รวมสุดยอดนาฬิกาข้อมือที่มีกลไกสลับซับซ้อนอย่างน่าทึ่ง

นาฬิกาข้อมือ

นาฬิกาข้อมือนอกจากจะช่วยบอกเวลาให้เราได้แล้ว มันยังเป็นเสมือนเครื่องประดับอีกชิ้นที่ใครหลายๆ คน อยากมีไว้มาประดับข้อมือกัน วันนี้เราจะมาพาไปชมกับนาฬิกาข้อมือที่มีดีไซน์แตกต่างจากนาฬิกาข้อมือที่คุณพบเห็นได้ทั่วไป มันมาพร้อมกับดีไซน์ที่แปลกพิสดาร และมีกลไกการทำงานที่สลับซับซ้อน กล่าวได้ว่ามันไม่ใช่แค่นาฬิกา แต่เป็นเหมือนผลงานศิลปะชั้นยอดที่กลั่นออกมาจากสมองของผู้ที่ออกแบบมันอีกด้วย จะมีนาฬิกาเรือนไหนบ้างมาลองชมกัน

DEVON TREAD

ราคาประมาณ $18,450 (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 569,620 บาท)

Devon เป็นนาฬิกาจากอเมริกาที่มีส่วนผสมของการดีไซน์ระหว่างความทันสมัย และกลิ่นอายแบบ Steampunk อย่างลงตัว ตัวเรือนเป็นแบบใสทำจาก Ballistic polycarbona ที่ใสราวกับคริสตัล แสดงให้เห็นถึง "สายแห่งเวลา" ที่หมุนวนไปเรื่อยๆ เพื่อบอกเวลาได้อย่างน่าทึ่ง

กลไกภายในใช้วัสดุแบบเดียวกับยานอวกาศเพื่อความทนทานต่อการใช้งาน ระบบบอกเวลาถูกควบคุมด้วยไมโครชิป สามารถอัปเดตเฟิร์มแวร์ใหม่จากผู้ผลิตได้ด้วย

มี 2 รุ่น หลักๆ คือ DEVON TREAD 1 กับ DEVON TREAD 2 และยังมีรุ่นพิเศษอีกหลายรุ่นที่มีความซับซ้อนไม่แพ้กันภายใต้สไตล์เดียวกัน ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แบบ Lithium พร้อมระบบชาร์จแบบไร้สาย โดยสามารถใช้งานได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ต่อการชาร์จ 1 รอบ

ราคาของมันโหดร้ายใช้ได้ DEVON TREAD 1 ราคาประมาณ $18,450 (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 569,620 บาท) ส่วน DEVON TREAD 2 ราคาประมาณ $12,500 (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 385,920 บาท) แน่นอนว่าราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีในบ้านเรา

Jacob & Co. Astronomia Tourbillon Baguette 

ราคาประมาณ $1,015,000 (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 31,343,200 บาท)

นี้เป็นนาฬิกาข้อมือที่ได้แรงบันดาลใจมาจากระบบสุริยะ ตรงกลางของหน้าปัดคือดวงอาทิตย์ ที่มีโลก และดวงจันทร์โคจรอยู่โดยรอบ การเคลื่อนไหวบนหน้าปัด มีความซับซ้อนที่สวยงามอย่างน่าทึ่ง

กลไกในการทำงานมีชื่อเรียกว่า JCEM01 ที่ทาง Jacob & Co. ออกแบบเอง ไม่เพียงแค่กลไกที่น่าสนใจเท่านั้น วัสดุที่ถูกนำมาผลิตก็หรูหราสุดๆ กระจกของนาฬิกาเรือนนี้ทำจาก Sapphire crystal เพียงขึ้นรูปเป็นทรงโดม ตัวเรือนทำจาก Rose gold 18k, ตัวเข็มพระจันทร์เป็นเพชรแท้ขนาด 1 กะรัต ที่ถูกเจียรไนเป็นทรงกลมด้วย รอยตัดถึง 288 ครั้ง และตัวพื้นหลังเป็นเพชรจำนวน 342 ชิ้น รวม 16 กะรัต

