พอดีมาถึงช่วงนี้ก็ได้ฤกษ์เขียนบทความเรื่องหนึ่ง ซึ่งคิดจะเขียนตั้งนานแล้ว (เพราะดันไปซื้อมาซะ) แต่ดันลืมไปซะสนิทเลย โดยเรื่องนี้ผมขอเกริ่นก่อนเลยครับว่า มันเป็นอุปกรณ์ที่ผมซื้อมาเอาไว้ใช้เพื่อการเขียนบทความ และอ่าน e-book ซะด้วย แถมเพิ่งซื้อมาไม่นานนี้เอง นั่นก็คือ การรีวิวเจ้า Galaxy Tab นั่นเอง
เอาละครับทีนี้ก็มาดูรีวิวเจ้า Galaxy Tab กันมั่งดีกว่าว่ามันมีอะไรดีบ้าง แตกต่างจาก iPad ที่หลายท่านรู้จักเป็นอย่างดีรึเปล่า
เริ่มแรกเลยนะครับ ต้องบอกก่อนเลยนะครับว่า Samsung Galaxy Tab นั้นเป็น Tablet เครื่องแรกผลิตโดยบริษัท Samsung เอง ... หน้าตามีขนาดเพียง 7" ซึ่งถ้าเทียบกับ iPad เอง มันมีขนาดเล็กกว่าเยอะพอสมควร ระบบปฏิบัติการ (OS) Android Froyo 2.2 และ CPU (ARM Cortex A8) มีขนาด 1 GHz
ส่วนกล้องมีทั้งหน้า และหลัง โดยกล้องหน้ามีขนาด 1.3 ล้านพิกเซล และกล้องหลังมีขนาด 3 ล้านพิกเซล หน่วยความจำ RAM 512 MB ตัวเครื่อง 16 GB และการ์ดหน่วยความจำใช้ microSD สามารถจุได้สูงสุดถึง 32 GB เลยทีเดียว
ตัวหน้าจอเป็นระบบสัมผัส Multi-Touch TFT-LCD 1024 x 600 พิกเซล ขนาดของตัวเครื่อง กว้าง 12 ซม. ยาว 19 ซม. หนา 11.98 มม. น้ำหนัก 380 กรัม (เกือบ 4 ขีด) ตัวเครื่องเป็นพลาสติกแข็ง ด้านหลังสวยงาม
ข้อดีของเจ้าเครื่องนี้ออกแบบมาให้เป็นทั้งพกพาสะดวก และอ่านหนังสือหรือมองอะไรในนี้ได้ชัดสบายตา ซึ่ง iPad เองจะมีปัญหาในเรื่องของการพกพาที่ค่อนข้างลำบาก และเรื่องโทรศัพท์เอง เจ้า Galaxy Tab มี Feature นี้ไปเต็มๆ ครับ กล่าวคือ ใช้ได้ทั้ง Hand Free และ โทรแบบปกติได้ เพียงแต่จะมีเสียงเล็ดลอดออกมาทางลำโพงของมันเองครับ ซึ่งอาจจะกระทบคนข้างๆ เค้านิดหน่อย แนะนำใช้ Hand Free จะดีกว่าครับ
โดยภาพรวมของเจ้า Galaxy Tab ถือว่า ชนะใจผมไปเต็มๆ ในเรื่องของขนาดที่เล็กกว่า และสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง มากกว่า iPad ในเรื่องของการเปิด Folder จะย้ายไฟล์ไปไหนมาไหนก็สะดวกกว่า แถมในเรื่องของราคาที่ปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่คนทั่วไปสามารถซื้อได้ (ลดลงมาเหลือ 14,900 บาท เมื่อต้นเดือนเมษายน จากที่เปิดตัว 22,900 บาท ในช่วงปลายปีที่แล้ว) เลยทำให้ผมตัดสินใจซื้อเจ้า Galaxy Tab อย่างไม่รีรอเลยครับ
ก่อนอื่นก็มาดูที่รูปข้างล่างกันซักเล็กน้อยครับ ตั้งแต่แกะกล่องกันเลย :)
เริ่มต้นด้วยกล่องงามๆ ครับ ถือว่าทำ Packaging ได้สมราคาเลยล่ะครับ
เสร็จแล้วก็เปิดฝามันออกมา เห็นด้านในแล้วงามมากๆ
มาชมอุปกรณ์ภายในที่แถมมาให้กับเครื่องครับ ต้องขอยอมรับว่าทำได้ดีกว่า iPad ตรงที่มีให้ทั้ง หูฟัง Hand Free และตัวปลั๊ก Charger พร้อมสาย USB เนี่ยแหละครับ
มาดูด้านหน้าเครื่องกันบ้าง โดยเทียบขนาดกับเจ้า iPod Touch และเจ้า BlackBerry
ส่วนตรงนี้เป็นด้านข้างของเครื่องครับ (เทียบกันทั้ง 3 ตัว)
และตามมาด้วยด้านหล้งของเครื่องครับ (เทียบกันทั้ง 3 ตัว)
อุปกรณ์เสริม: ตัวเครื่องพร้อม ซอง และตัวกันกระแทก (ต้องซื้อแยกครับ)
หน้าตาหลังเปิดเครื่อง โดยภาพรวมสวยมากครับตามสไตล์ Samsung ดูแล้วสบายตา
เข้ามาดูตัวเมนูด้านในกันบ้างครับ สามารถเอานิ้วเลื่อนไปมาได้เหมือน iPad เลยทีเดียวเชียว
ส่วนตรงนี้คือ หน้าตาคีย์บอร์ดของเค้าครับ ตัวพิมพ์ภาษาไทยเป็น 3 แถว ดูแปลกตา อาจทำให้ผู้ใช้งงงวยได้เล็กน้อยอยู่เหมือนกัน วิธีพิมพ์ต้องกดซ้ำบนแป้นเสมือน เพื่อเปลี่ยนตัวอักษร (ไม่มีการกด Shift) ถ้าทนไม่ไหวแนะนำให้ดาวน์โหลดคีย์บอร์ดไทย 4 แถวปกติเปลี่ยนได้ครับ
มาดูทางด้านอ่านหนังสือกันบ้างครับ ได้ลองอ่านเจ้า e-book ดูแล้ว สบายตา
มากมายเลยครับ แถมถือได้พอดีมือเหมือนถือ Pocket book ยังไงยังงั้นเลยทีเดียว
มีแอปคลังหนังสือให้โหลด e-book ใส่ได้ด้วยหรือเนี่ย ไม่ต้องพกหลายเล่มให้เมื่อย
ส่วนเรื่องหนังสือพิมพ์ และแมกกาซีนต่างๆ ก็สามารถไปหาอ่านได้ที่ Reader Hub ได้เลยครับ
เวลาจะอ่านข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ ก็แจ่มมากมายเลยครับ เห็นตัวอักษร และรูปภาพชัดเจน ย่อ-ขยายได้ เหมือน iPad
สุดท้ายก็มาถึงเรื่องความบันเทิงกันบ้างครับ ไม่แพ้ iPad เลยครับ เล่นเกมส์จอใหญ่มันส์สะใจได้เหมือนกัน แถมภาพไม่กระตุก เล่นสบายๆ ลื่นปรื๊ดๆ
นาย @chiisaii