หลังจากที่เปิดตัวในจีนมาได้ซักพัก Vivo V11 ก็ได้เปิดตัวในประเทศอื่นๆ บ้าง โดยเริ่มที่อินเดีย และก็ถึงเวลาของไทยเราบ้าง โดยสำหรับประเทศเรามาด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ Vivo V11 (หรือชื่อ Vivo V11 Pro ในอินเดีย) และ Vivo V11i รุ่นเล็กลงมา ซึ่งมีราคาต่างจาก V11 อยู่ 4,000 บาท
แน่นอนว่าต้องเกิดคำถามสำหรับคนที่เล็งๆ รุ่นนี้อยู่แน่นอน ว่าจะเลือก V11 หรือถอยลงไป V11i ดี ด้วยค่าตัวที่ต่างกันอยู่พอสมควร พรีวิวนี้ เราเลยขอพูดถึงฟีเจอร์และความน่าสนใจของ Vivo V11 พร้อมเปรียบเทียบกับ V11i ไปพร้อมๆ กันเลย ว่าเหมือนและแตกต่างกันในเรื่องใดบ้างนะครับ
สเปคของ Vivo V11
| สเปคของ Vivo V11i
|
ต่อไปนี้ขอใช้ หัวข้อสีฟ้า สำหรับฟีเจอร์ที่ทั้ง 2 รุ่นมีเหมือนกัน
และ หัวข้อสีแดง สำหรับฟีเจอร์ที่ทั้ง 2 รุ่นต่างกันครับ
ทั้ง Vivo V11 และ Vivo V11i ได้ปรับดีไซน์ Notch ใหม่เป็นรูปหยดน้ำอยู่บริเวณด้านบนของหน้าจอ เป็นตำแหน่งสำหรับติดตั้งกล้องหน้า ที่มีชื่อเรียกว่า Halo FullView Display โดยทั้ง 2 รุ่น มีขนาดหน้าจอที่แตกต่างกันเล็กน้อย (0.11 นิ้ว) ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าใช้หน้าจอต่างชนิดกัน
ส่วนบอดี้ด้านหลัง ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับบอดี้ไล่โทนสีสวยๆ ทั้ง Starry Night (ไล่สีดำ-น้ำเงิน) และ Nebula (ไล่สีม่วง-ฟ้า) ซึ่งสำหรับสี Starry Night จะมีประกายกลิตเตอร์ที่เปรียบเสมือนดวงดาว เล่นแสงอยู่ในตัววัสดุอย่างสวยงาม ส่วน Nebula จะเป็นการไล่สีเรียบๆ ไม่มีกลิตเตอร์
*ขออนุญาตใช้รูป Official เพื่อสีสันที่ตรงที่สุดนะครับ
ที่เห็นจุดๆ บนฝาผลัง ไม่ใช่จุดรบกวนนะ เป็นกลิตเตอร์
ตรงนี้เป็นจุดแรกที่ทั้ง 2 รุ่นแตกต่างกันชัดเจน โดย Vivo V11 ได้สานต่อเทคโนโลยีที่เขาได้ใช้งานเป็นเจ้าแรกในโลกอย่าง In-Display Fingerprint Scanner หรือการสแกนนิ้วบนจอเอามาไว้บนสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ แต่สำหรับ Vivo V11i ไม่ได้มีฟีเจอร์นี้ติดมาด้วย เป็นเพราะการจะใช้การสแกนนิ้วบนหน้าจอ ต้องเป็นหน้าจอแบบ OLED เท่านั้นในตอนนี้ Vivo V11i ที่ใช้หน้าจอแบบ LTPS จึงเพิ่มเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ที่ด้านหลังของตัวเครื่องแทน
ถึงแม้ว่าระบบสแกนนิ้วจะไม่เหมือนกัน แต่ทั้ง 2 รุ่นมีระบบสแกนใบหน้าที่เหมือนกัน โดยระบบสแกนใบหน้าจะทำงานผ่านเซ็นเซอร์อินฟราเรดที่สแกนจุดต่างๆ บนใบหน้าได้ถึง 1,024 จุด ทำให้สามารถสแกนได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และสแกนในที่มืดได้ดีอีกด้วย
และด้วยความที่ระบบสแกนใบหน้ามีความแม่นยำสูง Vivo V11 และ Vivo V11i จึงมีฟีเจอร์ Funmoji หรือใบหน้าอิโมจิที่สามารถเคลื่อนไหวตามใบหน้าของเรา ไว้ให้ใช้งานส่งให้เพื่อนๆ ได้ เท่าที่ได้ลองก็แม่นยำพอสมควรนะครับ ตามการอ้าปากหรือกระพริบตาได้อย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่าหน้าตอนทำ แบ๊วเบอร์ไหน 555+
Vivo V11 ใช้เซ็นเซอร์แบบ Dual-Pixel บนกล้องหลังคู่ความละเอียด 12+5 ล้านพิกเซล ทำให้มีความละเอียดภาพสูงสุดถึง 24 ล้านพิกเซล และเมื่อรวมกับรูรับแสงเพียง f/1.8 แล้ว ทำให้สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้เป็นอย่างดี
