PopSockets ธุรกิจพันล้านที่เริ่มขึ้นเพราะการโดนแซว!?

PopSockets นวัตกรรมที่เกิดจากการโดนแซวสู่ธุรกิจพันล้าน

ถ้าถามว่าคนทั่วไปว่ารู้จัก "PopSockets" ไหม? หลายคนอาจจะไม่รู้จัก แต่ถ้าอธิบายว่ามันคือ "จุกโทรศัพท์" ที่เอาไว้ติดด้านหลังเครื่องโทรศัพท์ หลายคนน่าจะร้องอ๋อในทันที

PopSockets เป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับสมาร์ทโฟนที่เพิ่งถูกคิดค้นขึ้นมาเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง แต่ด้วยความเจ๋งของมัน ทำให้มันกลายเป็นสินค้าขายดีที่หลายคนนิยมใช้ และถูกผลิตลอกเลียนแบบออกมาขายเพียบเลยล่ะ

ภาพจาก https://www.popsockets.com/poptivism?lang=en_US

กำเนิด PopSockets

เดวิด บาร์เน็ตต์ (David Barnett) ผู้คิดค้น PopSockets เติบโตขึ้นในรัฐโคโลราโด (Colorado) ที่อยู่ทางตอนกลางตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเรียนจบระดับปริญญาสาขาปรัชญาจากมหาวิทยาลัยเอมอรี่ (Emory University), ปริญญาสาขาฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์ (University of Colorado Boulder) และปรัชญาดุษฎีบัณฑิตสาขาปรัชญาจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (New York University) ตัวเขาเองไม่ใช่นักประดิษฐ์ หรือนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงแต่อย่างใด กล่าวได้ว่าเขาเป็นแค่อาจารย์ที่สอนปรัชญาในมหาวิทยาลัยธรรมดาคนหนึ่งนี่แหละ

ภาพจาก https://www.forbes.com/sites/amitchowdhry/2018/02/14/popsockets/#221aa83446a9

ไอเดียของ PopSockets เกิดขึ้นมาจากปัญหาโง่ๆ ที่คิดว่าทุกคนน่าจะเคยมีประสบการณ์ นั่นก็คือ สายหูฟังพันกันยุ่งเหยิงเวลายัดไว้ในกระเป๋ากางเกง  แม้ว่าจะมีไอเดียในการแก้ปัญหาสายหูฟังพันกันอยู่หลายทางเลือก เช่น ใส่ในถุงเล็กๆ ที่ออกแบบมาเก็บหูฟังโดยเฉพาะ, หาที่พันหูฟังมาใช้ ฯลฯ แต่เอาจริงๆ มันก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่สะดวกเวลาปฏิบัติจริงสักเท่าไหร่

วันหนึ่ง บาร์เน็ตต์ ที่กำลังเซ็งสุดขีดกับปัญหาสายหูฟังพันกันเละเทะ ได้เกิดปิ๊งไอเดียที่จะแก้ปัญหานี้ได้ขึ้นมา เขาตัดสินใจขับรถไปที่ร้าน JOANN Fabric สาขาที่ใกล้ที่สุด (ร้านขายเสื้อผ้า และอุปกรณ์เย็บปักถักร้อย) เพื่อซื้อกระดุมเสื้อที่ใหญ่ที่สุดในร้านกลับมา 2 เม็ด จากนั้นก็ทำการแปะไปที่ด้านหลังของตัวเครื่อง iPhone 3G จากนั้นก็ ทาด๊าาา! เขาแก้ปัญหาได้สำเร็จ เวลาใช้หูฟังเสร็จก็แค่พันสายลงไปในช่องว่างที่อยู่ระหว่างกระดุมทั้งสองเม็ดกับฝาหลังของตัวเครื่อง ก่อนยัดลงกระเป๋ากางเกงเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม น่าเสียดาย (หรือควรจะเรียกว่าโชคดีกันนะ) เขาเผชิญกับปัญหาใหม่ เพื่อนฝูง และครอบครัวของเขา หัวเราะเยาะกับวิธีแก้ปัญหาสุดพิลึกที่เขาใช้ ซึ่งเขาเองก็ไม่ปฏิเสธว่า การเอากระดุมมาแปะมันก็ดูพิลึกจริงๆ นั่นแหละ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเปล่าประโยชน์ อย่างน้อยเขาก็ได้ไอเดียที่จะแก้ปัญหาให้ผู้ใช้หูฟังเกือบทั้งโลกมาไว้ในกำมือแล้ว

บาร์เน็ตต์ ใช้เวลาอยู่ประมาณ 15 เดือน ในการหัดใช้โปรแกรมออกแบบ 3D CAD ก่อนจะใช้โปรแกรมดังกล่าวในการออกแบบ "ที่แก้สายหูฟังพันกัน" ของเขา และสร้างต้นแบบขึ้นมากว่า 60 รูปแบบ ก่อนจะได้ดีไซน์สุดท้ายออกมา ที่เขาตั้งชื่อให้มันว่า PopSockets แต่มันก็ยังติดปัญหาอยู่ดี นั่นคือ เขาไม่มีเงินทุนในการทำฝันของเขาให้เป็นจริง

