Roborock หนึ่งในแบรนด์หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มาแรงมาก ๆ ในท้องตลาด ก็เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นและขัดถูพื้น S8 Series ใหม่รับปี ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566) ภายในซีรีส์ก็จะมีอยู่ 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ S8, S8+ และ S8 Pro Ultra โดยทั้ง 3 รุ่นมากับการอัปเกรดที่โหดสุด ๆ ด้วย แรงดูดที่สูงถึง 6,000 Pa ด้วยกัน ทำให้ประสิทธิภายในการดูดฝุ่นทำความสะอาดสูงขึ้น
ในบทความนี้ เราได้หยิบรุ่นท็อปอย่าง Roborock S8 Pro Ultra มารีวิวให้ดูกัน โดยในเบื้องต้นรุ่นท็อปนี้ จะมีหลาย ๆ ส่วนที่ถูกอัปเกรดขึ้นมาจากอีก 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็นแท่นชาร์จอัจฉริยะเต็มรูปแบบ ทั้งดูดเก็บฝุ่น เปลี่ยนน้ำ ซักผ้าถูกพื้น ทำความสะอาดตัวเอง รวมไปถึงแปรงหลักและระบบถูพื้นที่แตกต่างอีกด้วย เดี๋ยวมาดูกันว่า Roborock S8 Pro Ultra รุ่นนี้ ดียังไง ? คุ้มที่จะอัปเกรดมาเป็นตัวท็อปเลยมั้ย ?
"ยิ่งท็อป ยิ่งอัจฉริยะ" เป็นนิยามหลัก ๆ ของการตัดสินใจเลย สำหรับ Roborock S8 Series นี้ ความแตกต่างที่ชัด ๆ ก็คือแท่นชาร์จนี่แหละ โดยในรุ่น S8 เราจะได้เป็นแท่นชาร์จธรรมดาที่ชาร์จเร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนเท่านั้นเอง แต่ถ้าอัปเกรดขึ้นมาเป็น S8+ เราจะได้แท่นชาร์จที่มีระบบดูดเก็บฝุ่นให้ด้วย ไม่ต้องถอดถังจากตัวเครื่องไปเคาะเอง แต่ก็อย่าลืมไปว่า หุ่นยนต์ตัวนี้มันทำได้ทั้งดูดฝุ่นและถูพื้นไปในตัว เพราะฉะนั้นการซักผ้าถูก็จะเป็นภาระของเรา
แต่ถ้าจะซื้อหุ่นยนต์มาช่วยเราทำความสะอาดให้มันสุดทางแล้ว ก็ควรไป S8 Pro Ultra ได้เลย ปล่อย (เกือบ) ทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของหุ่นยนต์ทำความสะอาด เพราะด้วยแท่นชาร์จอัจฉริยะนี้แล้ว เราแทบไม่ต้องไปแตะตัวหุ่นอีกเลย ไม่ว่าจะทิ้งฝุ่น ทำความสะอาด ซักผ้าม็อบถูพื้น ตากผ้าม็อบ เปลี่ยนน้ำถูบ้าน หรือทำความสะอาดตัวเครื่อง ที่กล่าวมานี้ แท่นชาร์จทำให้หมด หน้าที่เราก็แค่ เติมน้ำให้เต็มแทงค์ เอาน้ำสกปรกไปทิ้งบ้าง และนาน ๆ ทีก็เอาถุงขยะเก็บฝุ่นจากแท่นชาร์จไปทิ้ง ซึ่งทางแบรนด์เคลมเลยกว่าถุงจะเต็มจนต้องเอาไปทิ้งก็ 7 สัปดาห์เลยทีเดียว (บ้านเค้าน่าจะสะอาดกว่าบ้านเรามาก 555)
เห็นได้ชัดว่าในรุ่นเล็ก ฟังก์ชันแท่นชาร์จจะน้อยมาก
ภาพจาก : https://www.roborockthailand.com/Roborock_S8_Series
