ข้อดี
| ข้อสังเกต
|
โปรแกรม McAfee Total Protection เป็น โปรแกรมแอนตี้ไวรัส (Antivirus Software) ที่รวมเอาเครื่องมือป้องกันการโจมตีหลายรูปแบบเข้าไว้ด้วยกันในโปรแกรมเดียว โดยให้มาทั้งแอนตี้ไวรัส (Antivirus) ไฟร์วอลล์ (Firewall) ตัวกรองจดหมายขยะ (Spam Mail / Junk Mail Filter) ปิดกั้น URL อันตราย (Web Protection) ระบบเข้ารหัสไฟล์ (File Encryption) เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน (Password Manager) เครื่องมือลบไฟล์แบบถาวร (File Shredder) ตัวเร่งความเร็วแอปพลิเคชัน (Application Accelerator) และความเร็วในการเปิดหน้าเว็บไซต์ จะน่าสนใจขนาดไหน มาลองอ่านรีวิวกันก่อนตัดสินใจซื้อมาใช้กันได้
ระบบปฏิบัติการ
อีเมล และตัวกรองจดหมายขยะ
Toolbar ตัวกรองจดหมายขยะ
| เว็บเบราว์เซอร์ที่รองรับ
ฮาร์ดแวร์
อินเทอร์เน็ต
|
โปรแกรมแอนตี้ไวรัส McAfee Total Protection รองรับการใช้งานทั้งบนระบบปฏิบัติการ Windows, macOS, iOS และ Android แต่ในบทความนี้ จะเป็นรีวิวการใช้งานบน ระบบปฏิบัติการ Windows 10 เท่านั้นนะ
การติดตั้ง โปรแกรมแอนตี้ไวรัส McAfee Total Protection บน Windows 10 ค่อนข้างง่ายนะ คลิกครั้งเดียว ที่เหลือตัวติดตั้งจะทำหน้าที่ของมันให้จนเสร็จเลย
โปรแกรมแอนตี้ไวรัส McAfee Total Protection มีเมนูที่พยายามออกแบบมาให้ดูเรียบง่าย แต่เรากลับรู้สึกว่ามันน่าจะทำได้ดีกว่านี้ อย่างเช่น หน้า Home ข้อมูลที่น่าสนใจดันถูกซ่อนเอาไว้ที่ "เครื่องหมายถูกสีเขียว" ที่อยู่บริเวณฝั่งขวามือ ต้องคลิกถึงจะเห็น
แถบเมนูด้านบนแบ่งหัวข้ออย่างชัดเจน PC Scurity ก็จะใช้จัดการกับความปลอดภัย สแกนมัลแวร์, PC Performance ใช้ในการเร่งความเร็วระบบ, My Privacy ใช้ดูแลด้านความเป็นส่วนตัว พวกการจัดการไฟล์ และรหัสผ่าน สุดท้าย My Info จะบอกรายละเอียดของบัญชีที่เราใช้งาน McAfee Total Protection อยู่
จุดที่เราไม่ชอบ คือ พื้นที่ตรงกลางด้านขวาที่ใหญ่ที่สุด เหมือนเอาเมนูที่ถูกเรียงทางด้านล่างมาขยายความอีกที หรือไม่ก็แนะนำผู้ใช้ว่า "เปิดใช้งานฟังก์ชันนี้สิ มันดีนะ" โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าซ้ำซ้อนมาก น่าจะเอามาใช้ในการบอกสถานะการตั้งค่า หรือข้อมูลการทำงานเลยมากกว่า
หน้าการตั้งค่า (Settings) ที่ควรจะเป็นการตั้งค่าการทำงานของโปรแกรม (ซึ่งก็ใช่แหละ) กลับกลายเป็นเมนูที่เรารู้สึกว่าใช้งานได้สะดวกที่สุด เพราะนอกจากจะมีให้ตั้งค่าแล้ว ยังรวมเอาเมนูจากทุกแท็บมาแสดงผลที่นี่ให้เลือกปรับค่าด้วย แถมยังเป็นระเบียบ ค้นหาคำสั่งที่ต้องการใช้ได้ง่ายอีกต่างหาก
มาเริ่มต้นกันที่หน้าหลัก ฝั่งซ้ายจะแสดงรายชื่ออุปกรณ์ที่ได้รับการปกป้องอยู่ ในภาพด้านล่างนี้ เราได้ทดลองติดตั้งบน iPhone ด้วย ส่วนฝั่งขวาก็จะมีปุ่มเมนูที่ผู้พัฒนาคาดว่าเราน่าจะใช้งานบ่อยให้มา 4 ปุ่ม มาดูกันไปทีละปุ่มเลยละกัน
เริ่มใช้งานกันเครื่องมือหลักอย่างการสแกนหามัลแวร์กันก่อน McAfee Total Protection เลือกสแกนได้ 3 รูปแบบ ประกอบไปด้วย
จากการทดสอบสแกนคอมพิวเตอร์ที่เป็น SSD ความจุ 240GB (เหลือพื้นที่ประมาณ 44%) และ HDD 7200rpm ความจุ 1TB โดยไดร์ฟ SSD (เหลือพื้นที่ประมาณ 83%) ใช้เวลาในการทำ Quick scan ประมาณ 8 นาทีครับ ถือว่าเร็วอยู่เหมือนกันนะ
