กล้องติดรถยนต์ 70mai 4K A810 HDR เป็นกล้องที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่บนเซ็นเซอร์ Sony Starvis 2 IMX 678 ที่นอกจากจะรองรับความละเอียดสูงถึง 4K แล้ว ยังมีเทคโนโลยีของทางฝั่งกล้องรักษาความปลอดภัยอย่าง NIR (Near-Infrared Region) ที่เมื่อมารวมกับโหมด HDR แล้ว ทำให้กล้องสามารถบันทึกภาพในบริเวณที่แสงน้อยได้ชัดเจนอีกด้วย ซึ่งไม่ใช่แค่กล้องหน้า แต่รวมไปถึงกล้องหลังเลยทีเดียว
ใครที่รู้สึกว่ามีปัญหากับการใช้งานกล้องติดรถยนต์ที่ภาพกลางคืนไม่ค่อยได้รายละเอียด ลองมาดูรีวิวกล้องรุ่นนี้ดูนะครับ
สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องของ 70mai 4K A810 HDR เป็นชุดเซ็ตพร้อมใช้สำหรับการใช้งานกล้องพื้นฐาน สามารถติดตั้งทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมใช้งานได้ทันที แต่ไม่รวมการใช้งานแบบ Parking mode ที่ต้องใช้ Hardwire Kit เข้ามาเสริมนะ
สำหรับอุปกรณ์ในกล่อง มีดังนี้
ตัวกล้องหน้าของ 70mai รุ่น A810 นี้ เป็นกล้องติดรถยนต์แบบติดกระจกตามสไตล์ 70mai มีฐานติดกระจกแยกกับตัวกล้องให้สามารถใส่-ถอดกล้องได้อย่างอิสระ เลนส์กล้องสามารถหมุนปรับได้ในแนวตั้ง ส่วนแนวนอนต้องให้แม่นเป๊ะตั้งแต่ติดครั้งแรก
หน้าจอขนาด 3.5 นิ้ว ค่อนข้างใหญ่อยู่เหมือนกัน มีปุ่มกดใช้งาน 5 ปุ่มด้วยกัน (รวมปุ่มพาวเวอร์) ช่องพอร์ตต่าง ๆ อยู่ด้านขวาของกล้อง การจัดเรียงค่อนข้างดี ช่อง microSD ไม่มีฝาปิด แต่ใช้งานในรถอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องระวังน้ำหรือฝุ่นเข้าตัวเครื่อง
ส่วนกล้องหลังเป็น Midrive RC12 ก็ถือว่าเป็นรุ่นหลัง ๆ หน้าตาก็จะคล้ายกับรุ่นก่อน ๆ การใช้งานไม่ได้ต่างกัน มีรองรับมาตรฐาน IP67 สามารถติดใช้งานนอกรถกันน้ำฝนกับฝุ่นละอองได้
สำหรับอะแดปเตอร์ที่ต่อกับที่จุดบุหรี่ เชื่อว่ารถหลาย ๆ คันรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฟฟ้า จะมีช่อง USB มาให้อยู่แล้ว เราสามารถเสียบไฟของกล้องตรงกับช่อง USB ของรถได้เลยไม่ต้องผ่านอะแดปเตอร์ แต่โดยทั่วไปแล้วช่อง USB ของรถจะจ่ายไฟน้อยกว่าช่องจุดบุหรี่ ถ้าเพื่อความชัวร์ก็ต่อกล้องกับช่องอะแดปเตอร์จะดีกว่า นอกจากมั่นใจในเรื่องการเลี้ยงไฟแล้ว ยังได้ช่องเสียบ USB ที่ไฟแรงขึ้นมาให้อีกด้วย ชาร์จมือถือก็จะเร็วกว่า USB ปกติของรถ
