ในท้องตลาด มีหุ่นยนต์ทำความสะอาดอัตโนมัติให้เลือกใช้มากมายเลยทีเดียว บางรุ่นก็มาพร้อมความสามารถในการดูดฝุ่นอัจฉริยะ บ้างก็ถูพื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ บางตัวทำความสะอาดได้ 2 แบบ แต่ที่เราจะแนะนำ ในบทความนี้ก็คือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มีความสามารถในการทำความสะอาดแบบ 4 in 1 ทั้งงานกวาด งานดูด งานขัด (เงา) และงานถู แบบครบสูตร
HOBOT LEGEE 7 เป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่ถูกอัปเกรดมาจาก HOBOT LEGEE 688 ซึ่งเน้นในการขัดทุกสภาพผิว มาพร้อมความสามารถดูดฝุ่น ขจัดคราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ และยังมีลูกเล่นเยอะมาก โดยเฉพาะตัวแอปพลิเคชันที่ใช้ควบคุมการทำงาน ที่มีฟีเจอร์ อย่างการสั่งด้วยเสียงที่รองรับภาษาไทย หรือ การจดจำแผนผังทำงาน และ การกำหนดพื้นที่ไม่ให้มันเข้าไปทำความสะอาด เช่น พรม หรือ พื้นที่รก ๆ ก็ได้
ถ้าใครเริ่มสนใจ และอยากรู้ข้อมูลมากกว่านี้ เชิญอ่านรีวิว และ ชมวิดีโอของเราได้เลยครับ ...
ความเร็วในการขัดถู | 900 ครั้ง/นาที |
แรงดูด | 2700 Pa |
แรงกด | 1.8 กิโลกรัม |
ระดับเสียง | 63 เดซิเบล |
ครอบคลุมพื้นที่สูงสุด | 500*5 ตารางเมตร สามารถจดจำแมปที่ไม่ซ้ำกันได้ 5 ห้อง รวมพื้นที่ทำงานสูงสุด 2500 ตารางเมตร |
เซ็นเซอร์ | 9 จุด (เพิ่มด้านหลังเครื่อง 2 จุด) |
ระบบพ่นน้ำอัจฉริยะ (Ai smart Spray) | 4 หัวฉีด |
LDS senser (Lidar sensor) | ระบบ Lidar สร้างแผนที่ตรวจจับสิ่งรอบตัว หมุน 7 รอบ / วินาที |
แบตเตอรี่ Li-Po4 | 4500 mAH ชาร์จ 1 ครั้งใช้งานได้ 140 นาที |
ขนาดถังน้ำ | 340 มิลลิลิตร |
กล่องเก็บฝุ่น | 500 มิลลิลิตร |
ผ้า | ผ้าไมโครไฟเบอร์สำหรับขัดหนาขึ้น 3 ชั้น |
รีโมท | ไม่มีรีโมท |
แผ่นกรอง | ขนาดใหญ่ |
Application | LEGEE 7 |
Creative Voice | กำหนดเสียง บอกสถานะเองได้ (อัดเสียงหรือเพลงใส่ได้) |
Virtual box Barrier | ควบคุมโซนพื้นที่ ที่ไม่ต้องการทำความสะอาดได้ |
สั่งงานด้วยเสียง | Siri, Google Assistant |
Wi-Fi | 5 G / 2.4 G |
Schedule Queue | สามารถตั้ง วันเวลา การทำงานได้ |
ดีไซน์หุ่นยนต์ทำความสะอาด HOBOT LEGEE 7 ไม่ได้แตกต่างกับรุ่นอื่น ๆ ในท้องตลาดมาก ด้านหน้ามีกันชนสปริง รอบตัวมีเซนเซอร์ 9 จุด เพิ่มจากเดิมด้านหลัง (2 จุด) และมีระบบ LDS หรือ Lidar Sensor บนส่วนหัวเครื่องสามารถทำงานหมุนตรวจจับสิ่งรอบตัวด้วยความเร็ว 7 รอบ / วินาที ตอบสนองต่อสิ่งกีดขวางได้อย่างรวดเร็ว และยังเป็นเซ็นเซอร์ที่ใช้จดจำแผนผังทำงานได้ไม่ซ้ำกันถึง 5 ห้อง