นอกจากตัวแท่นชาร์จที่ให้แต่ละรุ่นไม่เหมือนกันแล้ว S8 Pro Ultra ยังมีภายในที่ไม่เหมือนกับอีก 2 รุ่น ก็คือ แปรงหลัก DuoRoller Riser™ Brush ที่ถูกอัปเกรดจากเดิมให้ทำงานได้ดีขึ้น เศษฝุ่นหรือผมติดน้อยลง และระบบถูพื้น VibraRise 2.0™ Mopping System เวอร์ชันใหม่มาให้ใช้งานด้วย
ทีนี้มาดูเรื่องของการออกแบบทั้งตัวหุ่นยนต์ทำความสะอาด Roborock S8 Pro Ultra เอง และแท่นชาร์จอัจฉริยะที่มาด้วยกันกับซีรีส์ 8 ตัวท็อปนี้กัน
Roborock S8 Pro Ultra เป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดทรงกลมพิมพ์นิยม มีให้เลือกทั้งสีขาวและสีดำ ซึ่งตัวที่รีวิวเป็นสีขาว เส้นผ่านศูนย์กลาง 35 เซนติเมตร สูง 9.6 เซนติเมตร น้ำหนักอยู่ที่ 4.9 กิโลกรัม มีบั๊มเปอร์กันกระแทกครึ่งวงกลมด้านหน้า มีเซ็นเซอร์ต่าง ๆ มีระบบนำทาง PreciSense™ LiDAR อยู่ด้านบน มีปุ่มคำสั่งให้ใช้งาน 3 คำสั่งด้วยกัน ได้แก่ ปุ่ม Power เปิด/ ปิดใช้งาน, ปุ่มกลับฐาน, และปุ่มถูพื้น
ด้านบนมีฝาเปิดเพื่อถอดถังเก็บฝุ่นขนาด 350 มิลลิลิตร ไปเคาะทำความสะอาดได้ และมี QR Code ด้านข้างไว้สำหรับทำการเชื่อมต่อกับแอป Roborock บนมือถือ เนื่องจากรุ่นนี้ไม่มีรีโมทมาให้ การควบคุมใช้งานและฟังก์ชันต่าง ๆ จะทำผ่านสมาร์ทโฟนแทบทั้งหมด ซึ่งเดี๋ยวจะไปลงลึกในส่วนของการใช้งานแอปพลิเคชันนะครับ
ส่วนด้านใต้ของหุ่นยนต์ ก็จะแบ่งส่วนที่ดูดฝุ่นอยู่ด้านหน้า มีแปรงปัดอยู่มุมขวาบนไว้ปัดตามซอกมุม มีเซ็นเซอร์กันตก แปรงปัดหลัก DuoRoller Riser™ Brush แบบคู่ พร้อมล้อหลักที่สามารถยกตัวข้ามสิ่งกีดขวางได้ หรือทำความสะอาดพื้นพรม ส่วนด้านหลังจะเป็นพื้นที่ของผ้าม็อบถูพื้น ภายใต้ผ้าม็อบก็จะเป็นระบบถูพื้น VibraRise 2.0™ Mopping System ที่ช่วยให้ถูพื้นขจัดคราบได้สะอาดขึ้น ภายในตัวเครื่องมีถังน้ำความจุ 200 มิลลิลิตร สำหรับถูพื้นด้วย รวมทั้งยกผ้าม็อบขึ้น 5 มิลลิเมตรได้ เพื่อไม่ให้เปียกพื้นพรมเวลาดูดฝุ่น
ด้านวัสดุและงานประกอบของรุ่นนี้ ค่อนข้างดีสมราคาเลยทีเดียว ดูแน่นหนามีน้ำหนัก พื้นผิววัสดุจะเป็นผิวด้านเสียส่วนใหญ่ มีผิวเงา ๆ แค่พื้นที่ด้านบนของตัวเครื่องเอาไว้โชว์ความหรูหรา ผ้าม็อบติดกับตีนตุ๊กแกแน่นหนามาก และที่เราชอบที่สุด คือส่วนต่าง ๆ ที่ต้องถอดใส่ อย่าง ถังเก็บฝุ่น หรือแปรงหลักใต้เครื่อง สามารถถอดจากตัวล็อกหรือใส่กลับเข้าไปได้ง่าย ไม่แข็ง ไม่หลวมเกินไป สาว ๆ ตัวเล็ก แรงน้อย ผิวบอบบาง ก็สามารถจัดการได้ง่าย ๆ
สำหรับแท่นชาร์จที่มากับ Roborock S8 Pro Ultra ตัวใหญ่โตมโหฬารมาก มีขนาดความกว้างอยู่ที่ 41x51 เซนติเมตร และสูง 46 เซนติเมตร เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่ต้องคำนึงเลยก็คือ พื้นที่สำหรับวางแท่นชาร์จ จะให้หลบ ๆ ในหลืบก็คงยากหน่อย
