สำหรับ โปรเจคเตอร์ BenQ LH650 รุ่นนี้ เป็นเลเซอร์โปรเจคเตอร์ของทางฝั่งสำนักงาน ใช้งานในห้องประชุม จุดเด่นในการใช้งานเป็นเรื่องขนาดเล็ก คล่องตัว มี พอร์ต USB-C แบบ ALT Mode มาให้ใช้ เชื่อมต่อไร้สาย (Wireless Connection) โดยไม่ต้องโหลดแอปพลิเคชัน หรือโปรแกรมอะไรเพิ่มเติม
แต่สิ่งที่ดูน่าสนใจและโดดเด่นจริง ๆ ของ BenQ LH650 กลายเป็นเรื่องความประหยัดไฟและมีดีไซน์ต่าง ๆ ที่รักษ์โลก โดยตัวนี้ชูเรื่องความประหยัดไฟสูงสุดถึง 70% โดยที่ยังรักษาคุณภาพการฉายได้เป็นอย่างดี รวมทั้งการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องเปลี่ยนหลอดไฟการฉาย ไร้สารปรอท กระบวนการผลิตที่ใช้วัสดุสิ้นเปลืองน้อย ขนาดตัวเครื่องเล็กและแพ็กเกจสินค้าแบบไม่มีพลาสติกเป็นส่วนประกอบอีกด้วย และนี่เป็นสเปกคร่าว ๆ ที่ควรรู้ของ BenQ LH650
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องของเลเซอร์โปรเจคเตอร์ BenQ LH650 จะมีดังนี้
อย่างไรก็ตาม โปรเจคเตอร์ตัวนี้รองรับการใช้งานเชื่อมต่ออุปกรณ์ฉายภาพแบบไร้สายได้ แต่ต้องมี Wireless Dongle เสียบใช้งานด้วย ซึ่งต้องซื้อเป็นอุปกรณ์เสริมเพื่อใช้งาน
เลเซอร์โปรเจคเตอร์ห้องประชุม BenQ LH650 มาพร้อมกับขนาดเล็กกะทัดรัดที่กว้างสุดเพียง 1 ฟุตเท่านั้น จึงประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งฉาย ไม่เปลืองพื้นที่โต๊ะห้องประชุม
ด้วยน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาไม่ถึง 3 กิโลกรัม สามารถเคลื่อนย้ายหรือปรับขาตั้งได้สะดวกกว่ารุ่นใหญ่ ๆ ที่มีน้ำหนักมาก อันนี้คือใช้ปลายนิ้วหมุนปรับระดับและยกตัวเครื่องได้สบาย ๆ
หรือถ้าไม่สะดวกวางตั้งบนโต๊ะ ตัวเครื่องก็รองรับการติดตั้งแบบแขวนเพดานได้เช่นกัน
จากที่ศึกษามา โปรเจคเตอร์รุ่นนี้ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การออกแบบเครื่องให้มีขนาดเล็ก และใช้แพคเกจที่มีขนาดเล็ก ประหยัดพื้นที่ในการขนส่ง ซึ่งตอนที่ได้รับกล่องสินค้ามาก็ประหลาดใจเหมือนกัน เพราะตัวกล่องขนาดเล็กมาก เทียบความสูงกับขวดน้ำ 1.5 ลิตร ก็จะเห็นแล้วว่ากล่องเล็กกว่าโปรเจคเตอร์สำนักงานผ่าน ๆ มาที่เคยรีวิว
ภายในกล่อง ไม่ว่าจะเป็นวัสดุกันกระแทกหรือซองห่อสินค้า จะมีสัญลักษณ์ที่แสดงว่าเป็นพลาสติกรีไซเคิลอีกด้วย ทางแบรนด์พยายามลดวัสดุสิ้นเปลืองให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด
แหล่งกำเนิดแสงของรุ่นนี้ จะไม่ใช้หลอดไฟที่มีสารปรอทในการฉาย แต่เป็นแหล่งกำเนิดแสงแบบ SSI (Solid State Illumination) ทั้ง LEDs, เลเซอร์ และวัสดุไร้สารปรอทต่าง ๆ ซึ่งอายุการฉายของรุ่นนี้ สูงสุดถึง 20,000 ชั่วโมงด้วยกัน ถ้านับว่าเปิดใช้งานตลอดเวลางาน 8 ชั่วโมง วันจันทร์-ศุกร์ ก็อยู่ได้ถึงเกือบ 10 ปีเลย
รุ่นนี้เขาเน้นเรื่องรักษ์โลกจริง ๆ อย่างตอนที่ใช้งานฟังก์ชัน ECO BLANK ก็มีข้อความ "Thank You For Saving Trees with BenQ."
