รีวิว Nokia 2.2 สมาร์ทโฟน Android One ราคาประหยัด แบตฯ ถอดได้ อัปเดตใช้กันยาวๆ

รีวิว Nokia 2.2

Nokia 2.2 เป็นสมาร์ทโฟนราคาประหยัดในระดับเริ่มต้นและเป็นหนึ่งในโครงการ Android One ระบบปฏิบัติการสำหรับมือถือสเปคต่ำ ซึ่งถึงแม้ว่า Nokia 2.2 จะมีราคาไม่สูงมาก และฟีเจอร์ไม่ได้เยอะเหมือนสมาร์ทโฟนในระดับกลางหรือเรือธง แต่รุ่นนี้ก็รองรับการใช้งานเครือข่าย 4G ทั้ง 2 ซิม รวมทั้งยังมีแบตเตอรี่ถึง 3,000 mAh ที่สามารถใช้งานทั่วๆ ไปได้สบายๆ อีกด้วย ซึ่งนอกจากเรื่องดังกล่าวแล้ว มีอะไรบน Nokia 2.2 ที่น่ารู้อีก ไปรับชมรีวิวกันได้เลย

ฟีเจอร์ของ Nokia 2.2

• ระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie (Android One)
• หน้าจอ 5.71 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 19:9
• มีปุ่ม Google Assistant ให้ใช้งาน
• รองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า
• กล้องหลัง 13MP / กล้องหน้า 5MP
• ฝาหลังถอดเปลี่ยนได้
• แบตเตอรี่ 3,000mAh

สำรวจตัวเครื่อง

สัมผัสแรกที่หยิบ Nokia 2.2 ออกจากกล่องคือเครื่องเบามาก!! เบาจนเหมือนโมเดลมือถือที่เอาไว้ตั้งโชว์หน้าร้าน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เราแค่ยังไม่ได้ใส่แบตเตอรี่ให้ตัวมือถือ ใช่แล้ว Nokia 2.2 ใช้แบตเตอรี่แยกที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ดึงฝาหลังพลาสติกขึ้นมา ก็สามารถใส่แบตเตอรี่ รวมทั้ง SIM1, SIM2 และการ์ด microSD ได้ที่ด้านหลังนี้เลย ไม่ต้องเลือกใส่ระหว่าง SIM กับ microSD

ด้านหน้าของตัวเครื่อง เป็นหน้าจอขนาด 5.71 นิ้ว อัตราส่วน 19:9 ที่พอสำหรับการดูหนังจอกว้างๆ ในระดับหนึ่ง สิ่งที่ขัดใจเล็กๆ ตามภาษามือถือราคาประหยัดก็คือดีไซน์การออกแบบ ซึ่ง Nokia 2.2 มีทั้งขอบจอ ขอบรอยบากหยดน้ำกล้องหน้าที่หนามาก รวมทั้งมุมมนที่โค้งจนทำให้รู้สึกว่าโดนกินพื้นที่หน้าจอไปพอสมควร เมื่อเทียบกับดีไซน์ของสมาร์ทโฟนปัจจุบันในตลาด

กลับมาดูด้านหลัง ตัวฝาหลังเครื่องเป็นพลาสติกที่คลุมยันขอบตัวเครื่องไปจนถึงปุ่มต่างๆ ตรงกลางเป็นกล้องหลังเลนส์เดี่ยวพร้อมแฟลช ลำโพงเครื่องอยู่ด้านล่างขวา ด้านขวาของหน้าจอเป็นปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงและปุ่มพาวเวอร์ ส่วนด้านซ้ายมีอีกปุ่มหนึ่ง สำหรับเรียก Google Assistant เพื่อใช้งาน มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 อยู่ด้านบน และด้านล่างเป็นไมค์และพอร์ต microUSB

ภายในกล่องนอกจากตัวเครื่องกับแบตเตอรี่แยกแล้วก็ประกอบไปด้วย อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ สาย microUSB และหูฟังสมอลทอล์คแบบอินเอียร์

เปิดเครื่องใช้งาน

Nokia 2.2 มาพร้อมกับ Android One ระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น ในเวอร์ชัน Android 9 Pie ที่มีความดีงามก็คือ หน้าโฮมสะอาดๆ ตั้งแต่เปิดเครื่อง ไม่มีแอปฯ โบลทแวร์ทั้งหลายถูกติดตั้งมาให้เปลืองเนื้อที่ตัวเครื่อง ปุ่ม Navigation เป็นแบบใหม่ที่เรายังไม่ค่อยชิน ถ้าใครเป็นเหมือนเรา ก็ต้องใช้เวลาปรับตัวซักหน่อย

