เป็นเวลากว่าหลายปีแล้วที่ แบรนด์ข้าวฟ่างแห่งแดนมังกร Xiaomi (เสียวหมี่) ได้ปล่อย "นักฆ่าเรือธง" ออกมารุ่นแล้วรุ่นเล่า โดยแต่ละรุ่นนั้นก็ทำผลงานได้ดีเลย มีราคาไม่แรงมาก แต่มาพร้อมกับสเปคระดับไฮเอนด์ เช่น Xiaomi Mi 8 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว
และในปีนี้ แบรนด์ข้าวฟ่างแห่งแดนมังกร Xiaomi (เสียวหมี่) ก็ได้กลับมาอีกครั้งพร้อมกับ เปิดตัวนักฆ่าเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Xiaomi Mi 9 ที่เด่นรอบด้าน ทั้ง ด้านการถ่ายรูป ประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงด้านความปลอดภัยด้วย ซึ่งทาง Talkabear ก็ได้ไปทดสอบตัวเครื่องจริงกันมาแล้ว และก็เก็บข้อมูลมาฝากเพื่อนๆ ผ่านพรีวิวชิ้นนี้ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น มาติดตามรับชมกันได้เลย
ดีไซน์ของ Xiaomi Mi 9 มาพร้อมกับหน้าจอแบบกว้างเต็มตาขนาด 6.3 นิ้ว ที่มี Dot Drop หรือติ่งหยดน้ำอยู่ทางด้านบน
บอดี้ด้านหลังใช้ดีไซน์กระจกโค้งมนรอบด้าน พร้อมสีรุ้งแบบ Holographic ที่จะเปลี่ยนสีเมื่อสะท้อนตามแสงที่ตกกระทบตามมุมต่างๆ (สีดำจะมองยากสักหน่อย แต่สีฟ้าจะเห็นง่ายกว่า) โดยตัวสีมีให้เลือกสองสีคือ Piano Black (ในรูปภาพ) และ Ocean Blue (ยังไม่มีตัวเครื่องจริงให้ลองในวันงาน)
กล้องหลังเรียงตัวกันในแนวตั้ง นูนออกจากตัวเครื่องค่อนข้างเยอะ ขอบกล้องตัวแรกสุดมีวงแหวนเปลี่ยนสีได้ Halo Ring ดูสะดุดตา
เทรนด์กล้องหลัง 3 ตัว กำลังมาแรงมากๆ ซึ่งเจ้า Xiaomi Mi 9 ก็มีมาพร้อมแบบไม่ขาดตกบกพร่อง กล้อง 3 ตัวถ่ายรูปได้ครบทุกระยะ กว้าง - กลาง - ไกล แถมมีระบบ AI ที่แยกประเภทของรูปถ่ายและอีกด้วย
กว้าง Ultra Wide | กลาง 48 ล้าน (กล้องหลัก) | ไกล Telephoto |
กล้องหลังทั้งสาม ประกอบด้วย กล้องระยะกว้าง (Ultra Wide) 16 ล้านพิกเซล ที่เก็บภาพได้โคตรกว้าง (117 องศา) ส่วนกล้องหลักระยะกลาง ก็จัดเต็ม 48 ล้านพิกเซล บวกรูรับแสง F1.75 ช่วยให้ถ่ายรูปในที่มืดได้ดี แถมเก็บรายละเอียดได้ครบ และสุดท้ายกล้องระยะไกล (Telephoto) 12 ล้านพิกเซล ซูมกล้องได้ไกลสุดๆ
รูปภาพเต็ม | ครอปภาพ 300% |
จุดเด่นของกล้องหลักด้านหลังของ Xiaomi Mi 9 ก็คือเซ็นเซอร์ IMX586 ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล จากค่ายอารยธรรม Sony ที่เก็บรายละเอียดได้ครบ ทำให้ภาพคมชัดมาก หากลองสังเกตดูจากรูปด้านบน ที่ครอปรูปภาพเข้าไป 300% ก็ยังเห็นรายละเอียดของหินครบ
เห็นภาพจากกล้องหลังไปแล้ว เราจะมาดูในส่วนของกล้องหน้ากันบ้าง โดยกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซลของ Xiaomi Mi 9 ทำงานร่วมกับระบบ AI ที่เข้ามาช่วยในการปรับแต่งหน้าเนียน และช่วยปรับสกินโทนของสีผิวให้ดูเป็นธรรมชาติ
รูปตัวอย่างจากกล้องหน้า Xiaomi Mi 9
อีกเทรนด์ที่กลับมาแรงไม่แพ้กล้องหลัง 3 ตัว ก็คือ เทคโนโลยีสแกนนิ้วบนจอ ซึ่งเจ้า Xiaomi Mi 9 ก็มีพร้อม ปลดล็อกเครื่องสะดวกรวดเร็วได้ด้วยการแตะนิ้วลงบนจอ
แต่หากใครที่สงสัยว่ามันเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับ Samsung Galaxy S10 หรือเปล่า คำตอบคือเป็นคนละตัวกันนะ อันนี้เป็นแบบธรรมดาที่ใช้การสแกนผ่านแสงที่ตกกระทบตัวจับ แต่สำหรับ S10 จะเป็นการปล่อยคลื่นความถี่ Ultrasonic ที่แม่นยำกว่า
อ้างอิงข้อมูลตามสไลด์ในงานเปิดตัว ทางแบรนด์อ้างว่า Xiaomi Mi 9 ที่มีเทคโนโลยีชาร์จไร้สายแบบ 20W ที่เร็วที่สุดในโลก ใช้เวลาชาร์จแบตฯ เต็ม 100% เพียงแค่ 90 นาทีเท่านั้น ซึ่งเร็วกว่าแบรนด์อื่นๆ อีกพอตัว แต่จะเร็วกว่าจริงไหม คงต้องรอฟีดแบ็คจากผู้ใช้งานจริงๆ อีกที
โดยสรุปถือว่า Xiaomi Mi 9 เด่นตั้งแต่ การถ่ายรูปและวิดีโอแบบครบทุกรสชาติ ด้วยกล้องหลังแบบ 3 ตัว (Triple Camera) ความละเอียดกล้องหลักที่สูงถึง 48 ล้านพิกเซล มีเลนส์ทุกระยะ กว้าง - กลาง - ไกล + เอไอ (AI) ส่วนสเปคภายในก็แรงสุดใจ ใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปรุ่นใหม่ล่าสุด อย่าง มังกรน้อย Snapdragon 855 จากค่าย Qualcomm แรมแจ่มๆ 6GB และรอม 128GB พร้อมกับเทคโนโลยีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนจอ และระบบชาร์จเร็วแบบไร้สาย ที่เติมแบตฯ เร็วที่สุดในโลก ส่วนราคาค่าตัวก็ไม่แรงมาก 16,999 บาท เรียกได้ว่าจ่ายสองหมื่นมีตังค์ทอน เผื่อไว้ซื้อแก็ดเจ็ตอื่นๆ มาเสริมได้เลย
ส่วนการเปิดจองจะเริ่มในวันที่ 4 เดือนหน้า (เมษายน) ในช่วงเวลา 0.01 (หลังเที่ยงคืนวันที่ 3) เป็นต้นไป โดยเปิดให้จองผ่านหน้าเว็บไซต์ และศูนย์ให้บริการของ AIS ส่วนการจัดส่งสินค้าจะเริ่มวันที่ 20 เมษายนเป็นต้นไป และสินค้าจะเริ่มวางจำหน่ายจริงในวันที่ 24 เมษายน เป็นต้นไปนะ เตรียมตัวไว้ได้เลย
|
How to .... |