ความใหญ่ของแท่นชาร์จมาจากถังทั้ง 3 ใบด้านบนนั่นเอง ซึ่งประกอบไปด้วย ถังน้ำเสีย ถังน้ำดี ที่มีขนาดเท่ากันสามารถถอดน้ำไปเททิ้ง หรือล้างทำความสะอาดได้ โดยน้ำ 1 แทงก์สามารถถูพื้นได้ 300 ตารางเมตร และถังเก็บฝุ่นที่เป็นฝาครอบ ด้านในเป็นถุงขนาด 2.5 ลิตร ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งถ้าเป็นตามที่แบรนด์เคลม เกือบ 2 เดือน เราจะได้มาเปิดฝานี้ เอาฝุ่นไปทิ้งรอบหนึ่ง
ส่วนด้านล่างที่เป็นฐานจอดหุ่นยนต์ทำความสะอาด นอกจากมีแถบแม่เหล็กสำหรับการชาร์จแล้ว ก็จะมีโซนด้านในสำหรับซักผ้าม็อบ มีท่อเป่าลมร้อนซ่อนอยู่บริเวณด้านขวา ที่จะคอยให้ลมร้อนสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการเกิดกลิ่นอับ
ด้านหลังของแท่นชาร์จ หากต้องการซ่อนสายไฟ ไม่ให้เกะกะ ก็สามารถพันสายไฟไว้ตามช่องของแท่นชาร์จได้ด้วย เพื่อความเรียบร้อยสวยงาม
เพิ่มเติมอีกเล็กน้อย คือทั้งตัวเครื่องและแท่นชาร์จมีลำโพงในตัว จะคอยตอบโต้เวลาเราใช้งานคำสั่งต่าง ๆ รวมไปถึงการถอด-ใส่อุปกรณ์ด้วย
ทีนี้มาดูในเรื่องของการใช้งานจริงของ หุ่นยนต์ทำความสะอาด Roborock S8 Pro Ultra กันบ้าง ว่าจากที่เราทดสอบกันมาแล้ว ได้ประเด็นอะไรมาบ้าง ? จะสรุปให้อ่านกันเป็นหัวข้อไปนะครับ
ก่อนจะเริ่มทำความสะอาด ตัวหุ่นจะต้องวิ่งสำรวจห้องเพื่อสร้างแผนที่ก่อน ให้ทำงานได้อย่างแม่นยำ โดยจากที่ดูลักษณะการวิ่งแล้ว ตัวหุ่นยนต์จะไม่ได้วิ่งจนทั่วทุกพื้นผิว แต่ว่าใช้กล้องเซ็นเซอร์ประกอบการสร้างแผนที่ด้วย เพื่อแยกแยะระหว่างกำแพง ประตูหรือช่องต่าง ๆ ซึ่งค่อนข้างรวดเร็วและแม่นยำเลยทีเดียว อย่างภาพด้านล่างเป็นห้องขนาด 40 ตารางเมตร ใช้เวลาสแกนเพียง 1 นาทีเท่านั้น และเส้นสีขาวคือทางที่หุ่นยนต์วิ่ง วิ่งแค่นิดเดียวก็สแกนห้องได้อย่างแม่นยำ
เราสามารถเพิ่มจุดต่าง ๆ ภายในแผนที่ผ่านแอปฯ เพื่อช่วยให้หุ่นยนต์ทำงานได้แม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ พื้นที่พรม จุดห้ามเข้า หรือแก้ส่วนที่เป็นกำแพงหรือช่องประตูต่าง ๆ ได้
รูปแบบการวิ่ง เราสามารถเลือกจากแอปฯ ได้ว่าจะให้หุ่นยนต์ทำความสะอาดวิ่งในลักษณะไหน ซึ่งมีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ โดยหุ่นยนต์จะวิ่งเพียงรอบเดียว และลักษณะการวิ่งจะเหลื่อมจากเส้นเดิมเล็กน้อย ใช้เก็บงานจากเส้นทางเดิมได้เป็นอย่างดี