ในรุ่นนี้ มีประสิทธิภาพการทำงานที่ช้าอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่การใส่พาสเวิร์ด ปลดล็อกเครื่อง เปิดหน้าเมนู เปิดแอปๆ ต่างๆ ใช้งานกล้องหน้า กล้องหลัง เปิดดูรูป ก็ต้องใช้เวลาถึงอึดใจหนึ่งเลยทีเดียว

บน Nokia 2.2 ได้ใส่ระบบปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้ามาให้ด้วย เป็นการทดแทนเซ็นเซอร์สแกนนิ้วที่ไม่มีในรุ่นเล็ก ซึ่งการปลดล็อกก็ไม่ได้ไวนะ ใช้เวลา 3-5 วินาทีเลยทีเดียว

นอกจากปุ่มด้านซ้ายที่ใช้เรียก Google Assistant แล้ว ภายในแอปฯ กล้อง ก็ยังมี Google Lens ให้ใช้งานด้วย จะใช้หาของจากเว็บ แยกชนิดของพืชผักหรือสุนัข สแกนนามบัตรยัน QR Code ก็ทำได้เลย

ส่วนเรื่องของกล้องนั้น ก็มีการทำงานที่ค่อนข้างช้า ไม่ว่าจะเป็นการเปิดกล้อง สลับกล้อง เวลาถ่ายภาพ รวมทั้งการบันทึกภาพลงหน่วยความจำเครื่อง ยังต้องใช้เวลาซักพักเลย เราถึงจะสามารถเช็คภาพในกล้องได้ แต่...ภาพที่ได้มาจากกล้องหลังค่อนข้างน่าประทับใจพอสมควรเลยนะ

ส่วนกล้องหน้าภาพไม่ละเอียดเท่ากล้องหลัง และซอฟต์แวร์ทำงานค่อนข้างแปลก ตัวแอปฯ กล้องไม่ได้มีโหมดบิวตี้อะไร แต่พอถ่ายออกมาก็มีบางส่วนของภาพที่โดนเบลอไป เช่น ขอบใบหน้า ปาก จมูก หรือเส้นผมในส่วนที่โดนแสงจะคมชัด แต่จุดที่มืดจะเหมือนว่าภาพถูกเบลอ แต่เรื่องแสงสีของภาพที่ได้มาก็ใช้งานได้อยู่

ในเรื่องของเกม ถ้าจะนำไปเล่นเกมหนักๆ อย่างเช่น RoV ก็แน่นอนว่าไม่ลื่นแน่ๆ ซึ่งจากการที่ได้ทดสอบเล่นดู พบว่า เฟรมเรทเกมวิ่งอยู่ที่ไม่เกิน 30 fps แม้จะปรับเฟรมเรทสูงแล้วก็ตาม รวมทั้งช่วงการโหลดต่างๆ ทำได้ช้ามาก ทั้งการโหลดเมนูต่างๆ โหลดเข้าเกม โหลดเข้าสนาม แต่ในระหว่างเกมก็เล่นได้นะ ถึงเฟรมเรทจะตก แต่ก็ประคับประคองให้เล่นจนจบแมทช์ได้ ถ้าให้แนะนำจริงๆ โหลดเกมเบาๆ ไว้ติดเครื่องเล่นน่าจะเหมาะกว่า

แถมท้ายนิดนึง ในรีวิวบางรูปอาจจะดูเหมือนว่าตัวหนังสือบนมือถือค่อนข้างเล็ก แต่ Nokia 2.2 ก็ปรับตัวอักษรได้เหมือนสมาร์ทโฟนอื่นๆ นะ ซึ่งขนาดตัวอักษรเล็กสุด-ใหญ่สุด จะเป็นไปตามภาพด้านล่างครับ

สรุป Nokia 2.2

เป็นสมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้งานลูกเล่นมือถือเยอะๆ รวมทั้งมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาพกพาง่าย ใช้งานกันไปนานๆ เพราะด้วยความที่เป็น Android One ก็เลยสามารถอัปเดตกันไปยาวๆ ซอฟต์แวร์ไม่ตกรุ่น เรื่องแบตเตอรี่ หากมีอาการแบตฯ เสื่อม ก็ซื้อมาเปลี่ยนเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องเข้าศูนย์บริการให้เสียเวลา

แต่ถ้าจะซื้อมาเล่นเกม ใช้งานแอปฯ เยอะๆ คงไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ (แต่กล้องหลังใช้ได้เลยนะ ในราคานี้ 555)