ตัวเครื่องมีความสูงเพียง 10 เซนติเมตร สามารถมุดไปทำความสะอาดใต้เฟอร์นิเจอร์ได้ มีส่วนโค้งเว้า ช่วยให้ทำความสะอาดตามซอกมุมได้ง่าย หรือเวลามีสิ่งกีดขวางส่วนโค้งนั้น ก็ยังช่วยให้การหลบหลีกเป็นไปอย่างคล่องตัวอีกด้วย
ปุ่มควบคุม ประกอบไปด้วยปุ่มเริ่มทำงาน (Standard Mode) ปุ่มใช้โหมดขัดเงา (Polish Mode) โหมดดูดฝุ่นระดับ 2 (Strong Mode) และ ปุ่มกลับที่ชาร์จ
ฝาบนเปิดออก ข้างในจะพบกับถังเก็บฝุ่นขนาดเท่ากับปริมาณ 500 มิลลิลิตร (ml) โดยตัวถังก็จะมี Screen Filter ที่ใช้ดักจับเศษฝุ่น เส้นผม และสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ มาพร้อมกับ HEPA Filter ที่ช่วยดักจับมวลอนุภาคเล็กลงไปอีกอย่างพวกไรฝุ่น และ เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเราสามารถถอดทั้งสองตัวออกมาทำความสะอาด หรือ ล้างน้ำได้เลย
ข้าง ๆ ถังเก็บฝุ่น มีถังน้ำที่สามารถบรรจุน้ำ ได้ 340 มิลลิลิตร สามารถเติมน้ำในแทงค์ด้วยขวดหัวแหลมที่แถมมากับเครื่อง โดยเปิดฝาที่หัวแทงค์ออกเติมแล้วปิดให้สนิท นอกจากนี้ด้วยความที่รุ่นนี้มีโหมดขัดเงาด้วย เราสามารถเติมน้ำยาขัดลงไปด้วยอัตราส่วน 1/5 ของน้ำ เพื่อขัดพื้นบ้านให้เงางามได้ ซึ่งจะรองรับการขัดทุกสภาพผิว เช่น พื้นไม้ กระเบื้อง หินอ่อน หรือ ลามิเนท เป็นต้น ส่วนน้ำยาสามารถซื้อแยกได้ในราคา 299 บาท
ส่วนประกอบใต้ฐานเครื่องดูไม่ซับซ้อนอะไร ด้านบนมีช่องดูดฝุ่น ที่มีพลังดูด 2,700 PA แรงดูดนี้เพียงพอสำหรับอะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ฝุ่น, ผงแป้ง, เมล็ดงา, เศษขนมปัง ไรฝุ่น เมล็ดถั่ว เส้นผม รอยดินจากเท้า สามารถดูดกำจัดได้หมด
ข้าง ๆ กันมีแปรงกวาดช่วยในการกวาดฝุ่นต่าง ๆ เข้ามาใต้ช่องดูดฝุ่น กำจัดสิ่งสกปรกตกค้าง ซึ่งแปรงกวาดนี้ยังสามารถใส่ และ ถอดเปลี่ยนง่ายมาก หากมีอะไรติดพัน เช่น เส้นผม หรือหัวแปรงเริ่มบานใช้งานไม่ได้ ก็ถอดมาทำความสะอาด หรือเปลี่ยนไปใช้ หัวแปรงสำรองแทน
ส่วนผ้าขัดเป็นผ้าไมโครไฟเบอร์พิเศษหนา 3 ขั้น ช่วยซึมซับน้ำได้ดียิ่งขึ้น แถมยังถอดเปลี่ยนทำความสะอาดง่าย โดยผ้าส่วนบนจะทำหน้าที่ในการขัดแห้ง (Dry Mode) และผ้าส่วนท้ายเครื่องจะใช้ทำหน้าที่ถูพื้นหรือขัดเงา (Polish Mode, Stain Mode) มอเตอร์มีแรงกด 1.8 kg ความเร็วในการขัดถู 900 ครั้ง / นาที สามารถจัดการคราบสิ่งสกปรกได้ดี เว้นแต่เป็นคราบฝังแน่น ผมแนะนำว่าใช้แรงคนน่าจะดีกว่า