การตั้งค่าดั้งเดิม หุ่นยนต์จะวิ่งเพียงรอบเดียวและจบการทำงาน แต่ถ้าต้องการให้เน้นทำความสะอาดในบางจุด สามารถสั่งเพิ่มเติมได้
การวิ่งขึ้นพรม ตัวหุ่นยนต์จะตรวจจับอัตโนมัติอย่างรวดเร็ว ยกผ้าม็อบขึ้น และเปลี่ยนเป็นแรงดูดสูงสุดทันที แต่จากที่ทดลองแล้ว เหมาะกับการทำความสะอาดพรมขนสั้น การวิ่งขึ้นพรมขนยาว ผ้าม็อบจะยกไม่พ้นทำให้พรมเปียก ถ้าต้องการใช้งานจริง ๆ แนะนำให้ถอดผ้าม็อบและดูดฝุ่นเพียงอย่างเดียว
สำหรับวัตถุที่เซ็นเซอร์ตรวจจับได้ เครื่องจะไม่ชนกับวัตถุนั้น ๆ และเลี่ยงให้เอง แต่ในบางกรณี อย่างเช่น วัตถุใสหรือผิวเงา ค่อนข้างเป็นพิษกับระบบเซ็นเซอร์ ก็จะมีบั๊มเปอร์ช่วยป้องกันการชนอีกแรงหนึ่ง และสายไฟต่าง ๆ ที่วางระเกะระกะ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเกี่ยวได้แน่นอน หากจำเป็นต้องลากสายไฟจริง ๆ ควรเก็บสายไฟด้วยเทปหรือรางให้เรียบร้อย หากความสูงไม่เกิน 1 เซนติเมตร หุ่นยนต์สามารถข้ามได้
รุ่นนี้ถูกอัปเกรดแรงดูดจาก S7 Series ที่ 5,100 Pa กลายมาเป็น 6,000 Pa เลยทีเดียว ซึ่งแรงดูดที่สูงขึ้น ก็จะเพิ่มโอกาสในการดูดให้สะอาดหมดจดมากยิ่งขึ้น คราวนี้เราเลยลองงทดสอบการดูดฝุ่น โดยแยกออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ผงกาแฟชง แทนฝุ่นเม็ดเล็ก เพื่อจะได้มองเห็นสีได้ชัดขึ้น และเศษซีเรียลบดหยาบ แทนเศษขยะต่าง ๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่าฝุ่นนะครับ
ในส่วนของผงกาแฟที่มีขนาดเล็กและเบา หุ่นยนต์สามารถดูดฝุ่นทำความสะอาดได้หมดจดภายใน 1-1.5 รอบ (เวลาหุ่นยนต์วิ่งจะทับทางเดินเก่านิดหน่อยเพื่อเก็บงานอีกเล็กน้อย) โชว์ประสิทธิภาพได้อย่างยอดเยี่ยม
กาแฟที่ใหญ่กว่าฝุ่นเล็กน้อย วิ่ง 1-2 รอบดูดได้หมดจด
แต่สำหรับในส่วนที่เป็นซีเรียลบดหยาบ สิ่งที่เกิดขึ้นคือแปรงปัดของตัวหุ่นยนต์จะปัดเศษซีเรียลกระเด็นไปในทิศทางต่าง ๆ รวมทั้งเศษซีเรียลที่ดูดเข้ามา จะติดอยู่ตามแปรง ซอกล้อเต็มไปหมด เพราะด้วยน้ำหนักและความใหญ่โตของซีเรียลด้วย
วัตถุชิ้นใหญ่ แปรงจะปัดแล้วดีดไกล
สิ่งที่สรุปได้จากการทดสอบดูดเศษวัตถุ 2 แบบ ก็คือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นสามารถทำงานได้ดีในการดูดฝุ่นผง ไม่ว่าจะเล็กใหญ่ แต่การใช้ดูดเพื่อเก็บกวาดเศษขยะต่าง ๆ ถือว่าผิดประเภทการใช้งานนะครับ
ตัวแปรง DuoRoller Riser™ Brush ใหม่นี้ ด้วยความที่เป็นแปรงยางและมีช่องไฟระหว่างหยักที่เยอะ ทำให้โอกาสที่ฝุ่นหรือเศษผมจะติดตัวแปรงน้อยกว่่าแปรงแบบขนแน่ ๆ แต่ก็มีตรงส่วนที่เป็นแกนด้านข้างที่อาจจะมีเศษผมเข้าไปพันติดอยู่บ้าง ซึ่งก็สามารถถอดออกมาแกะเส้นผมทำความสะอาดได้ง่าย ๆ เลย ตัวนี้แกะ ถอด ใส่ อุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ง่ายมาก