ด้วยความซับซ้อน และหรูหราขนาดนี้ ทำให้ Jacob & Co. Astronomia Tourbillon Baguette เรือนนี้มีราคาสูงถึง $1,015,000 อย่างไรก็ตาม มีรุ่นธรรมดา Jacob & Co. Astronomia Tourbillon ที่พื้นหลังเป็นรูปดาวบนพื้นดำด้วยเช่นกัน ราคาถูกกว่าเพราะใช้เพชรน้อยกว่า จำหน่ายในราคา $513,000 (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 15,841,670 บาท)

Harry Winston Opus I- XV

ราคาประมาณ $120,000 - $290,000 (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,704,220 -  8,951,865 บาท)

นาฬิกาซีรีส์ Opus จาก Harry Winston นั้น มาพร้อมกับกลไกที่สวยงาม และน่าทึ่งเกือบทุกรุ่น นับตั้งแต่รุ่นแรก Opus 1 ที่เปิดตัวในปี 2001 จนถึงรุ่นล่าสุด Opus 14 ที่เปิดตัวในปี 2015

ความยอดเยี่ยมของนาฬิกาจากค่ายนี้ คือ นอกเหนือไปจากกลไกบอกเวลาที่น่าทึ่งแล้ว มันยังมีรูปแบบ "การเคลื่อนไหว" ที่งดงามอีกด้วย ส่วนตัวผู้เขียนแล้วชอบความซับซ้อนในกลไกของ Opus 11 และความสวยงามของ Opus 12 เป็นอย่างมาก จะน่าทึ่งขนาดไหนลองชมได้จากวิดีโอด้านล่างนี้เลย

Hublot - MP05 LaFerrari

ราคาประมาณ $300,000 (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 9,258,000 บาท)

Ferrari เปิดตัวรถซุปเปอร์คาร์ LaFerrari ในปี 2013 หลังจากนั้นไม่กี่เดือน Hublot ผู้ผลิตนาฬิกาแบรนด์หรูก็ได้เปิดตัวนาฬิกาข้อมือรุ่น MP-05 LaFerrari โดยออกแบบมาเพื่อใส่คู่กับเจ้าของรถ Ferrari

ตัวเรือนของนาฬิกามีเค้าโครงมาจากตัวรถ LaFerrari โดยทำจากไทเทเนียม ภายใต้กระจกแซฟไฟร์ เป็นตัวกลไกนาฬิกาที่ประกอบขึ้นมาจากชิ้นส่วนกว่า 637 ชิ้น กลไกของนาฬิกาเรือนนี้ได้ Flavio Manzio วิศวกรจาก Ferrari มาช่วยออกแบบด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่ามันถูกออกแบบให้คล้ายกับเครื่องยนต์ที่อยู่ในรถ Ferrari นั่นเอง ซึ่งกว่าจะสำเร็จทาง Hublot กล่าวว่าต้องใช้เวลาในการออกแบบกว่า 600 ชั่วโมงเลยทีเดียว

นาฬิการุ่นนี้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 50 วัน ถูกผลิตขึ้นมาในจำนวนจำกัด 499 เรือน ราคา $300,000 อาจจะดูเหมือนแพง แต่หากคุณมีเงินซื้อรถ Ferrari อยู่แล้ว ค่าตัวของนาฬิกาเรือนนี้ก็ไม่น่าจะใช่ปัญหาอยู่แล้วล่ะ

Christophe Claret X-TREM-1

ราคาประมาณ $330,000 (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 10,177,200 บาท)