Test โหมดเช็ดคราบ (Stain Mode)
สำหรับหัวฉีดน้ำจะอยู่กึ่งกลางระหว่างผ้าขัดสองผืน เป็นระบบ หัวฉีด A.I. 4 หัว ที่ควบคุมการพ่นละอองน้ำได้ ไม่ทำให้พื้นเปียกเกินไป และยังมีสายพานล้อของตัวเครื่อง ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีประกบคู่หัวฉีดสองฝั่ง ทำให้เวลาเครื่องวิ่งทำความสะอาดไประหว่างฉีดน้ำ ก็จะไม่ทับกับรอยขัด และก่อให้เกิดรอยล้อของตัวเครื่องนั่นเอง
สุดท้ายระบบเซนเซอร์ กันตก 4 ฝั่งของตัวเครื่อง ถ้าใครเอาไปใช้งานบนพื้นที่สูง อย่างชั้น 2 หรือ พื้นต่างระดับ ก็ไม่ต้องกลัว มันไม่ตกแน่นอน ไม่ฝืนวิ่งต่อไปจนทำให้เกิดความเสียหาย
เรื่องการติดตั้งหุ่นยนต์ทำความสะอาด HOBOT LEGEE 7 ไม่ยุ่งยากเลยครับ มองหามุมกำแพงที่เหมาะสม นำแท่นชาร์จพร้อมอะแดปเตอร์เสียบเชื่อมต่อให้เรียบร้อย และวางแท่นชาร์จชิดติดผนัง ให้ไฟสถานะตั้งขึ้น โดยควรเคลียร์พื้นที่รอบ ๆ ไม่ให้มีสิ่งกีดขวางในระยะ 1.5 เมตร
เสร็จแล้ววางแผ่นรองไว้ใต้แท่นชาร์จ เพราะแผ่นรองสามารถป้องกันน้ำหยดซึมลงพื้นจากผ้าขัด ที่ผ่านการใช้งานขัดถูมาแล้วได้นั่นเอง จากนั้นนำหุ่นมาวาง หันแกนชาร์จบนตัวหุ่นชิดแกนของแท่นชาร์จเท่านี้เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ
หมายเหตุ : การเริ่มต้นใช้งาน ควรติดตั้งเครื่องที่สถานีให้พร้อม และชาร์จไฟล่วงหน้าก่อน 2-3 ชั่วโมง
วิ่งกลับที่ชาร์จเอง
ในโหมดปกติระยะการทำงานของหุ่นยนต์ทำความสะอาด HOBOT LEGEE 7 จะอยู่ที่ประมาณ 240 ตารางเมตร สามารถจดจำแผนผังได้ไม่ซ้ำกันถึง 5 ห้อง ทำให้ครอบคลุมการทำงานถึง 1,200 ตารางเมตร ขณะที่โหมดประหยัดพลังงานจะเพิ่มระยะการทำงานได้ถึง 500 ตารางเมตร (500 * 5 รวมพื้นที่ทำงานสูงสุดคือ 2,500 ตารางเมตร) ด้านแบตเตอรี่มีความจุ 4,500 mAh ชาร์จหนึ่งครั้งวิ่งใช้งานได้ประมาณ 140 นาที (โหมดประหยัดพลังงานต่ำสุด ใช้งานได้ 300 นาที และถ้าแบตเตอรี่หมด มันก็จะทำการกลับที่ชาร์จโดยอัตโนมัติ
สำหรับตัวแอปพลิเคชัน HOBOT LEGEE 7 มีให้ดาวน์โหลดทั้งระบบ iOS และ Android ที่เจ๋งคือมีการรองรับภาษาไทยด้วย ซึ่งพอติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทุกคนสร้างบัญชี และ กด "เพิ่ม LEGEE ใหม่" และจะเห็นชื่อรุ่นปรากฏขึ้นมา หลังจากทำการเชื่อมต่อแล้ว ก็ให้ทำตามคำแนะนำของแอปพลิเคชันให้เรียบร้อย
โหลดแอป HOBOT LEGEE 7 สำหรับ iOS ได้ที่นี่
โหลดแอป HOBOT LEGEE 7 สำหรับ Android ได้ที่นี่