ส่วน Vivo V11i ได้ใช้เซ็นเซอร์ Sony บนกล้องหลังคู่ความละเอียด 16+5 ล้านพิกเซล และมีรูรับแสง f/2.0 ทำให้คุณภาพของภาพถ่ายอาจจะด้อยกว่า V11 อยู่ในระดับหนึ่ง แต่ทั้งคู่มาพร้อมกับ AI Camera ที่ช่วยในการถ่ายภาพโดยเฉพาะการถ่ายภาพแสงน้อยเหมือนกัน
*ภาพตัวอย่างของ Vivo V11i ในที่แสงน้อยอยู่ในหัวข้อถัดไป
ทั้ง Vivo V11 และ Vivo V11i มาพร้อมกับกล้อง AI Camera ที่ไม่เพียงจะมีฟังก์ชั่น AI Scene Recognition ที่แยกชนิดของภาพและปรับค่ากล้องให้เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังมี AI Backlight HDR และ AI Low Light Mode ที่กล้องจะทำการถ่ายภาพหลายๆ เฟรม เพื่อเก็บรายละเอียดมารวมๆ กัน เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ที่สุด มีรายละเอียดครบถ้วนอีกด้วย
ได้ไปลองใช้ Vivo V11i ทดสอบถ่ายภาพตอนกลางคืนมาบ้าง (ส่วน Vivo V11 ยังไม่ได้ลองนะครับ) จะเห็นว่า ภาพในบริเวณที่มืดจะมีจุดรบกวนให้เห็นอยู่พอสมควร การวัดแสงของกล้องจะค่อนข้างสว่าง อาจต้องชดเชยแสงไปทางลบหน่อยๆ แต่ที่ประทับใจเลยก็คือ ในพื้นที่สว่างโดยส่วนใหญ่ของแต่ละภาพ ยังคงมีรายละเอียดต่างๆ ให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งน่าจะเป็นผลของเทคโนโลยี AI ที่เก็บภาพในสภาพแสงต่างๆ มาเติมรายละเอียดที่ขาดหายไป
นอกจากนี้ยังมีระบบ AI ที่ช่วยในการถ่ายภาพสำหรับคนที่จัดองค์ประกอบภาพถ่ายบุคคลไม่เก่งอีกด้วย โดยระบบจะช่วยแนะนำระหว่างการถ่ายรูปให้ เช่น ขยับกล้องไปทางซ้ายเพื่อให้ตัวแบบไม่หลุดจากเฟรม หรือกดกล้องต่ำลงอีกหน่อย เพื่อให้ตัวแบบขายาวขึ้น
ส่วน AI ในกล้องหน้า มีเรื่องของการจำลองแสงรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ภาพเซลฟี่ดูดีขึ้น และที่ประทับใจคือฟังก์ชั่นในการปรับแต่งภาพถ่ายแยกตามเพศของผู้ถ่ายได้
จริงๆ น่าจะเป็นคำว่าไฟสตูดิโอ มากกว่าไฟสเตอริโอนะ
น่าจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจได้ง่าย สำหรับคนเล่นเกมส์โดยเฉพาะ โดย Vivo V11 รุ่นที่ราคาสูงกว่า ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 660 AIE ส่วน Vivo V11i ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Helio P60 ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าชิปเซ็ตจาก Snapdragon ถึงแม้ว่าจะเป็นรหัส 6xx ซึ่งอยู่ในระดับมิดเรนจ์ ก็ยังมีการประมวลผลกราฟฟิกที่แรงกว่า Helio P60 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตรุ่นรองท็อปของทางค่ายนี้
โดยจากการใช้งานทั่วๆ ไป รวมทั้งการเล่นเกมส์แล้ว ชิปเซ็ต Helio P60 ของ Vivo V11i ไม่ได้ทำงานช้าแต่อย่างใด ทั้งการโหลดแอปฯ ต่างๆ โหลดเกมส์ หรือประมวลผลภาพต่างๆ แต่จะไม่สามารถรันเกมส์ด้วยเฟรมเรทลื่นๆ ได้เท่ากับ Snapdragon ทำให้ไม่ตอบโจทย์คนเล่นเกมส์มือถือแบบฮาร์ดคอร์เท่าไหร่ แต่กับคนที่ไม่ได้ต้องการเกมส์เฟรมเรทสูงๆ หรือเล่นเกมส์ทั่วๆ ไปแล้ว Vivo V11i ก็ถือว่าเป็นการประหยัด ที่ตอบโจทย์การใช้งานอยู่ไม่น้อย