รุ่นนี้เพิ่มพอร์ต USB-C แบบ DP เข้ามาให้เราได้ใช้งานด้วย เราสามารถใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต หรือแล็ปท็อป ฉายภาพขึ้นจอได้เลย แต่มีข้อแม้ว่าสาย USB-C ที่ใช้ต้องเป็นสาย Thunderbolt และอุปกรณ์ก็ต้องรองรับเช่นกัน ซึ่งสาย USB-C เล็กและดูไม่เกะกะเท่าพอร์ตใช้งานแบบเก่า ๆ
ตัวเลือกในการควบคุมมีทั้งบนตัวเครื่องและรีโมท โดยรีโมทจะมีคำสั่งเหมือนกับบนตัวเครื่องเลย แต่ขยายให้มีปุ่มหลากหลายมากขึ้น เช่น "ปุ่ม เปิด/ปิดเครื่อง" บนตัวเครื่องจะรวบเป็นปุ่มเดียว หรือ "ปุ่ม Source" บนรีโมทจะแยกออกมาเป็น พอร์ต PCI, พอร์ต HDMI ด้วย ก็ใช้งานสลับกันได้ไม่ติดขัดอะไร
ด้านพอร์ตการใช้งานก็มีมาให้ตามมาตรฐาน ระบบเก่าหน่อยก็ยังมี RS-232 มาให้ มี HDMI มา 2 ช่อง ต่อเสียงออกลำโพงด้วย AUDIO OUT ได้ ช่อง USB-A สามารถจ่ายไฟ 1.5A ให้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ ส่วน USB-C DP ก็เป็นช่องพอร์ตใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
ระยะการฉายระยะต่ำสุดอยู่ที 1.15 เมตร แต่ที่แนะนำอย่างน้อย ๆ ควรจะ 2.5 เมตร เพื่อให้ได้ขนาดการฉายที่ 100 นิ้ว แต่ก็สามารถปรับเปลี่ยนตามความสะดวกในการใช้งานได้ ขนาดจอใหญ่ที่สุดอยู่ที่ 150 นิ้วด้วยระยะ 5 เมตร ตัวเครื่องมี Auto Keystone 2D ปรับสัดส่วนหน้าจอให้อัตโนมัติ ซึ่งก็ค่อนข้างแม่นยำ วางกี่รอบ ๆ กรอบก็ขนานเท่ากันเป๊ะ ๆ
ภาพด้านล่างเป็นการทดสอบในห้องประชุมที่บริษัทฯ มีขนาดความกว้างประมาณ 3 เมตร ระยะที่ฉายอยู่ที่ 2 เมตร ก็จะได้ขนาดหน้าจอดังภาพ ความสว่างสู้แสงแดดที่ลอดเข้ามาได้ในระดับหนึ่ง
การเปิดใช้งาน บูทเครื่องครั้งแรกของวันจะค่อนข้างใช้เวลานิดนึง แต่รอบต่อ ๆ ไป เปิดเครื่องรวมกับหาสัญญาณจากอุปกรณ์ ใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาที ก็พร้อมพรีเซนต์แล้ว
สำหรับการเชื่อมต่อก็เหมือนการใช้งานทั่ว ๆ ไป เลือกสายสัญญาณที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น HDMI หรือ USB-C ก็ได้ หรือจะใช้งานไร้สาย สำหรับอุปกรณ์ที่รองรับก็เลือก Cast หน้าจอกับตัวอุปกรณ์ Wireless Dongle ได้เลย
ข้อดีของการใช้ USB-C DP ก็คืออุปกรณ์ที่เราฉายจะได้รับการชาร์จแบตเตอรี่ ไปด้วยในตัว ไม่ต้องกลัวว่าแบตฯ อุปกรณ์จะหมดระหว่างการพรีเซนต์งาน