ถอดแปรงมาทำความสะอาดได้ง่าย
หลังจากที่ดูดฝุ่นเสร็จเรียบร้อย หุ่นยนต์จะวิ่งกลับเข้าฐาน เพื่อเคลียร์ฝุ่นออกจากตัวถังทั้งหมด แน่นอนว่าสะอาดเกลี้ยงกว่าเราเคาะเองเยอะ แถมไม่ต้องให้ขี้ฝุ่นเปื้อนมืออีก ทิ้งไว้ซักเดือนกว่า ๆ แล้วค่อยเอาถุงเก็บฝุ่นไปทิ้งก็ยังได้ แต่เสียงตอนเคลียร์ฝุ่นออกค่อนข้างดังเลยทีเดียว ถ้าหลับอยู่ก็มีสะดุ้งสะเทือนกันแหละ
กล่องเก็บฝุ่นสะอาดเลยทีเดียว อาจจะมีเม็ด ๆ ฝังตามขอบบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่
การถูพื้นของ Roborock จะใช้เทคโนโลยีเฉพาะของแบรนด์ที่เรียกว่า VibraRise 2.0 โดยการถูจะใช้แรงสั่นสะเทือน 3,000 ครั้งต่อนาที และแรงกด 6 นิวตัน เปรียบเหมือนเวลาเราขัดพื้นนั่นแหละ ขัดย้ำ ๆ ที่จุดเดิมอย่างรวดเร็ว เพื่อให้คราบหลุดจากพื้นผิวนั่นเอง เราจึงไม่เรียกว่าเป็นหุ่นยนต์ถูพื้น แต่เป็นหุ่นยนต์ขัดถูพื้นนั่นเอง
ระบบ VibraRise 2.0 ผ้าจะมีแรงสั่นสะเทือนระหว่างขัดถูพื้น
สำหรับการใช้งานฟังก์ชันขัดถูพื้น สิ่งที่ต้องเตรียมมีเพียงการเติมน้ำให้เต็มถังภายในแท่น RockDock™ Ultra เคลียร์ถึงน้ำเสียให้เรียบร้อย เมื่อเราสั่งการให้หุ่นยนต์ทำการขัดถูพื้น ตัวหุ่นยนต์ก็จะเข้าไปซักผ้าและออกมาถูพื้นสลับกันอยู่แบบนี้จนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเราค่อยนำน้ำเสียออกไปทิ้ง โดยน้ำถังหนึ่ง สามารถทำความสะอาดพื้นได้กว้างถึง 300 ตารางเมตรด้วยกัน หากเป็นห้องคอนโดทั่ว ๆ ไป ก็ได้เกือบ 10 รอบด้วยกัน
ทีนี้เราเลยลองสร้างคราบกาแฟแห้งกรังอยู่บนพื้น เป็นโจทย์ให้กับหุ่นยนต์ตัวนี้ในการทำความสะอาด ผลปรากฏว่า คราบกาแฟทั่ว ๆ ไป หุ่นยนต์ผ่านเพียงรอบเดียวก็สามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจด ส่วนด้านขวาคราบหนาซักหน่อย ก็ต้องขัดอีกหลายรอบหน่อย
คราบกาแฟบนพื้นเบอร์นี้แหละ
ไม่เพียงแค่ความสะอาดของพื้นที่ต้องดู แต่ยังมีเรื่องซักผ้าม็อบของตัว RockDock™ Ultra ด้วย เพราะเมื่อหุ่นยนต์ทำงานเสร็จกลับเข้าฐาน ตัวแท่นชาร์จจะซักผ้าม็อบให้อัตโนมัติ รวมทั้งมีฟังก์ชันเป่าลมร้อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นอับทั้งตัวผ้าและตัวเครื่องด้วย ซึ่งผ้าหลังจากที่เช็ดคราบกาแฟทันที ก็ถูกซักได้อย่างหมดจดเลย
ผ้าม็อบหลังถูกซักด้วย RockDock™ Ultra