X-TREM-1 เป็นนาฬิกาข้อมือที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากมันใช้แม่เหล็กในการทำหน้าที่บอกเวลา ซึ่งโดยปกติแล้ว แม่เหล็กเป็นของแสลงในนาฬิกาข้อมือเพราะมันจะทำให้กลไกเหล็กภายในตัวเรือนทำงานผิดปกติได้ แต่ X-TREM-1 สามารถใช้พลังงานแม่เหล็กในการขยับลูกเหล็กด้านข้างของตัวเรือนเพื่อบอกเวลา

ตรงกลางของนาฬิกาโชว์ให้เห็นกลไกที่ทำงานได้อย่างน่าทึ่ง ทาง Christophe Claret ใช้ชื่อระบบนี้ว่า FLY11 ด้วยการทำมุมเอียง 30 องศาขึ้นมาจากตัวเรือน ทำให้เรามองเห็นมิติการทำงานร่วมกันอย่างสวยงามของชิ้นส่วนทั้งหมด 419 ชิ้น ที่ซุกซ่อนไว้ใต้พื้นที่เล็กๆ ในตัวเรือน

ราคาเริ่มต้นของมันอยู่ที่ประมาณ $330,000 (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 10,177,200 บาท) สำหรับรุ่นไทเทเนียม แต่หากใครเงินเหลือมากกว่านั้นก็มีรุ่นที่ใช้ทองคำ และวัสดุหรูหราอื่นๆ ให้เลือกด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าราคาย่อมถีบสูงขึ้นไปอีกขั้น

Christophe Claret - MARGOT

ราคาประมาณ $314,300 (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 9,693,800 บาท)

มาดูกันต่อที่ Christophe Claret - MARGOT กันบ้าง นี่เป็นนาฬิกาสำหรับผู้หญิงที่มีกลไกซับซ้อนซ่อนเอาไว้ภายใต้รูปลักษณ์ที่สวยงาม หน้าปัดได้รับแรงบันดาลใจมาจากดอก Daisy (เดซี่) ดอกไม้ชนิดนี้มีตำนานเล่าขานว่าสามารถทำนายความรักได้ด้วยการเด็ดกลีบดอกของมันออกทีละใบ แล้วคิดในใจว่า รัก, ไม่รัก ไปจนกว่าจะถึงกลีบดอกใบสุดท้าย และนาฬิกาเรือนนี้ก็สามารถใช้ทำนายรักได้ด้วยการกดปุ่มที่อยู่ตรงตำแหน่ง 2 นาฬิกา ทุกครั้งที่กดกลีบดอกจะหายไปทีละใบไปเรื่อยๆ

Christophe Claret - MARGOT มีหน้าปัดให้เลือก 4 สี คือ MARGOT, LAYLA , MARGUERITE และ MARGUERITE ตัวเรือนทำจาก Rose Gold 5N และประดับเพชร 69 เม็ด รวม 4.8 กะรัต

Ulysse Nardin Classico Stranger

ราคาประมาณ $105,000 (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,236,790 บาท)

หน้าปัดของนาฬิกาเรือนนี้อาจจะดูมีความเรียบง่ายไม่ซับซ้อนเหมือนรุ่นก่อนหน้าที่เราเลือกขึ้นมาแนะนำ แต่มันกลับซ่อนกล่องดนตรีเอาไว้บนหน้าปัดได้อย่างน่าทึ่ง มี 2 รุ่น ต่างกันที่เพลง โดยมีเพลง Strangers in the Night ของ Frank Sinatra และเพลง Violin Concerto No. 1 in E จาก The Four Seasons ของ Antonio Vivaldi ทั้งคู่ถูกผลิตขึ้นมาในจำนวนที่จำกัดเพียงรุ่นละ 99 เรือนเท่านั้น

เราสามารถกดปุ่มที่อยู่ตรงตำแหน่ง 8 นาฬิกา เพื่อให้นาฬิกาสามารถเล่นเพลงให้เราฟังได้เมื่อต้องการ จะเป็นอย่างไร ลองชมได้จากคลิปด้านล่างนี้เลย

