มีรีวิวกล้องติดรถยนต์มาฝากกันอีกแล้ว โดยในครั้งนี้มาจากแบรนด์ Anytek ซึ่งนำมารีวิวให้ชม 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่น A3, A100+ และ A98 ซึ่งทั้ง 3 รุ่นจะเป็นกล้องติดรถยนต์ด้านหน้ารถ ในขนาดที่กะทัดรัดเหมือนกัน โดยมีระดับราคาที่ต่างกัน ลองมาดูกันเลยว่า ทั้ง 3 รุ่น มีคุณภาพเป็นอย่างไรและต่างกันยังไงบ้าง?
Anytek Car Camcorder A3
Anytek Car Camcorder A100+
Anytek Car Camcorder A98
ทั้ง 3 รุ่นเมื่อดูจากสเปคจะเห็นได้ว่า มีการบันทึกภาพที่ความละเอียด Full HD มุมมองภาพกว้าง 170 องศาเท่ากัน รวมทั้งเป็นกล้องขนาดเล็กกะทัดรัดพอๆ กัน เรื่องของจุดประสงค์ในการใช้งานจึงไม่ต่างกันเท่าไหร่ ที่เหลือคงต้องวัดกันที่คุณภาพที่ได้คุ้มราคาหรือไม่ หรือฟังก์ชั่นของรุ่นไหนที่ตอบโจทย์ พอดีกับตัวผู้ใช้งานมากกว่ากัน ลองไปชมรีวิวทีละเครื่องกันได้เลย
Anytek Car Camcorder A3
สำหรับรุ่น A3 จะเป็นรุ่นที่มีราคาสูงกว่าอีก 2 รุ่น ลักษณะของตัวกล้องเป็นสี่เหลี่ยมแนวตั้ง มีขนาดหนากว่ารุ่นอื่นๆ เล็กน้อย หน้าจอมีขนาดความกว้างเพียง 2.31 นิ้ว เพราะมีปุ่มควบคุมให้ใช้งานที่ด้านหลังของหน้าจอด้วย ถึงแม้ว่าจะมีขนาดหน้าจอเล็กกว่ารุ่นอื่นๆ แต่การที่ปุ่มควบคุมทั้งหมดอยู่ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ก็ทำให้กดใช้งานได้สะดวกดี
ช่องใส่ MicroSD Card อยู่ด้านข้างของตัวเครื่อง รวมทั้งพอร์ต Micro USB และปุ่ม Power ก็ถูกจัดวางไว้ด้านข้างเช่นกัน ซึ่งเป็นการออกแบบที่ค่อนข้างลงตัว วัสดุกล้องผลิตจากอลูมิเนียม มีผิวมันเงา และมีน้ำหนักพอสมควร โดยส่วนตัวรู้สึกว่ากล้องดูหนาไปหน่อย แต่ชอบเรื่องการจัดวางปุ่มของกล้องรุ่นนี้
ส่วนเลนส์ของกล้องเป็นเลนส์กระจก 6 ชิ้น แตกต่างจากกล้องติดรถยนต์อื่นๆ ในตลาดที่เป็นเลนส์พลาสติก ภาพจึงมีความคมชัดและใสพอสมควร
Anytek Car Camcorder A100+
สำหรับรุ่น A100+ มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวนอน ขนาดเท่ากับหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 3 นิ้ว มีปุ่มควบคุมต่างๆ อยู่ด้านข้างทั้ง 2 ด้าน ซึ่งต่างกับรุ่น A3 ด้านบน เวลาใช้งานแรกๆ อาจจะลำบากซักเล็กน้อย เพราะยังจำปุ่มไม่ได้ จึงต้องชะโงกหน้าไปดูทั้งด้านซ้ายและขวา ว่าเรากดปุ่มอะไรอยู่ ตัว MicroSD Card สามารถใส่ได้ที่ด้านซ้ายของตัวกล้อง มีพอร์ต HDMI และ Mini USB ให้ใช้งานอยู่ด้านบนของกล้อง วัสดุเป็นโลหะผิวมันเงาและมีน้ำหนัก