การมาใช้เซ็นเซอร์กล้อง Starvis 2 IMX 678 ของรุ่นนี้ เป็นจุดที่น่าสนใจมาก ๆ เลยทีเดียว โดยแบรนด์ Starvis จะเน้นการผลิตเซ็นเซอร์รับภาพของกล้องวงจรปิด หรือกล้องรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะ ทำให้เราสามารถคาดหวังประสิทธิภาพในการเก็บภาพเพื่อความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี
โดยเซ็นเซอร์ IMX 678 เป็นหนึ่งในเซ็นเซอร์ที่ให้ความละเอียดถึง 4K ด้วยขนาดเซ็นเซอร์รับภาพ 1/1.8 นิ้ว* รองรับความละเอียดสูงสุดถึง 60FPS ที่สำคัญคืออยู่บนเทคโนโลยี Starvis 2 ใหม่ ที่เพิ่มฟังก์ชัน Clear HDR และ NIR Enchanced เข้ามาด้วย ซึ่ง 2 ฟังก์ชันนี้ ไม่ได้ใช้กับแค่กล้องหน้านะ แต่รวมไปถึงกล้องหลังด้วย มันถึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ
*บน iPhone 14 Pro Max ใช้เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.28 นิ้ว) เซ็นเซอร์ยิ่งมีขนาดใหญ่ ยิ่งได้ภาพที่มีคุณภาพสูง
ในส่วนของ Clear HDR หลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ว่ามันคือเทคโนโลยีที่อัปเกรดรายละเอียดให้มากขึ้นในจุดที่สว่างสุดและมืดที่สุดของภาพ ส่วน NIR (Near-Infrared Region) เป็นอีกเทคโนโลยีที่มาช่วยเสริมด้านภาพที่มีความสว่างน้อยโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นภาพที่บันทึกตอนกลางคืนระหว่างจอดรถ ภาพบนท้องถนนตอนกลางคืน หรือภาพที่ถ่ายย้อนแสง
โดยเทคโนโลยี NIR นี้ จะพบได้ในเซ็นเซอร์กล้องสำหรับความปลอดภัยเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นกล้องถ่ายภาพทั่ว ๆ ไป ตัวเซ็นเซอร์จะมีหน้าที่เก็บแสง หรือ รายละเอียดภาพต่าง ๆ ที่ตามนุษย์มองเห็นได้เท่านั้น แต่กับ NIR จะต่างกันออกไป โดยการดึงแสงที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ มาช่วยดึงรายละเอียดภาพให้มองเห็นมากขึ้น ซึ่งภาพที่ออกมาจริง ๆ แล้วจะเป็นอย่างที่ว่าไหม เรามาดูกันต่อ
องศาการรับภาพของกล้องติดรถยนต์ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ (ถ้าไม่นับตัว 70mai Omni ที่ไปถึง 360 องศาอ่ะนะ) ซึ่งตัวนี้ให้เพิ่มมาอีกถึง 150 องศาเลยทีเดียว ครอบคลุมไปทั้งซ้าย-ขวา ด้านละ 3 เลนเลยทีเดียว
จากที่เคยทดสอบกล้องติดรถยนต์มา ในกลุ่มกล้อง 4K จะค่อนข้างเห็นได้ชัดว่ามีรายละเอียดภาพที่เข้มข้น แทบจะคมชัดทั้งภาพ ยิ่งในรุ่นนี้ มี HDR ของเซ็นเซอร์ใหม่เสริมเข้ามาอีก บางรายละเอียดนี่คมแทบจะบาดตาเลยทีเดียว ลองมาดูตัวอย่างในสถานการณ์ต่าง ๆ กัน
(คลิกที่ภาพเพื่อขยายดูรายละเอียดได้)