ทดสอบด้วยคอมพิวเตอร์เงื่อนไขเดียวกันกับ Quick Scan ซึ่งใช้เวลาในการสแกนนานเกือบ 1 ชั่วโมง แต่ผลการสแกนออกมาไม่เหมือนเดิม เพราะคราวนี้ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส McAfee Total Protection ตรวจเจอปัญหา
เราสามารถสแกนเป้าหมายที่ต้องการได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์, โฟลเดอร์ ฯลฯ ด้วยการคลิกขวาแล้วเลือก Scan ได้ทันที สะดวกดีเวลาที่เราต้องการสแกนเพื่อความปลอดภัยก่อนจะเปิดไฟล์ขึ้นมาใช้งาน
กดเพื่อลบ Cookies และพวก Trackers ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลาเราเข้าใช้งานเว็บไซต์ต่างๆ โดยเราต้องปิดเว็บเบราว์เซอร์ที่ใช้งานอยู่ก่อนด้วยนะครับ
McAfee Total Protection สามารถเร่งความเร็วในการทำงานของโปรแกรมต่างๆ โดยมันช่วยทั้งแอปพลิเคชันที่ทำงานทั้งในเบื้องหน้า และเบื้องหลัง ซึ่งจะช่วยอยู่ 2 อย่าง คือ
ทาง McAfee เคลมว่าสามารถเพิ่มความเร็วในการเปิดแอปพลิเคชันทั่วไปอย่างเช่น โปรแกรมออฟฟิศ (Office Automation Software) โปรแกรมเปิดเว็บ (Web Browser) โปรแกรมแต่งรูป (Photo Editing Software) ฯลฯ อะไรพวกนี้ให้เร็วขึ้นได้มากกว่าเดิม 6% ด้วยการจัดสรรทรัพยากรของระบบให้เพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม เราไม่ค่อยเห็นความแตกต่างในการทำงานสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะสเปกคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานอยู่ก็เร็วอยู่แล้ว ทำให้ไม่เห็นความแตกต่างของ 6% ที่เพิ่มมาเลยสักนิด
จะตรวจสอบว่าแอปพลิเคชันไหนที่กำลังใช้งานอยู่ (แอปพลิเคชันที่เรากำลังทำงาน) ตัว McAfee ก็จะจัดสรรทรัพยากรระบบเพิ่มให้เป็นพิเศษ ซึ่งจากการทดสอบในห้องทดลองพบว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้แอปพลิเคชันนั้นๆ ได้สูงขึ้นถึง 11-14% เลยทีเดียว และเช่นกัน เราสัมผัสความแตกต่างที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เลย
ข้อดีของ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส McAfee Total Protection ที่เราชอบ คือ มี VPN ให้ใช้งานด้วย นอกจากจะช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวเวลาใช้งานอินเทอร์เน็ตของเราแล้ว ยังทำให้เรา "มุด" ไปยังเว็บไซต์ต่างๆ ได้ง่ายอีกด้วย
สามารถเลือกได้ด้วยว่าจะใช้งาน VPN ทั้งการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายไรัสาย (Wireless Network) อย่างไวไฟ (Wi-Fi) และเครือข่าย (Wired Network) มีสายอย่าง LAN หรือเฉพาะ Wi-Fi อย่างเดียว สามารถเพิ่มรายชื่อ Networks ที่เราต้องการลงในรายการที่เราไว้วางใจได้ด้วย
ในแท็บเมนูนี้จะรวมเอาเครื่องมือสำหรับปกป้องความปลอดภัยให้กับคอมพิวเตอร์ของเรา โดยจะแบ่งเมนูออกเป็น 2 ฝั่งนะ ฝั่งซ้ายจะบอกสถานะการทำงานของตัว McAfee ว่าเราตั้งค่าแบบไหนเอาไว้อยู่ และสามารถคลิกเข้าไปเพื่อเปลี่ยนแปลงค่าได้เลยทันที ประกอบไปด้วย Real-Time Scanning, Firewall, Automatic updates และ Scheduled scans
หน้าต่างฝั่งขวาจะมีอยู่ 5 เมนู ประกอบไปด้วย Scan for viruses, Update my apps, Update this app, Protect me on the web และ Remove cookies and trackers (ขออนุญาตไม่พิมพ์ซ้ำในส่วนของ Scan for viruses และ Remove cookies and trackers ที่กล่าวถึงไปแล้วในส่วนของหน้า Home)
