อีกไม่กี่อึดใจพวกเราก็จะได้เล่น Red Dead Redemption 2 เกมส์ภาคต่อของซีรีย์ Open World ระดับพระกาฬจากทาง Rockstar Games ที่พวกเขา ยังคงชาญฉลาดด้านการตลาดอยู่เช่นเคย ด้วยการปล่อยตัวอย่างเกมเพลย์ออกมาใกล้เคียงช่วงวันวางจำหน่าย ที่แม้จะเป็นเพียง 6 นาทีกว่าๆ แต่ทุกวินาทีที่ผ่านไป “กลับกระตุ้นความกระสันอยากเป็นเจ้าของเกมส์นี้ให้แก่แฟนๆ ได้อย่างยิ่งยวด” แถมสิ่งที่เราได้เห็นกันนั้น ก็พอจะบอกอะไรได้หลายๆ อย่างถึงการเปลี่ยนแปลง พัฒนา และเพิ่มเสริมเข้ามาที่น่าสนใจ แต่ทั้งนี้ มันจะมีอะไรบ้างนั้น เรามาร่วมสำรวจไปพร้อมๆ กันในบทความพรีวิวนี้ด้วยกันเถอะครับ
ภาพจาก https://www.ign.com/articles/2018/05/04/red-dead-redemption-2-a-whos-who-of-dutchs-gang
เป็นระยะเวลากว่า 18 ปี ที่เกมภาคล่าสุดนี้ ทิ้งห่างจากภาค Red Dead Redemption ที่แม้ในภาคดังกล่าวนี้ จะใช้ติดสอยห้อยตามเลข 2 ไว้ที่ท้ายชื่อว่า Red Dead Redemption 2 แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้น กลับเป็นการทวนเข็มนาฬิกาย้อนไปยังช่วงเวลา 12 ปีก่อนหน้าที่เหตุการณ์ทั้งหมดจะเกิดขึ้นและจบลงในภาค Red Dead Redemption (อ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในภาคก่อนหน้าได้ที่กล่องสปอยล์ข้างล่างนะ) และหากจะให้อธิบายเพิ่มเติม มันจะเป็นช่วงปี 1889 ที่อเมริกาได้เข้าสู่ช่วงยุคสมัยที่อันธพาลนอกรีตทั้งหลายได้ทยอยถูกผู้ใช้กฎหมายต้อนให้ยอมจำนนที่หากโชคดีก็จะถูกจับเป็น แต่ถ้าโชคร้ายก็จะถูกใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดคือการปลิดชีพ
ตัวละครเอกที่ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทในภาคนี้ จะกลายเป็น Arthur Morgan (อาร์เธอ มอร์แกน) รองหัวหน้าและผู้บังคับบัญชาการของแก๊ง Dutch Van der Linde (ดัทช์ วาน เดอ ลินด์) แทนที่ John Marston (จอห์น มาร์สตัน) ตัวเอกจากภาคก่อนหน้า ที่ในภาคนี้เราจะยังได้พบเจอเขาในฐานะหนึ่งในสมาชิกวัยหนุ่มที่ยังอ่อนประสบการณ์
ซึ่งตัวเกมส์ในภาคนี้จะเน้นหนักไปยังเหตุการณ์และวันวานอันรุ่งโรจน์ของแก๊ง Dutch Van der Linde กลุ่มคนนอกกฎหมายที่ปล้นทรัพย์สินมีค่าเฉพาะคนรวย หรือจากสถานที่กักเก็บทรัพย์สินของพวกคนรวยอย่างธนาคาร และขบวนรถไฟขนส่งของมีค่า
โดยตัวเกมส์จะดำเนินเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์การปล้นที่เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ Blackwater ซึ่งแก๊ง Van der Linde ต้องหลบหนีจากการตามล่าและจับกุมจากเจ้าหน้าที่ของภาครัฐรวมทั้งนักล่าค่าหัวระดับพระกาฬที่หมายจะทลายแก๊งของเราให้สิ้นซาก อาร์เธอ จึงต้องหาหนทางที่จะช่วยผองเพื่อนในแก๊งที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัว พร้อมต้องเลือกว่ายึดมั่นในอุดมการณ์ของตนหรือจะจงรักภักดีต่อกองโจรที่ปลุกปั้นเขาขึ้นมา