อย่างในรูปนี้จะเห็นได้ว่าตัวหนังสือต่าง ๆ ทั้งป้ายบอกทาง ทะเบียนรถ ป้ายโฆษณาต่าง ๆ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จะมีความคมชัดพอ ๆ กันหมด และถ้าสังเกตตรงพื้นถนนดี ๆ จะเห็นรอยพื้นถนนที่เส้นชัดแข็งมาก ๆ เลยทีเดียว
|
(คลิกที่ภาพเพื่อขยายดูรายละเอียดได้)
ภาพนี้เป็นระยะไกลสุดที่ยังพออ่านป้ายทะเบียนได้อย่างชัดเจน ถือว่าเป็นระยะการใช้งานที่ไกลกำลังดีนะ เพราะสมมติถ้าเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ เข้ามา คู่กรณีก็จะอยู่ใกล้รถเรามากกว่านี้
(คลิกที่ภาพเพื่อขยายดูรายละเอียดได้)
ปกติแล้วกล้องที่มุมกว้างมาก ๆ ขอบภาพจะไม่ค่อยคมชัด แต่กับตัวนี้ถึงแม้ว่าทะเบียนรถจะอยู่ชิดขอบภาพ ก็ยังอ่านได้คมชัดอยู่ดี ซึ่งเป็นข้อดีมาก ๆ
(คลิกที่ภาพเพื่อขยายดูรายละเอียดได้)
ลองยกตัวอย่างรายละเอียดอีกภาพหนึ่งมาให้ดู ภายในปั๊มเล็ก ๆ ตัวหนังสือเยอะไปหมด เราก็ยังเห็นตัวอักษรในระยะต่าง ๆ ได้อย่างคมชัด
ใครที่ชอบวิดีโอลื่น ๆ เฟรมเรต (Frame Rate) สูง ๆ กล้องตัวนี้ก็สามารถปรับไปสูงสุดที่ 60FPS ได้ ซึ่งเฟรมเรทสูง ๆ จะทำให้วิดีโอที่เราถ่ายมามีความลื่นไหลมากขึ้น (ใครนึกภาพไม่ออก ลองอ่านบทความ Frame Rate คืออะไร ? ประกอบได้) ซึ่งถ้าจะเอาคลิปจากกล้องติดรถยนต์ไปทำคอนเทนท์วิดีโอต่าง ๆ เราแนะนำให้เปิดโหมดนี้นะ
แต่ว่าโหมด 60FPS นั้นมีข้อจำกัดอยู่ 2 อย่าง ดังนี้
ตอนกลางคืนถือว่าเป็นช่วงปราบเซียนของกล้องติดรถยนต์เลยทีเดียว ซึ่งในกล้องรุ่นนี้ แว่บแรกที่เห็นคลิปที่บันทึกมาได้ เราค่อนข้างว้าวเลยทีเดียว
|
(คลิกที่ภาพเพื่อขยายดูรายละเอียดได้)
เลนส์กล้องตัวนี้มีฟีเจอร์ Excellent Night Vision ด้วยรูรับแสง F/1.8 การเก็บรายละเอียดภาพมีไดนามิกที่สูงขึ้น 2.5 เท่า รวมทั้งความไวแสงสูงกว่าเดิม 4.5 เท่า เมื่อบวกกับ HDR ด้วยแล้ว ทำให้แสงโดยรวมของภาพค่อนข้างสว่างและคมชัดไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นทะเบียนรถ ป้ายสถานี หรือตัวอักษรต่าง ๆ ท้ายรถก็ยังสามารถอ่านได้ชัดเจน
นอกจากตัวอักษรแล้ว ตึกด้านซ้ายที่ไม่มีแสงไฟก็ยังมองเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ของตึกได้อยู่บ้าง ถือว่ากล้องตัวนี้สามารถเก็บรายละเอียดภาพกลางคืนได้ค่อนข้างดีทีเดียว
กล้องหลังแทบจะเห็นความ HDR ชัดเจนมาก ๆ โดยปกติแล้วกล้องหลังคุณภาพจะด้อยกว่ากล้องหน้า จึงทำให้ภาพที่ออกมารายละเอียดมักจะหายไป แต่ในรุ่นนี้ที่ได้ HDR เข้ามาเสริมทำ ทำให้เปิดรายละเอียดต่าง ๆ ในภาพได้มากขึ้น ซึ่งในแง่การใช้งานนั้น หวังผลภาพจากกล้องหลังได้ดีเลยทีเดียว แต่ในแง่ความสวยงามแล้ว ภาพมันก็จะแสงแข็ง แปลก ๆ ไปซักหน่อย