โดยตัวแอปพลิเคชัน จะมีความสามารถเพิ่มเติมจากการควบคุมที่ตัวเครื่องหลายอย่าง ซึ่งผมได้แบ่งออกเป็น 6 ข้อ ดังต่อไปนี้
ภายในแอปพลิเคชัน จะสังเกตว่าโหมดทำความสะอาด มีการเพิ่มเติมจากปุ่มควบคุมที่ตัวเครื่อง ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 8 โหมด ที่เราสามารถสั่งการผ่านแอปพลิเคชันได้
|
|
โหมดที่เราอยากแนะนำก็คือโหมดขัดเงา (Polish Mode) ที่จะเพิ่มแรงฉีดน้ำสูงสุด และ แรงขัดสูงสุด ช่วยให้พื้นบ้านเงางาม และ ทำความสะอาดได้อย่างหมดจด
นอกจากนี้ก็ยังมีอีกโหมดที่น่าสนใจสำหรับคนที่เลี้ยงสัตว์ภายในบ้าน ก็คือโหมดสัตว์เลี้ยง (Pet Mode) โดยการทำงานของโหมดสัตว์เลี้ยงจะเพิ่มระดับของแรงดูดสูงสุด เพื่อช่วยกำจัดขนของสุนัข และยังเพิ่มระดับของแรงฉีดน้ำ กับ แรงขัดเกือบเทียบเท่าโหมดขัดเงา (Polish Mode) เพื่อใช้ขัดรอยเท้าสุนัขที่วิ่งเล่นไปทั่วบ้านของคุณได้นั่นเอง
ขอยืมภาพจาก https://www.hobot.com.tw/legee7/
สุดท้ายในแอปฯ ยังมีรีโมทคอนโทรลเลอร์ ให้เราสั่งการเจ้าหุ่นได้แบบเรียลไทม์เลยล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นการให้มันเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา พ่นน้ำ วิ่งแบบซิกแซก วิ่งเป็นวงกลม กลับที่ชาร์จ ก็สั่งได้หมด
บนตัวแอปพลิเคชัน นอกจากจะมีโหมดทำงานให้ควบคุมหลายโหมด เรายังสามารถใช้มันเช็คสถานะแทงค์น้ำ ถังเก็บฝุ่น แบตเตอรี่ และ สถานะการทำงานของมันได้ทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องไปเปิดดูที่ตัวเครื่องให้ยุ่งยาก เป็นส่วนช่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ผู้ใช้งาน
เป็นฟีเจอร์ที่สะดวกต่อการจัดระบบทำงานของเครื่องได้ดีเลย เพราะเราสามารถกำหนดการทำงานของเครื่องให้ทำความสะอาดตามวันเวลาตลอดสัปดาห์ได้อย่างชัดเจน
ซึ่งในเมนูนี้ เรายังสามารถ เลือกโหมดที่จะใช้งาน และเลือกพื้นที่ทำความสะอาด ให้มันวิ่งตามแผนผังที่คุณกำหนดไว้ได้เลย เช่นคุณอาจจะสั่งให้มัน เช็ดแห้งในวันพุธ วันพฤหัสถูพื้น เป็นต้น
เป็นอีกหนึ่งระบบที่ผมชอบสุด ๆ และคิดว่าเป็นจุดเด่นของตัวเครื่องเลยทีเดียว คือระบบสั่งการด้วยเสียงที่ รองรับภาษาไทย ซึ่งภายในแอปพลิเคชันจะออกแบบคำสั่งเป็นภาษาอังกฤษมาให้ 11 คำสั่ง (ตามภาพด้านล่าง) ประกอบด้วยคำสั่งเปิดโหมดทั้ง 8 โหมด คำสั่งเริ่มทำงาน, คำสั่งหยุดทำงาน คำสั่งกลับที่ชาร์จ รวมทั้งหมดเป็น 11 คำสั่งพอดี