ทีแรกคิดว่าเมนูนี้ เอาไว้สำหรับอัปเดตตัว โปรแกรมแอนตี้ไวรัส McAfee Total Protection แต่ไม่ใช่นะ มันมีไว้สำหรับสแกนหารูโหว่ของ Windows และซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่เราติดตั้งเอาไว้ในคอมพิวเตอร์ แล้วจะเตือนให้เราอัปเดตเพื่อปิดรูรั่วนั้น ความเจ๋ง คือ มี "ปุ่ม Install Updates" ให้เราคลิกเพื่อจัดการทุกอย่างให้เสร็จในทีเดียว
อย่างไรก็ตาม บางโปรแกรมมันไม่สามารถติดตั้งอัปเดตให้เราได้นะ หากเกิดเหตุการณ์แบบนั้น โปรแกรมแอนตี้ไวรัส McAfee Total Protection ก็จะแจ้งเตือนให้เราอัปเดตด้วยตนเองแทน อย่างในภาพด้านล่างนี้ โปรแกรม Firefox ไม่สามารถอัปเดตให้ได้ เราต้องทำการอัปเดตด้วยตนเองเท่านั้น
ปกติตัว โปรแกรมแอนตี้ไวรัส McAfee Total Protection จะอัปเดตตัวเองเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ถ้าหากต้องการให้มันเช็คอัปเดตทันทีก็สามารถกดเข้ามาสั่งได้ที่เมนูนี้ หรือหากต้องการตั้งค่าปิดการอัปเดตอัตโนมัติก็ได้นะ แต่เราไม่ค่อยแนะนำให้ทำแบบนั้นสักเท่าไหร่
อันที่จริงมันก็ คือ McAfee WebAdvisor นั่นเอง มันเป็นระบบตรวจหาภัยคุกคามอย่างมัลแวร์ (Malware) และ สแปม (Spam) โดยการใช้ Web Crawler ในการตรวจสอบ โดยเราจะต้องติดตั้งส่วนขยาย (Extension) ลงบนเว็บเบราว์เซอร์ก่อนถึงจะใช้งานได้
McAfee WebAdvisor นั้นสามารถใช้งานได้ฟรีอยู่แล้ว แต่ใน โปรแกรมแอนตี้ไวรัส McAfee Total Protection เราจะได้ความสามารถเพิ่มเติมที่เวอร์ชันฟรีไม่สามารถใช้งานได้ นั่นก็คือ
ขอเริ่มด้วยจุดที่เราไม่ชอบก่อน ที่แท็บ PC performance หน้าต่างฝั่งซ้ายมีแค่เมนู "App Boost" ซึ่งมันก็คือเมนูเดียวกับ Speed up apps ที่อยู่ในหน้า Home นั่นเอง แค่เปลี่ยนชื่อเฉยๆ ส่วนปุ่ม Speed up apps ที่อยู่ในหน้าต่างฝั่งขวาก็ทำหน้าที่เหมือนกันด้วย ช่างซ้ำซ้อนเหลือเกิน
ปุ่มสำหรับใช้เร่งความเร็วในการเล่นเว็บไซต์ ด้วยการปิดกั้นวิดีโอที่เป็น Auto-playing ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาดาวน์โหลดข้อมูลวิดีโอ และช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้อีกทางหนึ่ง
การใช้งานเราต้องติดตั้ง McAfee® Web Boost ซึ่งเป็นส่วนขยายของเว็บเบราว์เซอร์ที่มีใน Chrome แน่นอนว่าสามารถติดตั้งบน Edge ที่เป็นเวอร์ชัน Chromium ได้ด้วย
หลังการติดตั้ง จะสามารถเข้ามาดูรายงานการปิดกั้นวิดีโอได้ที่ปุ่มนี้
เริ่มที่หน้าต่างฝั่งซ้าย จะมี Anti-Spam และ VPN (อันเดียวกันกับ Browser safety with VPN ในหน้า Home) เราคลิกเข้าไปที่ Anti-Spam มันจะแบ่งออกเป็น Current Features กับ Available Features
หากยังไม่เปิดใช้งาน Available Features หน้าต่างนี้แทบไม่มีประโยชน์เลย เพราะตรง Current Features นั้น เมนูหลายๆ ส่วนก็คือแบบเดียวกันกับในหน้าต่างฝั่งซ้ายของ PC Security นั่นเอง Web Protection นั่นก็อันเดียวกันกับ McAfee WebAdvisor ส่วน Vulnerability Scanner นั่นก็อันเดียวกันกับ Update my apps ที่อยู่ในหน้า PC Security
ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำเมนูมาซ้ำซ้อน และต้องเปลี่ยนชื่อให้มันสับสนด้วย