แม้การนำเสนอเนื้อเรื่องที่ถูกหยิบจับมาใช้ในโลกของภาพยนตร์อย่างบ่อยครั้งไปเสียหน่อย กับการที่ตัวเอกจะต้องเลือกตัดสินใจสิ่งที่ยึดมั่นมาโดยตลอดหรือจากความสัมพันธ์ แต่เชื่อเถอะครับว่าอะไรก็ตามที่อยู่ในมือของ Rockstar Games สิ่งนั้นน่าเชื่อถือและไว้วางใจพวกเขาได้แน่นอน
สืบเนื่องจากเรื่องราวของเกมส์ที่ภาคนี้นำเสนอ อันเป็นการที่แก๊ง Dutch Van der Linde ต้องหลบหนีจากการตามล่าของรัฐบาลและนักล่าค่าหัวทั้งหลาย ที่มั่นของเราจึงจำต้องเป็นแคมป์ที่พร้อมเคลื่อนย้ายได้ตลอดเวลาหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น (แต่เข้าใจว่าตัวเกมส์จริงจะเคลื่อนย้ายแคมป์ตามเนื้อเรื่องละมั้ง)
ซึ่งในภาคของการเล่นนั้น ปัจจัยหลักของแคมป์ คือพื้นที่ที่ผู้เล่นใช้เป็นจุดเซฟหลักของเกมส์, เล่นกิจกรรมเสริมเชิงสันทนาการต่างๆ , สร้างความสนิทสนมกับสมาชิกแต่ละคนที่ผู้เล่นจะได้พบความลับพวกเขาหรือได้รับความสนุกที่แตกต่างออกไปจากการเล่นหลัก โดย ฟีเจอร์เหล่านี้ จะยังคงอยู่เช่นเดิม แม้แคมป์จะเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่แห่งใหม่แล้วก็ตาม อีกทั้งตัวเกมส์ยังมีระบบขวัญกำลังใจหรือ Morale ด้วยการนำสัตว์ที่ล่ามาได้ไปจนถึงเสบียงหรือทรัพยากรประเภทต่างๆ นำกลับมายังแคมป์
สหายใน Red Dead Redemption 2 ไม่ได้คครอบคลุมเพียงมนุษย์ เพราะ "ม้า" พาหนะที่ใช้ในการเคลื่อนที่นี้ ผู้เล่นก็จะต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับมัน ด้วยการขัดสีฉวีวรรณและอาจจะด้วยวิธีการเอาใจใส่รูปแบบอื่น (น่าจะมีนะ แต่ในเทรลเลอร์ยังเห็นแค่วิธีเดียว) เพื่อที่ในจังหวะต่อสู้บนอาน ม้าของเราจะเกิดอาการตื่นตกใจน้อยที่สุด
และในเกมผู้เล่นจะมีม้าให้เลือกขี่ได้มากกว่าหนึ่งตัวเป็นแน่ (อารมณ์เหมือนเลือกรถขับได้นั่นแหละ) โดยแต่ละตัวหรือชนิด ก็จะมีความสามารถในการช่วยเหลือผู้เล่นแตกต่างกันออกไป บางตัวอาจแบกสัมภาระได้เยอะกว่าปกติ หรือเคลื่อนที่เร็วเป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นอีกฟีเจอร์ที่จะทำให้ผู้เล่นขลุกอยู่กับเกมส์หรือรู้สึกกลมกลืนไปกับช่วงเวลาที่เล่นอยู่ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ไม่เพียงแต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ที่ "กฎเกณฑ์" คือส่วนสำคัญที่ทำให้สังคมเป็นระเบียบและอยู่ในความสงบสุข แต่ในโลกของเกมส์ โดยเฉพาะแนว Open World ทั้งหลาย การมีข้อจำกัดและบทลงโทษให้กับการกระทำร้ายแรงที่ผู้เล่นได้ก่อ ก็ดูจะเป็นความท้าทายในการเล่นที่ซ้ำยังเป็นการปลูกฝังจริยธรรมต่อสังคมหรืออย่างน้อย ก็เป็นการจำลองให้ผู้เล่นได้เห็นว่าบทลงโทษของการกระทำผิดนั้นร้ายแรงขนาดไหน
แต่ในโลกฉากหลังของเกมส์ที่ Rockstar Games ได้รังสรรค์ออกมาให้กับ Red Dead Redemption 2 นี้ กลับเป็นยุคสมัยที่กฎเกณฑ์และกฎหมาย ยังเป็นเพียงลมผ่านหูสำหรับอันธพาลและคาวบอยนอกรีต ทำให้มนุษยธรรมจึงเป็นสิ่งเดียวที่ใช้ในการตัดสินผิดชอบชั่วดี