พอเป็นโปรเจคเตอร์สำนักงาน Picture Mode ที่ได้มาก็จะเกี่ยวกับการทำงานล้วน ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนองานทั่วไป (Presentation), การนำเสนอสเปรดชีต (Spreadsheet), การประชุมทางไกล หรือการประชุมออนไลน์ (Video Conference), การนำเสนอภาพอินโฟกราฟิก (Infographic)
แต่ละโปรไฟล์จะทำให้เหมาะกับการนำเสนอต่าง ๆ เช่น Presentation จะเน้นเรื่องสีสัน, Spreadsheet กับ Infographic จะเน้นเรื่องความต่างแสงให้เห็นตัวอักษรเด่นชัดขึ้น และ Video Conference จะเพิ่มสีโทนอุ่น ให้หน้าตาดูสดใสมีชีวิตชีวา
โปรเจคเตอร์มาพร้อมโหมดประหยัด 'ECO' และ 'SmartEco' ที่ช่วยให้ประหยัดไฟมากขึ้นถึง 70% และยืดอายุการใช้งานหลอดไฟไปได้นานถึง 20,000 ชั่วโมง เราเลยลองเปรียบเทียบความต่างระหว่างโหมดปกติกับโหมดประหยัดมาให้ดูว่า แตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ?
ด้วยสถานที่ที่ทดลองคุณภาพนี้ เป็นห้องประชุมที่มีแสงแดดเข้ามาอ่อน ๆ ไม่ได้มืดสนิท สีภาพจึงดรอบกว่าหัวข้อก่อนหน้า แต่ก็สู้แสงได้ดี ความสว่างและรายละเอียดยังคงชัดเจน รวมไปถึงสีสันของภาพ ส่วนใน Eco Mode ความสว่างจะดรอบลงอีกเพียงเล็กน้อย พื้นที่ที่เป็นแสงสีขาวจะมองเห็นเป็นสีเหลืองนิด ๆ ถ้าไม่ได้สังเกตก็แทบไม่ต่างจาก Standard mode เลย
โปรเจคเตอร์ให้ลำโพงขนาด 10 วัตต์ (W) มาด้วย อยู่ทางด้านซ้ายของตัวเครื่องคู่กับพัดลมระบายอากาศ สามารถใช้เล่นสื่อเสียงต่าง ๆ จากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับโปรเจคเตอร์ได้ ไม่ว่าจะทั้งทาง HDMI, USB-C หรือ Wireless แน่นอนว่าคุณภาพเสียงอยู่ในระดับที่พอใช้งานได้ สามารถเล่นเสียงเอฟเฟคต่าง ๆ จากการพรีเซนต์ได้แบบไม่ขัดเขิน
เราลองปรับสุดเปิดเพลงดูด้วยเสียงดังที่สุด ซึ่งเสียงไม่ได้ดังกระหึ่มมาก ห้องประชุมขนาดกลางได้ยินกันทั่วถึง ที่ชอบคือเสียงดังสุดไม่ได้แตกพร่า ยังคงมีเนื้อเสียงที่ชัดเจน ฟังแล้วสบายหู แต่ถ้าอยากได้เสียงที่ดีขึ้นก็สามารถต่อลำโพงภายนอกได้
ด้านคุณภาพการฉายสำหรับการประชุมถือว่าทำได้ค่อนข้างดีเลยสำหรับ BenQ LH650 ตัวนี้ เรื่องที่ประทับใจมาก ๆ ก็คงเป็นเรื่องของขนาดและความคล่องตัวในการใช้งาน อย่างที่บอกไว้ว่า เห็นไซส์กล่องตอนแรกก็เซอร์ไพรส์แล้ว ด้วยขนาดที่เล็กและเบา ทำให้เราจับโยกย้ายไปมาได้สะดวก เช่น เปลี่ยนที่ประชุมไปห้องนั่งเล่นบ้าน หรือโซนอื่น ๆ บ้างก็จับโยกได้เลย ติดตั้งง่าย Auto Keystone ฉลาด ใช้ USB-C DP ต่อกับมือถือก็พรีเซนต์งานได้เลย