MB&F - HM6

ราคาประมาณ $230,000 (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 7,081,500 บาท)

MB&F ผู้ผลิตนาฬิการุ่นนี้ได้ตั้งชื่อเล่นให้มันว่า "Space Pirate" Maximilian Büsser ซีอีโอของ MB&F ได้บอกว่าตอนเด็กๆ สมัยที่อาศัยที่ประเทศฝรั่งเศส เค้าได้มีโอกาสดูการ์ตูนเรื่อง Capitaine Flam (หรือ Captain Future) เขานำมันมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบนาฬิการุ่นนี้

ยานอวกาศในการ์ตูนเรื่องนี้ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับนาฬิกาเรือนนี้
ภาพจาก : https://marketplace.secondlife.com/p/Capitaine-Flam-Johann/14364670?id=14364670&slug=Capitaine-Flam-Johann

นาฬิกาเรือนนี้จะมีโดมกระจกแซฟไฟร์ทรงกลมอยู่ทั้ง 4 ด้านอโดนสองโดมด้านล่างจะทำหน้าที่บอกชั่วโมง และนาที ส่วนโดมด้านบนจะมีใบพัดเทอร์ไบน์ที่หมุนได้ด้วยตามจังหวะการทำงานของนาฬิกา ตัวเรือนทำจาก Ti-6Al-4V (Grade 5) Titanium แบตเตอรี่ใช้งานได้ 72 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ 1 รอบ

มาลองชมการทำงานของนาฬิกาเรือนนี้ได้จากคลิปด้านล่างนี้เลย

Van Cleef & Arpels - Planetarium Watch

ราคาประมาณ $276,000 (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 8,494,460 บาท)

ใครที่หลงในอวกาศ ชื่นชอบความงามของหมู่ดาว Planetarium Watch จาก Van Cleef & Arpels น่าจะเป็นนาฬิกาที่คุณหลงรักอย่างแน่นอน

บอกเวลาด้วยการเคลื่อนที่ของดวงดาวจำลองบนหน้าปัด มีลูกเล่นเก๋ๆ อย่างการบอกวันดวงดีด้วยดาวนำโชค ดาวบนหน้าปัดประกอบไปด้วย โลก, ดาวพุธ, ดาวศุกร์, ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ ที่มีวงโคจรแยกออกจากกันอย่างอิสระ

ตัวเรือนมีขนาด 44 มม. ผลิตจาก Rose Gold, เม็ดมะยมทำจากแร่ Aventurine ส่วนดวงดาวบนหน้าปัดก็ทำจากแร่หายากหลายชนิด แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่อง 48 ชั่วโมง

Jaquet-Droz Automata THE BIRD REPEATER

ราคาประมาณ $474,612 (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 14,608,320 บาท)

หากพูดถึงนาฬิกาที่มีความสลับซับซ้อนแล้วขาดชื่อของ Jaquet-Droz ไปล่ะก็ ลิสต์นั้นต้องไม่สมบูรณ์เป็นแน่แท้ Pierre Jaquet-Droz ได้เปิดร้านผลิตนาฬิกาของตนเองตั้งแต่ปี ค.ศ. 1738 และมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในด้านการคิดค้นกลไกที่สลับซับซ้อน

ผลงานที่น่าจดจำของ Jaquet-Droz มีอยู่หลายอย่าง เช่น The Writer หุ่นกลที่สามารถเขียนข้อความได้เอง ลองคิดดูว่าเจ้าหุ่นตัวนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรธที่ 18 ดูสิ จะพบว่ามันเป็นอะไรที่น่าทึ่งมากๆ ในสมัยก่อนนั้นงานประดิษฐ์ของเขาน่าทึ่งจนถูกร่ำลือว่าเป็นเวทมนต์ของแม่มดเลยด้วยซ้ำ