โดยใน Red Dead Redemption 2 นี้ ผู้เล่นจะสามารถสื่อสารกับตัวละครในเกมส์ได้หลากหลายวิธีที่จะส่งผลลัพธ์กับผู้เล่นแตกต่างกันไป ไล่ตั้งแต่การทำร้ายร่างกายหรือชักปืนเพื่อข่มขู่พยานที่เห็นเหตุการณ์กระทำผิดของเรา, ท้าทายกลุ่มตัวละครที่ไม่ประสงค์ดีกับผู้เล่น, หลีกเลี่ยงการมีเรื่องกับนายอำเภอประจำเมืองต่างๆ ไปจนถึงการปิดหูปิดตาการกระทำของตัวละครที่กำลังกระทำการประทุษร้ายผู้อื่นอยู่เพื่อหลีกเลี่ยงการเจ็บตัวในช่วงเวลาที่ผู้เล่นไม่มีพละกำลังมากพอจะต่อกรกับใคร
Red Dead ไม่ได้เป็นเพียงคำที่คล้องจองเพื่อให้ฟังดูคมคายเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังเป็นการอธิบายถึงหนึ่งในฟีเจอร์ของระบบคอมแบทในซีรีย์นี้อย่าง "Dead Eye" ที่จะเป็นการชะลอเวลาให้ช้าลง และปล่อยให้ผู้เล่นสามารถล็อกเป้าหมายไปยังศัตรูที่ต้องการจะปลิดชีพ และเมื่อภาคของการขัดจังหวะเข็มนาฬิกาหมดลง ตัวละครของเราก็จะบรรเลงสาดกระสุนใส่เป้าหมายที่เลือก
ซึ่งก็แน่นอนละว่าใน Red Dead Redemption 2 นี้ฟีเจอร์ดังกล่าวจะยังคงกลับมาให้ผู้เล่นได้ใช้ประโยชน์ และในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้ตัวเกมส์มีความเท่ดั่งได้สวมบทบาทเป็นคาวบอยสิงห์ปืนไวตามแบบฉบับภาพยนตร์แนวเวสเทิร์นในอดีต
การเนรมิตโลกของเกมส์ให้ออกมาดูสมจริงและมีชีวิตชีวา เป็นหนึ่งในงานถนัดมือของ Rockstar Games และไม่ใช่เพียงความสวยงามที่พวกเขามอบให้กับผู้เล่น แต่เรื่องของ "ไดนามิกส์" หรือสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกที่พวกเขาสร้างขึ้น ทั้งสิ่งที่ตัวละครตามพื้นที่กระทำต่อกัน การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และผลที่ตามมา พวกเขาก็ทำมันออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
ซึ่งใน Red Dead Redemption 2 นี้เอง พวกเขาก็ยังไม่ลืมที่จะประณีตกับงานถนัดของพวกเขา อันเป็นสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติก่อนที่ในยุคสมัยถัดมาจะถูกความศิวิไลรุกราน ไล่ตั้งแต่ป่าสนขนาดใหญ่ แม่น้ำลำธาร พื้นที่ขนาดกว้าง บึงที่เต็มไปด้วยโคลนตม และทะเลทราย ทุกสภาพพื้นที่ที่กล่าวมาจะเต็มไปด้วยสิงห์สาราสัตว์ที่มีพฤติกรรมตามโลกแห่งความจริง บ้างก็เป็นมิตรและเลือกที่จะหลบหนีบ้างก็เลือกที่จะป้องกันตัวเมื่อเห็นว่ากำลังจะมีภัย และบ้างก็พร้อมจะจู่โจมด้วยสัญชาติญาณนักล่า
ไม่น่าเชื่อว่าเทรลเลอร์เพียงแค่ 5 นาทีปลายๆ จะสามารถทำให้เกมเมอร์ทั่วโลกตื่นเต้นในระดับสูงได้ขนาดนี้ คงต้องมารอลุ้น ไม่สิ... รอรับความยอดเยี่ยมที่ Red Dead Redemption 2 จักมอบให้กับผู้เล่นได้สมการรอคอยในวันที่ 26 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ผ่านคอนโซลแห่งยุคทั้งสองอย่าง PlayStation 4 และ Xbox One แล้วละครับ (แล้วเจอกันอีกครั้งในคาบของการรีวิว)
|
ทำไมไม่เรียกแมว! รักหนัง รักเกม ร๊ากกทุกคนนน ~ <3 |