อีกอย่างที่ดูโดดเด่นก็คือความประหยัดตั้งแต่ระดับองค์กรไปจนถึงระดับโลก (เว่อร์ไปป่ะ ?) ที่มีทั้งโหมด Eco ประหยัดไฟไปได้ 70% หลอดไฟใช้งานได้เกือบ ๆ 10 ปี ประหยัดพื้นที่ใช้สอย ประหยัดทรัพยากรทั้งหลอดไฟไร้สารปรอท กล่องสินค้าวัสดุย่อยสลายและพลาสติกรีไซเคิล ช่วยเรื่องภาพลักษณ์ให้องค์กร และช่วยเรื่องใจคนรักสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี และทางแบรนด์ก็รักลูกค้าด้วยการรับประกันที่ยาวนานถึง 3 ปีเลยทีเดียว
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เลเซอร์โปรเจคเตอร์ห้องประชุม BenQ LH650 ได้ที่นี่
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูล
- โทร 02 700 5861
|
... |
ความคิดเห็นที่ 9
12 มีนาคม 2567 14:56:23
|
||
GUEST |
Jax46
อยากให้รีวิวตัวจอสัมผัสสำหรับองค์กรด้วยครับ รออ่านครับ
|
|
ความคิดเห็นที่ 8
12 มีนาคม 2567 11:38:34
|
||
GUEST |
9Nine
ยี่ห้อนี้เขาดีอยู่แล้ว ผมรู้จักยี่ห้อนี้มานานมาก
|
|
ความคิดเห็นที่ 7
12 มีนาคม 2567 09:18:24
|
||
GUEST |
จิรายุ
ติดตามทุกรีวิวนะครับ ละเอียดดีผมชอบอ่าน ไม่ขายของไป มี่บอกข้อดีข้อเสียชัดเจน
|
|
ความคิดเห็นที่ 6
11 มีนาคม 2567 22:34:19
|
||
GUEST |
ศุภชัย
รีวิวดีมากครับ อ่านจนจบ
|
|
ความคิดเห็นที่ 5
11 มีนาคม 2567 22:13:52
|
||
GUEST |
BaSs1970
มันประหยัดไฟได้70% จริงๆหรอครับ
|
|
ความคิดเห็นที่ 4
11 มีนาคม 2567 19:48:19
|
||
GUEST |
MicMIx
รีวิวละเอียดมากครับ ไม่ผิดหวังจริงๆ จะซื้อของไอที ต้องเข้ามาอ่านไทยแวร์ก่อน
|
|
ความคิดเห็นที่ 3
11 มีนาคม 2567 16:16:47
|
||
GUEST |
Name89
ดีครับน่าลอง ใช้อันเก่าอยู่หนักมาก แถมตัวใหญ่แอบเทอะทะ
|
|
ความคิดเห็นที่ 2
11 มีนาคม 2567 11:35:12
|
||
GUEST |
fufool
แบรนด์นี้ โปรเจคเตอร์ดีทุกตัวเลยครับ
|
|
ความคิดเห็นที่ 1
11 มีนาคม 2567 10:24:30
|
||
GUEST |
gypso
การันตี BenQ ดีจริงค่ะ ที่บ้านใช้จอคอมของ BenQ เหมือนกัน ดีจนแนะนำที่ทำงานใช้โปรเจคเตอร์ของ BenQ ไปแล้วค่ะ555555
|
|