แม้กิจการของ Jaquet-Droz จะปิดตัวลงในปี 1790 จากการถูกฉ้อโกง แต่ในปี 2000 กลุ่มผู้ผลิตนาฬิกาในสวิตเซอร์แลนด์ได้ทำการซื้อต่อแบรนด์ และลงทุนรื้อฟื้นแบรนด์นี้ให้กลับมาอีกครั้งในเมืองเดิมที่ Jaquet-Droz ได้ถือกำเนิดขึ้น พร้อมทั้งได้เปิดตัวนาฬิกาซีรีส์  THE BIRD REPEATER ที่ยังเอกลักษณ์ในการออกแบบกลไกให้มีความเคลื่อนไหวที่สลับซับซ้อนอยู่เหมือนเคย นกที่เราเห็นนั้นสามารถขยับได้ด้วยกลไกฟันเฟืองที่สลับซับซ้อน และส่งเสียงร้องออกมาได้ด้วย ลองชมความน่าทึ่งของมันได้จากวิดีโอด้านล่างนี้เลย

Cabestan Luna Nera

ราคาประมาณ $206,000 (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 6,340,680 บาท)

Cabestan เป็นแบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาแบบอิสระที่ตั้งอยู่ใจกลางภูเขา Jura ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทาง Cebastan ได้คิดค้นกลไกนาฬิกาแบบแนวตั้งขึ้นมา และนั่นก็คือจุดกำเนิดชื่อเสียงของเขา

นาฬิกาข้อมือรุ่น Luna Nera จาก Cabestan ได้ถูกผลิตขึ้นในปี 2013 และมีจำกัดเพียง 135 เรือนเท่านั้น มันใช้กลไก CAB BC 102L ที่ทาง Cabestan คิดค้นขึ้นมาเอง ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนกว่า 939 ชิ้น และประกอบด้วยมือทั้งหมด จุดเด่นของกลไกนี้อยู่ที่วางตัวในแนวตั้ง และใช้ "โซ่" เป็นสายพานในการขยับฟันเฟืองภายในตัวนาฬิกา ซึ่งโซ่นี้มีความยาวถึง 16 ซม. ข้อต่อ 235 จุด พันเกี่ยวไปในส่วนฟันเฟืองต่างๆ อย่างสลับซับซ้อน ตรงกลางของหน้าปัดมีพระจันทร์อยู่ตรงกลาง และบอกข้างขึ้นข้างแรมแบบ 3 มิติ หมุนรอบตัวเองโดยใช้เวลา 29.5 วัน ต้องยกนิ้วให้กับคนออกแบบกลไกนี้จริงๆ ว่าอัจฉริยะสุดๆ

Nord Zeitmaschine - VARIOCURVE

ราคาประมาณ $14,360 (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 441,570 บาท)

VARIOCURVE จาก Nord Zeitmaschine มีวิธีบอกเวลาที่เห็นแว้บแรกแล้วต้องอุทานว่า "ดูยังไงฟะ" เนื่องจากนาฬิการุ่นนี้มีเข็มเพียงอันเดียว แถมยังเคลื่อนที่ด้วยองศาแบบแปลกๆ อีกต่างหาก (แต่จริงๆ ดูเวลาไม่ยากนะ)

นอกจากนี้ ในบรรดานาฬิกาที่มีกลไกแปลกๆ ทั้งหมดที่เราหยิบยกมาให้ชม นาฬิการุ่นนี้มีค่าตัวที่ถูกที่สุดอีกด้วยล่ะ 

เป็นอย่างไรกันบ้าง กับนาฬิกาแปลกๆ ที่เราคัดเลือกมาให้ชมกันในวันนี้ แม้ว่าแต่ละเรือนจะมีราคาค่อนข้างสูงมาก แต่มันก็แพงอย่างมีเหตุผลนะ ไม่ว่าจะด้วยความยากในการออกแบบ, การผลิต และวัสดุที่ใช้ในการผลิตด้วย