ตัวเลนส์เป็นเลนส์กระจกเช่นเดียวกันกับรุ่น A3 ภาพจึงใสและคมชัดเช่นเดียวกัน ซึ่งความแตกต่างที่ส่งผลต่อภาพก็คือเซ็นเซอร์ของตัวกล้อง ที่อาจจะมีคุณภาพด้อยกว่ารุ่น A3 เล็กน้อย
Anytek Car Camcorder A98
รุ่น A98 นี้จะมีลักษณะคล้ายกับรุ่น A100+ ทั้งหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ การจัดวางปุ่มที่ด้านข้างตัวเครื่อง ช่องสำหรับใส่ MicroSD Card รวมทั้งพอร์ต HDMI และ Mini USB สำหรับการเชื่อมต่อ วัสดุของตัวเครื่องผิวเป็นพลาสติก ซึ่งเป็นวัสดุที่เราชอบมากที่สุด จากทั้ง 3 รุ่น เหมาะสำหรับแกดเจ็ตอย่างกล้องติดรถยนต์ ส่วนชิ้นเลนส์ก็เป็นกระจกเช่นเดียวกัน แต่ด้านคุณภาพของภาพอาจจะไม่เท่ากับ 2 รุ่นด้านบน ตามราคาของตัวสินค้า
อุปกรณ์ภายในกล่อง
กล้องติดรถยนต์ทั้ง 3 รุ่น จะมีอุปกรณ์ในกล่องสำหรับใช้งานรูปแบบเดียวกัน ซึ่งประกอบไปด้วย
โดยความแตกต่างของทั้ง 3 รุ่นจะอยู่ที่พอร์ต USB บนตัวกล้องนั้น ในรุ่น A100+ และ A98 จะใช้ mini USB ส่วนรุ่น A3 จะใช้ Micro USB ซึ่งสามารถนำสายชาร์จสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ทั่วไปมาใช้งานแทนได้นั่นเอง (ถ้ายังไม่เปลี่ยนเป็น USB Type-C นะ)
ส่วนอีกจุดหนึ่งก็คือ สายชาร์จของรุ่น A3 จะมีช่องพอร์ต USB สำหรับใช้งานอย่างอื่นเพิ่มเติมได้ด้วย ทำให้ไม่เสียช่องเสียบชาร์จบนรถไปเปล่าๆ
Anytek Car Camcorder A3
ภาพจากรุ่น A3 ในความละเอียดระดับ Full HD
สำหรับภาพจากกล้องรุ่น A3 ที่ได้ใช้เซ็นเซอร์กล้อง Sony IMX322 กับชิป Novatek 96655 ก็ถือว่าเป็นไปอย่างที่หวังพอสมควร ลองทดสอบกล้องในเวลากลางคืน (แถมฝนยังตกด้วย) ก็ค่อนข้างที่จะคมชัด รายละเอียดครบถ้วน เห็นเลขทะเบียนรถชัดเจน แต่จะมีปัญหาตรงขอบภาพเล็กน้อย ด้วยเลนส์มุมที่กว้างถึง 170 องศา แม้จะเห็นภาพหรือการเคลื่อนไหวได้กว้างกว่ากล้องทั่วๆ ไป แต่กล้องจะไม่โฟกัสภาพตรงบริเวณขอบภาพ
(คลิกที่ภาพเพื่อขยายชมรายละเอียดของภาพ)
Anytek Car Camcorder A100+
ภาพจากรุ่น A100+ ในความละเอียดระดับ Full HD
ถึงแม้ว่ารุ่น A100+ จะไม่ได้ใช้เซ็นเซอร์ Sony แบบเดียวกับรุ่น A3 แต่ภาพที่ออกมาก็เรียกว่าชัดเจนพอสมควร ซึ่งรุ่น A3 อาจจะเก็บแสงสีและรายละเอียดได้ดีกว่าเล็กน้อย แต่สำหรับการใช้งานกล้องติดรถยนต์แล้ว ความชัดเจนระดับนี้ก็ถือว่าเพียงพอ
(คลิกที่ภาพเพื่อขยายชมรายละเอียดของภาพ)
Anytek Car Camcorder A98
ภาพจากรุ่น A98 ในความละเอียดระดับ Full HD