(คลิกที่ภาพเพื่อขยายดูรายละเอียดได้)
กล้องติดรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ มากับหน้าจอขนาดใหญ่และปุ่มกดที่ใช้งานง่าย เราสามารถเช็คภาพวิดีโอที่บันทึกผ่านตัวกล้องได้สบาย ๆ
ส่วนการเช็ควิดีโอในแอป ก็สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi Direct กับตัวกล้องและเชื่อมต่อผ่านแอป 70mai ได้เลย ซึ่งจะมีฟังก์ชันหนึ่งที่เราชอบมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็คือการดูผ่านไทม์ไลน์ (Timeline) ที่กล้องจะแสดงเลยว่าเราบันทึกวิดีโอในวันนี้ ตั้งแต่ช่วงเวลาไหน และช่วงเวลานั้น ๆ ถูกบันทึกเป็นไฟล์แบบใด ทั่วไป (Standard) , ฉุกเฉิน (Emergency) , ระหว่างจอดรถ (Parking) หรือ Time-lapse มันทำให้เราไล่วิดีโอดูในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้ง่าย
สิ่งที่ยังติดอยู่ในใจเหมือนเดิมเลยก็คือ การโหลดวิดีโอขนาด 4K ผ่าน Wi-Fi Direct ค่อนข้างช้ามาก ๆ ตรงนี้เราแก้ปัญหาโดยการเปลี่ยนเป็นความละเอียด 1080p และแบ่งไฟล์วิดีโอให้อัดคลิปละ 1 นาทีก็พอ (กล้องให้เลือกได้ระหว่าง 1 นาที กับ 3 นาที)
ในตัวของวิดีโอที่บันทึกมาจะมีระบุทั้งเวลาและพิกัดสถานที่ที่บันทึกวิดีโอนั้น ๆ เอาไว้ด้วย ให้เราทราบได้ว่า ช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์นั้น ๆ เราอยู่ที่ไหนเวลาไหน ซึ่งในรุ่นนี้รองรับทั้ง GPS, GLONASS ระบบพิกัดที่ใช้งานนรัสเซีย และ BeiDou ระบบพิกัดที่ใช้งานในจีนด้วย ถ้าไม่ได้ใช้งานในไทย จะเอาไปใช้ประเทศต่าง ๆ ฟังก์ชันนี้ก็ยังรองรับ
โดยพิกัด GPS จะแสดงอยู่ที่มุมขวาล่างของไฟล์วิดีโอที่ถูกบันทึก สามารถเอาไปเช็คตำแหน่งได้เลย ว่าช่วงเวลาที่เราบันทึกวิดีโอนี้ เราขับรถอยู่แถวไหน รวมทั้ง GPS ยังใช้ในการวัดความเร็วในการขับขี่ของเราด้วย
ใครไม่ค่อยมีสติในการขับรถ รุ่นนี้ก็มีระบบ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) มาให้ด้วย โดยระบบจะคอยส่งเสียงแจ้งเตือนคนขับเมื่อเจอเหตุการณ์เสี่ยงต่าง ๆ ดังนี้
ก่อนใช้งานระบบ ADAS จะต้องทำการคาลิเบรต (Calibrate) เพื่อให้กล้องสามารถแจ้งเตือนได้อย่างแม่นยำ หรือระหว่างใช้งานไปจะกลับมาคาลิเบรตซ้ำก็ได้เช่นกัน เพื่อให้ตัวกล้องวัดระยะหน้ารถและด้านข้างรถได้อย่างถูกต้อง
Calibrate ระบบ ADAS ก่อนการเดินทาง ใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียว
จริง ๆ แล้วตอนเปิดใช้แรก ๆ ก็รู้สึกว่าจะแจ้งเตือนบ่อยไปไหนนะ ? แต่วันไหนที่ขับรถทั้งวัน ระบบนี้ก็ช่วยเราอยู่ไม่น้อยเลย เช่นเวลาจอดรอไฟแดงนาน ๆ จนเราลืมโฟกัสถนนไปแล้ว ก็มีกล้องที่มาเตือนให้เราออกรถได้แล้ว (ก่อนที่จะโดนคันหลังบีบแตรแทน)
กล้องตัวนี้รองรับการ์ดหน่วยความจำ microSD สูงสุดที่ 256GB ซึ่งดูจากคลิปที่เราบันทึกมา กล้องหน้าความละเอียด 4K ระยะเวลา 2.30 นาที จะมีขนาดไฟล์อยู่ที่ 515 MB ส่วนกล้องหลังความละเอียด 1080p ระยะเวลา 2.30 นาทีเท่ากัน จะมีขนาดไฟล์อยู่ที่ 145 MB เมื่อคำนวณคร่าว ๆ แล้ว การ์ดที่ความจุสูงสุดที่กล้องรองรับได้จะสามารถบันทึกวิดีโอได้นานสุดถึง 16 ชั่วโมงด้วยกัน
มีอีกกรณีน่ารู้ หากเราใช้มือถือหรือคอมพิวเตอร์รุ่นเก่ามาก อาจจะไม่สามารถรันไฟล์วิดีโอที่บันทึกมาได้ ให้ทำการเปลี่ยน Video coding แบบ "Low compression ratio" แทน แต่ผลที่ตามมาก็คือไฟล์จะใหญ่ขึ้น ทำให้การ์ดสามารถเก็บไฟล์ได้น้อยลง
ซึ่งปกติแล้วการใช้งานกล้องติดรถยนต์จะมีฟังก์ชันในการอัดวนทับ เมื่อหน่วยความจำเต็ม เราสามารถใช้งานได้เรื่อย ๆ เพียงแต่ว่าหากต้องการไฟล์ย้อนหลัง ถ้าหลายวันหน่อย ไฟล์ก็อาจจะถูกลบหรืออัดวนทับไปแล้วนั่นเอง
กล้องตัวนี้รองรับโหมดบันทึกขณะจอดรถยนต์ 24 ชั่วโมง (หรือโหมดจอดรถ) เช่นกัน แต่จะใช้งานได้ต้องมีอุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า Hardwire Kit มาใช้งานแทนการต่อไฟฟ้าจากช่องจุดบุหรี่หรือ USB เพื่อให้มีไฟล์เลี้ยงขณะดับเครื่องยนต์
โดยการทำงานในโหมดจอดรถจะแบ่งรูปแบบการรักษาความปลอดภัย 3 รูปแบบดังนี้
โหมดนี้จะเริ่มบันทึกวิดีโอฉุกเฉิน เมื่อตัวกล้องตรวจจับแรงสั่นสะเทือนจากตัวรถได้ ตั้งแต่การเปิดปิดประตูรถ ปิดท้ายรถ ไปจนถึงการถูกโจรทุบหรืองัดรถเลย หรือแม้กระทั่งแมวกระโดดขึ้นรถ ถ้าตัวหนักหน่อยก็อาจจะถูกบันทึกวิดีโอเช่นกัน ซึ่งเราสามารถปรับระดับการจับแรงสั่นสะเทือนตามที่เราต้องการได้
ในบางกรณีอาจจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีมาด้อม ๆ มอง ๆ แต่ไม่ได้สัมผัสรถ โหมดก่อนหน้าก็อาจจะไม่ได้จับภาพ ซึ่งกล้อง 70mai A810 รุ่นนี้ มีความสามารถในการจับความเคลื่อนไหวผ่านตัวกล้อง เมื่อมีวัตถุต้องสงสัยเข้ามาใกล้รถ กล้องก็จะบันทึกวิดีโอเก็บไว้ทันที ซึ่งเราสามารถปรับระดับการจับความเคลื่อนไหวได้เช่นกัน
หรือถ้าอยากจะถ่ายยาว ๆ ตลอดระหว่างการจอดรถเลย ก็สามารถเปิดโหมด Time-lapse ได้ กล้องจะทำการบันทึกวิดีโอตลอดเวลาตั้งแต่เราดับเครื่องยนต์ ซึ่งการบันทึกวิดีโอแบบ Time-lapse จะเป็นการบันทึกแบบเร่งความเร็ววิดีโอ ทำให้เราสามารถบันทึกความเคลื่อนไหวได้ตลอดในรูปแบบไฟล์ที่ขนาดเล็กลง และเวลาสั้นกว่าคลิปทั่วไป แต่ระหว่างการบันทึกแบบ Time-lapse ถ้ากล้องตรวจจับแรงสั่นสะเทือนหรือความเคลื่อนไหวได้ ก็จะถูกบันทึกวิดีโอแบบปกติเช่นกัน
