลยดีกว่า
ภาพถ่ายจาก RealWear Navigator 500
บันทึกวิดีโอจาก RealWear Navigator 500
สำหรับภาพถ่ายถือว่าออกมาคุณภาพใช้ได้เลย ส่วนวิดีโอเราอัดมาลงให้ดูได้เฉพาะไฟล์ GIF ซึ่งถ้าดูวิดีโอจริง ๆ คุณภาพก็ถือว่าโอเค
นอกจากนี้ หน้าอินเตอร์เฟซของการใช้งานกล้อง ถ้าเราสังเกตมันสามารถซูมได้ 5 ระดับและยังเปิดใช้งานโหมด Telephoto เพื่อซูมได้อีก หรือปรับเรื่องการควบคุมแสงในกล้องด้วย ถือว่าค่อนข้างครบสำหรับโหมดการใช้งานกล้อง
ภาพจาก https://www.realwear.com/cloud/
สุดท้ายในการใช้ RealWear Navigator 500 ถ้าอยากเพิ่มประสิทธิภาพได้สูงสุด เราสามารถใช้ร่วมกับ RealWear Cloud ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้ประโยชน์โดยให้หัวหน้างาน หรือ ฝ่ายไอที ที่มีหน้าที่ดูแลอุปกรณ์ ใช้ดูพวกข้อมูลสถิติการใช้งานแว่น, การติดตามแว่นที่กำลังทำงานอยู่ ไปจนถึงการสั่งอัปเดตเฟิร์มแวร์ และ ติดตั้งแอปพลิเคชันจากระยะไกลได้เลย ถือเป็นระบบกลางที่เอาไว้ใช้ดูภาพรวมการทำงานต่าง ๆ ของแว่นได้ทั้งหมด
ข้อมูลทั่วไป | ข้อมูลจำเพาะ |
ระบบปฏิบัติการ |
|
ชิปเซ็ต |
|
หน่วยความจำ |
|
น้ำหนัก |
|
การเสริมความคงทน |
|
ปุ่มสั่งการเฉพาะทาง |
|
พอร์ตเสียบ |
|
แขนบูม |
|
อุณหภูมิและความชื้นขณะทำงาน |
|
ภาษาที่รองรับ |
|
บลูทูธ |
|
Wi-Fi |
|
GPS และตําแหน่งที่ตั้ง |
|
IMU - การติดตามการเคลื่อนไหวของหัว |
|
แบตเตอรี่ |
|
ความปลอดภัย |
|
จอแสดงผล |
|
ไมโครโฟน |
|
ลําโพง |
|
รูปภาพ |
|
วีดีโอ |
|
อุปกรณ์นิรภัย |
|
การรับประกัน |
|
บริการเสริมและแผนการสนับสนุน |
|
อุปกรณ์เสริม |
|
บริการคลาวด์ |
|
แว่นตาอัจฉริยะ RealWear Navigator 500 ตัวนี้ ถือเป็นอุปกรณ์ สำหรับช่วยทำงานภาคสนาม ที่จะตอบโจทย์กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย ไม่ใช่แค่เพิ่มความสะดวกกในการทำงาน แต่ยังส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานแบบ Remote Working ได้เป็นอย่างดี เพราะรองรับการใช้แอปพลิเคชันสื่อสารทางไกลอย่างระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ และ แพลตฟอร์มส่วนกลางอย่าง RealWear Cloud
ทำให้ทำให้หัวหน้าทีมหรือผู้เชี่ยวชาญ สามารถสั่งการและเห็นมุมมองของผู้ใต้บังคับบัญชาจากระยะไกลได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในเรื่องการดูแลงานส่วนต่าง ๆ ให้ครอบคลุมทั้งองค์กร ช่วยประหยัดต้นทุนการเดินทาง และต้นทุนการดำเนินการในระยะยาว แล้วธุรกิจก็จะขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับผู้ที่สนใจซื้อแว่นตาอัจฉริยะ RealWear Navigator 500 ตัวนี้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ช่องทางเว็บไซต์ Thaiware Shop เลยครับ
ติดต่อสอบถามการสั่งซื้อ RealWear Navigator 500 ที่ Thaiware Shop
|
งานเขียนคืออาหาร ปลายปากกา ก็คือปลายตะหลิว |