อีกจุดเล็กๆ สำหรับสเปคฮาร์ดแวร์ก็คือ Vivo V11i มาพร้อมกับแรม 4 GB (ซึ่งใช้งานจริงๆ จะเหลือที่ว่างแรมประมาณ 2 GB) แต่ Vivo V11 ให้แรมมาถึง 6 GB อาจจะต้องจัดระเบียบการใช้งานหลายๆ แอปฯ กันหน่อย แต่ส่งผลแค่ไหน เดี๋ยวเราขอลองใช้งานซักพัก แล้วจะมาบอกอีกทีในรีวิวของ Vivo V11i นะครับ
พื้นที่ว่างของแรม หลังจากกดล้างข้อมูลแล้ว
Vivo V11 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,400 mAh และเทคโนโลนี Dual-Engine Fast Charge โดยภายในตัวเครื่องจะแบ่งชิปสำหรับการชาร์จออกเป็น 2 ตัว เพื่อให้ประจุพลังงานได้เร็วขึ้น โดยภายในงานเปิดตัว เคลมว่าการชาร์จ 30 นาที ได้แบตฯ สำหรับใช้งาน 50% เลยทีเดียว
ส่วน Vivo V11i มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,315 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จด่วนที่ไม่ได้ระบุว่าเป็น Dual-Engine ซึ่งความเร็วในการชาร์จก็ไม่ได้ต่างกันมากเลยระหว่าง 2 รุ่นนี้
แถมอีกเรื่องหนึ่งคือทั้ง 2 รุ่น ยังคงใช้พอร์ต microUSB 2.0 อยู่ ยังไม่เป็น USB-C ถึงแม้เรื่องชาร์จจะไม่ใช่ปัญหา แต่การโอนถ่ายข้อมูลผ่านสาย USB อาจจะไม่เร็วเท่าสมาร์ทโฟนที่ใช้ USB-C นะครับ
ทั้ง Vivo V11 และ Vivo V11i มาพร้อมกับผู้ช่วยอัจฉริยะ ทั้ง Jovi Smart Scene ของทาง Vivo เอง ทั้ง Google Assistant ผู้ช่วยประจำสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ และ Google Lens ผู้ช่วยน้องใหม่ ที่อยู่คู่กับสมาร์ทโฟนที่รองรับกล้อง AI
โดย Jovi เป็นผู้ช่วย AI อัจฉริยะของทาง Vivo ที่จะมีลักษณะเป็น Machine Learning เรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ และปรับเปลี่ยนระบบ ให้สามารถทำงานร่วมกับผู้ใช้ได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น รวมทั้งนำเสนอในเรื่องข้อมูลข่าวสารต่างๆ และการพยากรณ์อากาศอีกด้วย (อย่างหลังคล้ายๆ กับ Google Assistant)
ส่วน Google Assistant ก็ครอบคลุมการใช้งานอย่างเช่นการหาข้อมูลต่างๆ ทั้งข้อมูลการเดินทาง การช้อปปิ้งออนไลน์ หรือถามเรื่องทั่วๆ ไป และ Google Lens ก็จะเป็นการหาข้อมูลต่างๆ ผ่านภาพในเลนส์กล้องนั่นเอง
สำหรับคนที่ชอบในเรื่องของดีไซน์ และความเป็น FunOS ของทาง Vivo ไม่ว่าจะเป็น ผู้ช่วย AI ทั้งทางด้านกล้องและการใช้งาน, การปลดล็อกด้วยใบหน้า, เล่น Funmoji ได้ แต่ไม่ได้สนใจเล่นเกมส์ หรือคุณภาพการถ่ายรูปที่ดีเยี่ยม Vivo V11i ก็เป็นตัวเลือกในราคาประหยัดที่ดีอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าอยากอัพเกรดกล้องขึ้นมา ชอบเล่นเกมส์ไม่ว่าจะเป็น RoV, PUBG, Identity V ฯลฯ (สายเล่นเกมส์หนัก) หรืออยากสัมผัสการสแกนนิ้วบนหน้าจอแล้ว การอัพมาใช้ Vivo V11 ไปเลย ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อยครับ
|
... |
ความคิดเห็นที่ 1
8 กันยายน 2561 16:05:14
|
||
very nice post about phone tips.This is a very important factor before buy a phone also.I will surelly try it on <a href="https://timesera.com/"> timesera </a> . Your style of writing is very good and impressive way of presenting.
Really very useful. Thanks for sharing. |
||