ในโหมดนี้เราไม่ได้ทดสอบ แต่ว่าลักษณะการใช้งานต่าง ๆ ของโหมดจอดรถ ก็จะคล้ายกับตัว 70mai Omni ที่เคยรีวิวไป ซึ่งระหว่างที่เราดับเครื่องยนต์ไป กล้องก็จะยังคงทำงานอยู่ หากเปิดเป็น Time-lapse กล้องก็จะบันทึกวิดีโอแบบเร่งความเร็วเอาไว้ตลอดทั้งคืน ส่วนอีก 2 โหมด ก็จะบันทึกวิดีโอแบบฉุกเฉินเอาไว้ให้เรา เมื่อตรวจจับความเคลื่อนไหวในระยะใกล้ ๆ หรือมีอะไรมากระแทกตัวรถ
RS Special Effect ซึ่งเป็นเอฟเฟคตกแต่งตัวคลิปวิดีโอที่เป็นเอกลักษณ์ของ 70mai ก็มีให้ใช้งานกันเช่นเดิม สามารถเปิดใช้งานผ่านการดูคลิปบนแอปมือถือได้ และเอฟเฟคนี้ ค่อนข้างเข้ากันดีกับวิดีโอที่บันทึกตอนกลางคืนมาก ๆ ยิ่งเรามีกล้องที่บันทึกวิดีโอตอนกลางคืนชัด ๆ การเล่นเอฟเฟคนี้ก็ยิ่งสะใจไปอีกระดับเลย
สำหรับตัวเอฟเฟคก็จะมีลูกเล่น บอกวัน เวลา ความเร็วในการขับ ความเร็วของรถที่วิ่งรอบ ๆ เรา รวมทั้งเส้นรูทที่เราวิ่งอ้างอิงตาม GPS (ด้านซ้ายล่าง) ให้เห็นความแม่นยำของพิกัดที่บันทึก
สำหรับใครที่กำลังมองหากล้องติดรถยนต์ที่เน้นเรื่องความปลอดภัยเลย 70mai 4K A810 HDR ตัวนี้ เราค่อนข้างประทับใจกับภาพที่ได้พอสมควรนะ โดยเฉพาะกล้องหลังในเวลากลางคืนที่ +HDR เข้าไปด้วยได้ ถึงแม้ภาพจะแข็ง ๆ ไม่สวยงาม แต่แลกด้วยรายละเอียดที่สามารถระบุได้ว่าเป็นอะไร หรือหวังผลในการอ่านป้ายทะเบียนได้มากกว่าก็ถือว่าคุ้มค่า และเพิ่มความอุ่นใจไปอีกหนึ่งระดับด้วยประกันสินค้าจากทาง 70mai ที่ให้มาถึง 3 ปีด้วยกัน และถ้าเครื่องมีปัญหา เปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ภายใน 1 ปี และซ่อมฟรี 2 ปี
สำหรับใครที่สนใจ 70mai 4K A810 HDR รุ่นนี้ ก็สามารถไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ดังนี้
- สั่งซื้อกล้องติดรถยนต์ 70mai 4K A810 HDR ผ่านทาง shopee ได้ที่นี่ :
https://bit.ly/46U6J5j- สั่งซื้อกล้องติดรถยนต์ 70mai 4K A810 HDR ผ่านทาง Lazada ได้ที่นี่ :
https://bit.ly/3XZjdV8- สั่งซื้อกล้องติดรถยนต์ 70mai 4K A810 HDR ผ่านทาง Tiktok ได้ที่นี่ :
https://shop.tiktok.com/view/product/1729660399132838208?region=TH&locale=en- ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 70mai ผ่านทาง Facebook:
https://www.facebook.com/70mai.officialstore.thailand
|
... |