ประโยชน์ของหน้านี้จะอยู่ที่ Available Features ที่เราสามารถเข้ามาเปิดใช้งาน File Lock และ Anti-Spam ได้
เมื่อเปิดใช้งานแล้ว เมนูของ Anti-Spam ก็จะเปลี่ยนไปเป็นแบบภาพด้านล่างนี้ ก็ตั้งค่าตามความต้องการของเราได้เลย
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าการลบไฟล์แบบปกติ ข้อมูลจะยังหลงเหลืออยู่บนหน่วยความจำนะ มีโอกาสที่จะถูกกู้กลับมาได้ด้วยการใช้ซอฟต์แวร์บางอย่าง เช่น โปรแกรม Recuva หรือ โปรแกรม DiskDigger ฯลฯ
สามารถคลิกขวาที่ไฟล์แล้วเลือก Shred ได้เลย
เมนูนี้จะใช้ในการลบไฟล์แบบไม่ให้สามารถกู้กลับมาได้อีก โดยเลือกระดับความรุนแรงในการลบได้ถึง 3 ระดับ Basic จะลบ 2 รอบ เร็วแต่มีโอกาสกู้คืนได้เล็กน้อย, Safe ลบ 5 รอบ เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น และ Complete ลบ 10 รอบ นานหน่อยแต่หายแน่
เมื่อกดเข้าไปมันจะพาเราไปยังหน้า Chrome web store เพื่อให้เราติดตั้งส่วนขยาย True Key by McAfee ก็เป็นซอฟต์แวร์จัดการรหัสผ่าน คือ เราจำแค่รหัสผ่านสำหรับ True Key เพียงอย่างเดียว แล้วบันทึกข้อมูลรหัสผ่านยากๆ หลายๆ แบบเอาไว้ใน True Key ให้มันกรอกอัตโนมัติแทน
สร้างตู้เซฟเก็บไฟล์เพื่อรักษาความลับส่วนตัว เข้าไปดูไม่ได้หากไม่มีรหัสผ่าน และหากมีคนอื่นเข้ามาในคอมพิวเตอร์ของเรา แต่ไม่ใช่ผู้ใช้งาน (User) ที่สร้างตู้เซฟ เขาจะมองเห็นตู้เซฟได้ แต่ไม่สามารถเปิดได้อยู่ดี
เป็นแท็บสำหรับเช็คข้อมูลบัญชีที่เราใช้งานอยู่ เช่นเหลือเวลาอีกกี่วัน, อีเมล, ข้อมูลของโปรแกรม, ประวัติความปลอดภัย และรายละเอียดเครือข่ายที่เราใช้งานอยู่
McAfee Total Protection สามารถใช้งานบนสมาร์ทโฟนได้ด้วย เราได้ทดสอบใช้งานกับ iPhone แม้เราจะเชื่อว่า iOS นั้นมีระบบป้องกันที่แน่นอนอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใช้ตัวช่วย แต่ก็อยากรู้ว่ามันจะช่วยอะไรเราได้บ้าง
แอปพลิเคชันบน iPhone จะชื่อว่า McAfee Security มาพร้อมกับคุณสมบัติ 4 อย่าง ประกอบไปด้วย
Backup Contact และ Anti-Theft สำหรับ iOS แล้วไม่ต่างอะไรกับ iCloud ที่มีให้ใช้งานอยู่แล้ว ก็เหลือ Safe Web กับ Media Vault ให้ใช้งาน ซึ่งก็มีแอปพลิเคชันมากมายใน App Store ที่ทำหน้าที่นี้ได้เหมือนกัน แต่ถ้ามองว่าเป็นของแถมที่เราใช้ได้ฟรีจากการซื้อ McAfee Total Protection ก็เป็นตัวเลือกที่ดีอยู่นะ
ถ้ามองข้ามเรื่องหน้าตาการใช้งานของโปรแกรม (User Interface) ที่อาจจะดูซ้ำซ้อนไปหน่อย โปรแกรมแอนตี้ไวรัส McAfee Total Protection ก็เป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ใช้งานได้ดี มีระบบป้องกันที่ทำงานได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะส่วนขยายสำหรับเว็บเบราว์เซอร์ และสมาร์ทโฟน
หากมองหาโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ครอบคลุมการใช้งานกับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันที่ไม่จำกัดอยู่แค่ในคอมพิวเตอร์แล้ว McAfee Total Protection ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่นะ
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |
ความคิดเห็นที่ 1
21 พฤศจิกายน 2564 18:17:34
|
||
ขอคำแนะนำสั่งซื้อแล้วจ่ายเงินแล้ว
ดาวโหลดไม่ได้ครับ |
||