ในปี 2012 เขาตัดสินใจเสนอไอเดียของเขาลงใน Kickstarter เว็บระดมทุนชื่อดัง วิดีโอพรีเซนต์ของบาร์เน็ตต์ก็ค่อนข้างแหวกแนว ด้วยการออกมาเต้นพร้อมกับ PopSockets ในมือ "แม่ผมขำกับวิดีโอตัวนี้มาก แต่พวกบลอกเกอร์สายไอทีดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่"

โครงการ PopSockets ตั้งเป้าระดมทุนไว้ที่ $12,000 แต่สุดท้ายก็สามารถระดมทุนได้ถึง $18,591 จากผู้สนับสนุน 520 ราย และได้เซ็นต์สัญญาร่วมกับบริษัท Case-Mate ผู้ผลิตเคสสมาร์ทโฟนในการช่วยผลิต PopSockets รุ่นแรกไม่ได้เป็นแค่จุกเหมือนในปัจจุบันนี้ แต่มันเป็นเคสที่มีจุดยืดได้อยู่สองอันที่ฝาหลัง รองรับการทำงานร่วมกับ iPhone 4 และ iPhone 4s เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทางเดินของ PopSockets ไม่ได้โปรยด้วยกลีบกุหลาย มันประสบปัญหาด้านการผลิตที่ล่าช้า จนต้องทำการคืนเงินให้กับผู้สนับสนุน แถมยังถูกอ้างถึงในรายการวิทยุตอน "เมื่อโครงการของ Kickstarter ล้มเหลว จะมีใครได้เงินคืนไหม?"

โชคดี (หรือเปล่า?) ในฤดูร้อนของปี 2012 บ้านของบาร์เน็ตต์ถูกไฟไหมจากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ในรัฐโคโลราโด ทำให้เขาได้เงินประกันมาก้อนโต รวมถึงเขาได้เงินจากคนรู้จักที่เชื่อมั่นในความฝันของเขามาอีก $500,000 ทำให้มีเงินมาโปะให้ PopSockets ยังเดินหน้าต่อไปได้ ในปีเดียวกันเขายังได้ประกาศว่าจะทำ PopSockets สำหรับใช้กับ iPhone 5 และเผยว่ากำลังออกแบบให้ PopSockets แบบใหม่ที่ใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนทุกรุ่นด้วย ซึ่งนั่นก็คือ PopSockets แบบที่เราเห็นในปัจจุบันนั่นเอง มาเป็นจุกที่มีกาวแปะด้านหลัง ไม่อยู่ในรูปแบบของเคสอีกต่อไป ทำให้ใช้งานได้กับโทรศัพท์ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ

ความสำเร็จที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วย

PopSockets กำเนิดขึ้นในยุคที่หน้าจอของสมาร์ทโฟนมีแนวโน้มการออกแบบให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าตอนที่ iPhone 4 เปิดตัว สตีฟ จอบส์ จะยืนยันอย่างหนักแน่นว่า "ไม่มีใครต้องการหน้าจอใหญ่กว่า 3.5 นิ้วหรอก เพราะมันใช้งานด้วยมือเพียงข้างเดียวไม่ได้" แต่ทุกวันนี้น่าจะชัดเจนแล้วว่ามันเป็นความเชื่อที่ผิด iPhone ทุกวันนี้ก็มีขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้ว แล้วด้วยซ้ำ (iPhone 11 Pro max)

อย่างไรก็ตาม สตีฟ จอบส์ ไม่ได้พูดผิดไปซะทีเดียว การที่จอใหญ่ขึ้น มันทำให้การใช้งานแบบมือเดียวไม่สะดวกจริงๆ นอกจากนิ้วจะแตะไม่ถึงทั้งทั้งหน้าจอแล้ว ยังอาจหลุดมือ ทำตกพื้นได้ง่ายๆ อีกต่างหาก

แต่ PopSockets สามารถแก้ปัญหาได้ถึง 4 ข้อ คือ ช่วยให้ถือมือเดียวได้อย่างมั่นคงมากขึ้น, ถ่ายรูป Selfie ง่ายกว่าเดิม, ใช้เก็บสายหูฟัง และสุดท้ายใช้เป็นขาตั้งโทรศัพท์ได้ ช่วยให้การดูหนังได้อีกด้วย

ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงไม่ต้องแปลกใจหากคุณได้รู้ว่า ในปี 2018 PopSockets ขายไปได้ทั้งหมดถึง 100 ล้านอันแล้ว มีกำไรมากถึง $90,000,000 กลายเป็นบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดอันดับสองจากบริษัท 5,000 แห่งในประเทศสหรัฐอเมริกา จากการจัดอันดับของ Inc.

ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากวันนั้น เดวิด บาร์เน็ตต์ พ่ายแพ้ต่อคำหัวเราะเยาะของเพื่อน และคนในครอบครัว