สำหรับการเป่าลมร้อน จะไม่ทำให้ผ้าแห้งทันที เพราะการเป่าแห้งเลยจะเปลืองไฟมาก ๆ แต่จะเป็นระบบประหยัดพลังงาน ที่ค่อยเป่าลมร้อนทุก 2, 3 หรือ 4 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับที่ผู้ใช้งานตั้ง เพื่อลดปัญหากลิ่นอับจากความชื้นและขยะที่อยู่ภายในแท่นชาร์จ
ต่อมาหลังจากทำความสะอาดแล้ว ลองมาดูน้ำเสียจากการถูพื้นซักหน่อย
น้ำหลังจากถูพื้น ซักผ้า ดำอย่างเห็นได้ชัด
หุ่นยนต์ทำความสะอาดตัวนี้ มีฟังก์ชันในการสร้าง Map เบื้องต้น เพื่อความแม่นยำในการวิ่งอยู่แล้ว แต่บางทีก็อาจจะมีสิ่งของที่ไม่ได้คาดคิดมาขัดขวางการทำงานอยู่บ้าง ซึ่งจากที่เราลองทดสอบดู พบว่าเซ็นเซอร์ของหุ่นยนต์ สามารถตรวจจับได้เร็วและหลบวัตถุต่าง ๆ ก่อนที่จะชนได้เป็นอย่างดีเลย อย่ากรณีแก้วน้ำด้านล่างนี้ หุ่นยนต์วิ่งได้ใกล้กับวัตถุมาก ๆ และไม่ชนเลย
หุ่นยนต์หลบแก้วน้ำแบบใกล้มาก
แต่จะมีกรณีที่วัตถุเป็นผิวเงาหุ่นยนต์จะตรวจจับได้ยากหน่อย แต่ก็มีบั๊มเปอร์ช่วยให้หุ่นสัมผัสและเปลี่ยนทิศทางได้ ส่วนกรณีข้างล่างนี้ วัตถุใสและน้ำหนักเบาเกินไปจึงกลายเป็นว่าหุ่นยนต์มองไม่เห็นแทน
วัตถุใสและน้ำหนักเบาเกินไป บั๊มเปอร์จึงไม่ทำงาน
และอีกกรณีคือสายไฟเจ้าปัญหา ถ้าสายไฟไม่กี่เส้น หรือตึง ๆ หน่อยก็ข้ามได้สบาย แต่ถ้าเจอกองสายไฟ หุ่นก็อาจจะติดขัดได้ เพราะฉะนั้น เก็บสายไฟให้เรียบร้อยจะดีกว่า หรือถ้าต้องไว้ที่พื้นจริง ๆ ก็หาเทปมายึดสายไฟไว้กับพื้นเอาหรือรางไฟก็ได้
หนึ่งในครั้งที่สามารถข้ามได้ สายไฟต้องถูกยึดตรึงในระดับหนึ่ง
ความประทับใจของ Roborock S8 Pro Ultra จากที่ได้ทดสอบรีวิวกันมา ก็คือความฉลาดในการนำทาง และการหลบหลีกสิ่งกีดขวางครับ ตั้งแต่การ Map สร้างแผนที่ห้องครั้งแรก หุ่นยนต์ไม่จำเป็นต้องวิ่งให้ทั่วทั้งห้อง ก็สามารถสแกนสร้างห้องได้เร็ว และค่อนข้างแม่นยำ ระบุได้ทั้งผนังห้อง ช่องประตู ห้องที่อยู่ติดกัน ส่วนการหลบหลีกสิ่งกีดขวางระหว่างทำความสะอาดก็สามารถทำได้ดีทีเดียว เมื่อจับวัตถุได้ หุ่นยนต์จะเข้าไปแทบจะชิดวัตถุเลย ส่วนวัตถุที่มีความใส หรือสายไฟต่าง ๆ ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ครับ ควรจะเก็บให้เรียบร้อยมากกว่า
ส่วนเรื่องทำความสะอาดทั้งดูดฝุ่นและขัดถู ถ้าใช้ให้ถูกประเภทก็หายห่วงเรื่องความสะอาดพื้นห้องไปได้เลย ไม่ว่าจะเป็นแรงดูดแรงขัดที่ไว้ใจได้ ที่สำคัญคือ RockDock™ Ultra ที่คอยบริการเราทุกระดับ รวมทั้งการเป่าลมร้อนที่ช่วยแก้ปัญหากลิ่นอับได้เป็นอย่างดีครับ
สำหรับราคาของหุ่นยนต์ทำความสะอาด Roborock S8 Pro Ultra พร้อมแท่นชาร์จ RockDock™ Ultra ราคาจำหน่ายระหว่างที่เขียนรีวิวนี้ อยู่ที่ 34,999 บาท นะครับ
|
... |