ส่วนภาพจากรุ่นเล็กสุดอย่าง A98 ถึงแม้ว่าจะตั้งค่าความละเอียด 1080p เช่นเดียวกับกล้องรุ่นอื่นๆ แต่รายละเอียดภาพที่ได้มา ก็ไม่คมชัดเท่าอีก 2 รุ่น รวมทั้งความไหลลื่นของภาพที่ 30 FPS ก็ไม่ค่อยไหลลื่นอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังสามารถมองเห็นป้ายทะเบียนรถอยู่บ้าง เมื่ออยู่ในระยะใกล้
(คลิกที่ภาพเพื่อขยายชมรายละเอียดของภาพ)
Anytek Car Camcorder A3
ถึงจะเป็นรุ่นที่ราคาสูงที่สุด แต่ฟีเจอร์ที่ให้มากลับไม่หลากหลายเท่ากับรุ่นอื่นๆ โดยตัวกล้องจะมีตั้งแต่ฟีเจอร์พื้นฐานของกล้องติดรถยนต์ไม่ว่าจะเป็น การอัดซ้ำแบบวนลูป ชดเชยแสง ตรวจจับภาพเคลื่อนไหวอัตโนมัติทั้ง Motion Detection และ G-Sensor ส่วนฟีเจอร์ HDR ที่ช่วยให้เห็นรายละเอียดภาพคมชัดขึ้นทั้งในโทนสว่างและมืด โดยกล้องรุ่นนี้จะใช้คำว่า WDR (Wide Dynamic Range) แทน
Anytek Car Camcorder A100+
สำหรับในรุ่น A100+ จะมีฟีเจอร์ทุกอย่างที่รุ่น A3 มี และเพิ่มในเรื่องของ Parking Monitoring ที่จะบันทึกภาพทันทีเมื่อเกิดเหตุโดนชนขณะจอด และ Plate Number สำหรับใส่ป้ายทะเบียนรถลงไปในกล้อง เพื่อระบุการใช้งานว่ากล้องใช้งานกับรถคันไหนได้
Anytek Car Camcorder A98
ส่วน A98 ก็จะมีฟีเจอร์พื้นฐานของกล้องติดรถยนต์ ทั้งการบันทึกซ้ำ ชดเชยแสง ตรวจจับความเคลื่อนไหวทั้ง Motion Sensor และ G-Sensor รวมทั้งตรวจจับความเคลื่อนไหวขณะจอดรถอีกด้วย แต่สิ่งที่ด้อยกว่ารุ่นพี่ทั้ง 2 เลยก็คือไม่มีฟีเจอร์ HDR ที่จะช่วยทำให้ภาพมีรายละเอียดมากขึ้น
นอกจากนี้ ในรายละเอียดภาพขนาด Full HD นั้น กล้อง A98 สามารถปรับอัตราส่วนของภาพจาก 1920x1080 px เป็น 1440x1080 px ได้ สำหรับใครที่ไม่อยากได้อัตราส่วนภาพแบบ 16:9
สำหรับกล้อง 3 รุ่นนี้ ถ้าจะให้แนะนำ ก็ต้องขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน เพราะถึงแม้ว่ารุ่น A3 ที่มีราคาสูงที่สุดจะมีฟีเจอร์น้อยกว่ารุ่นอื่นๆ แต่ก็ได้เซ็นเซอร์ Sony มา ช่วยให้ภาพที่ได้มีความคมชัดทุกรายละเอียดอีกด้วย ส่วนถ้าต้องการฟีเจอร์มากหน่อย ก็ขยับมาใช้งาน A100+ กัน ที่แม้ภาพจะไม่สวยเท่ากับรุ่น A3 แต่ก็มีฟีเจอร์สำหรับตรวจจับความผิดปกติระหว่างจอดรถขึ้นมา ส่วนรุ่น A98 ก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับใครที่ต้องการกล้องติดรถยนต์ราคาประหยัด ที่มีฟีเจอร์การใช้งานมากมาย แต่ติดที่ภาพไม่สวยเท่ารุ่นอื่นๆ นั่นเอง
|
... |