และวิธีการเปลี่ยนคำสั่งเสียงเหล่านี้ให้สามารถรองรับภาษาไทยก็ง่ายนิดเดียว แค่คุณเข้าไปที่สัญลักษณ์ Siri และเลือกคำสั่งที่ต้องการ เช่น Start Cleaning (เริ่มทำงาน) จากนั้นพิมพ์คำสั่งใหม่อย่าง "ถูบ้านให้หน่อย" บนช่อง 'เมื่อฉันพูด' เสร็จแล้วก็เลื่อนลงมากดเพิ่มไปยัง Siri
จากนั้นพอเรียก Siri และพูดคีย์เวิร์ดว่า "ถูบ้านให้หน่อย" ระบบของ HOBOT LEGEE 7 ก็จะเริ่มทำงานตามคำสั่งของผมเลยทันที (มีตัวอย่างอยู่ในคลิปนาทีที่ 6.25)
เป็นอีกคุณสมบัติที่หากใครซื้อมาก็อยากให้ลองเล่นกัน คือการใส่ 'เสียงสถานะตอบรับ' ตามใจเราลงไปแทนที่เสียง AI ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลง เสียงพูด เสียงหมา เสียงไก่ ได้หมด เพราะเราสามารถอัดสด ๆ บนฟังก์ชัน Creative Voice แล้วนำมาใช้แทนได้เลย
โดยปกติเสียงสถานะต่าง ๆ จะเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้นอยู่แล้ว วิธีคือ ต้องเข้าไปที่ Creative Voice จากภาพที่สองจะเห็น ตัวอย่าง "Hello l'm Legee" ซึ่งเป็นคำตอบรับของระบบตอนที่เราเปิดใช้งานครั้งแรก หรือ "LEGEE is going home" เป็นเสียงตอบรับเมื่อมันกำลังกลับที่ชาร์จ
ถ้าเราอยากใส่เสียงใหม่ก็แค่คลิกเข้าไปที่เสียงเหล่านั้น และแตะปุ่มสัญลักษณ์อัดเสียงตรงกลางเป็นการ Recording เท่านี้ก็จะได้เสียงที่อัดมาใช้แทนที่เสียงเดิมทันที (มีตัวอย่างอยู่ในคลิปนาทีที่ 7.32 )
ถ้าใครเคยใช้งานเครื่องดูดฝุ่นยี่ห้ออื่นแล้วเจอปัญหาที่ควบคุมไม่ได้ เช่น วิ่งขึ้นพรมจนเสียหาย ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป เพราะความพิเศษของ HOBOT LEGEE 7 คือการสร้างแผนผัง และบันทึกเก็บไว้ใช้งานได้ถึง 5 ห้อง
โดยการใช้งานระยะเริ่มต้น ควรปล่อยให้เครื่องเดินงานไปก่อนเพื่อสแกนพื้นที่ และถ้าให้ดีควรสตาร์ทจากจุดชาร์จไฟเพื่อให้ระบบบันทึกสถานีชาร์จไฟบนแผนผัง (ถ้าเริ่มจุดอื่น มันจะไม่รู้ว่าแท่นชาร์จตัวเองอยู่ไหน และมีสิทธิ์วิ่งชน) และเมื่อพอมันสร้างแผนผังออกมาแล้ว คุณสามารถกดหยุดการทำงานและ คลิกที่ Creating a New Map เพื่อทำการเซฟแผนที่ลงไปที่ระบบได้เลยครับ แถมเรายังสามารถดูความเคลื่อนไหวในการทำความสะอาดของมันได้ด้วย
แผนผังที่มันสร้างยังมีความแม่นยำพอสมควร มีการกำหนดสิ่งกีดขวาง แบ่งห้อง ตำแหน่งสถานีชาร์จ ตำแหน่งเครื่อง ตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์อย่างโซฟากลางบ้านก็มี ส่วนตรงที่ดูหลุด ๆ แหวก ๆ ก็ไม่ต้องแปลกใจ ผมยังปล่อยให้มันวิ่งไม่ทั่ว เลยสแกนออกมาได้เท่าที่เห็น
ตำแหน่งโซฟา พัดลม สถานีชาร์จ เครื่อง มุมห้อง เป๊ะ !
นอกจากจะสร้างแผนที่ให้เราเสร็จสรรพแล้ว เรายังสามารถนำแผนผังห้องต่าง ๆ ที่บันทึกไว้แล้วมาแบ่ง Area เป็นส่วน ๆ ได้อีกด้วยนะครับ เพื่อกำหนดพื้นที่อย่างละเอียดอีกครั้ง โดยคลิกเข้าไปที่ Area Editor
จะเห็นว่าระบบแบ่งเป็น 2 ส่วนอยู่แล้วตามพิกัดห้อง และถ้าต้องการแบ่งเพิ่มแค่เลือก Split Area และวาดเส้นกำหนดเอง หรือจะรวมห้องกลับมาก็เลือก Merge Areas กลับมารวมกันก็ได้ ส่วนในกรณีที่เราจะสั่งให้มันทำงานตามห้อง ก็แค่กลับไปหน้า Map Settings และเลือก Select The Cleaning Area จากนั้นเลือกโซน แล้วก็เลือกคำสั่งโหมดต่าง ๆ ต่อได้เลย
และอีกหนึ่งฟีเจอร์ในฟังก์ชันแผนผังที่น่าสนใจก็คือ Virtual Barriers เราสามารถวาดกรอบ หรือ เส้นแบ่งกั้นบนแผนผังได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องเดินผ่านเข้าไปในพื้นที่ที่เราไม่อยากให้มันเข้าไปทำความสะอาดนั่นเอง และเครื่องก็จะจดจำไม่เดินผ่านเข้าไปส่วนนั้นครับ
ผมขอแนะนำถ้าซื้อ หุ่นยนต์ทำความสะอาด HOBOT LEGEE 7 มาใช้งานแล้วคุณจะรู้สึกว่ามันไม่เหมือนรุ่นอื่น ๆ ที่เคยใช้มาก่อนเลย แค่สั่งด้วยเสียงเป็นภาษาไทยได้ก็เทพแล้ว ที่สำคัญต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาใช้ด้วย เพราะตัวแอปพลิเคชันสำคัญจริง ๆ
ทิ้งท้าย ถ้าใครคาดหวังการใช้หุ่นยนต์ทำความสะอาดเทียบเท่ากับแรงคน ควรลดความคาดหวังลงหน่อย เพราะอย่างไรก็เทียบกันไม่ได้ แต่ถ้าพูดถึงเครื่องทุ่นแรงที่ดีแล้ว HOBOT LEGEE 7 ถือว่าครบเครื่อง และน่าใช้มาก ๆ ตัวหนึ่ง สำหรับตัวเครื่องนี้มีระยะเวลารับประกันศูนย์ 1 ปี ฟรีค่าช่าง ราคาอยู่ที่ 27,900 บาท ถ้าพ่อบ้านแม่บ้านสนใจ ลองไปหาซื้อกันดูได้ครับ
|
งานเขียนคืออาหาร ปลายปากกา ก็คือปลายตะหลิว |