รีวิว Ozone Strike Pro คีย์บอร์ด Mechanical สุดแกร่ง สำหรับเกมเมอร์สายโหด

หลังจากที่คราวที่แล้วทางทีมงานไทยแวร์ได้นำ Argon Ocelote World เกมมิ่งเมาส์จากทางแบรนด์ Ozone มาให้ได้ชมกันไปแล้ว คราวนี้จึงขอหยิบเกมมิงคีย์บอร์ดจากแบรนด์นี้ มาให้ชมกันบ้าง ซึ่งคีย์บอร์ดเท่ๆ ที่เห็นอยู่นี้ มีชื่อว่า Ozone Strike Pro เป็นคีย์บอร์ดรูปแบบ Backlit Mechanical อีกตัวหนึ่งที่ดูเท่ ลึกลับ น่าสนใจมากเลยทีเดียว ซึ่งสเปคคร่าวๆ ของ Strike Pro มีดังนี้

คุณสมบัติของเกมมิ่งคีย์บอร์ด Ozone Strike Pro

• อายุการใช้งานปุ่มบนคีย์บอร์ด รองรับการกดได้กว่า 50 ล้านครั้ง
• พอร์ตเชื่อมต่อรองรับ ระบบเสียงและไมค์
• คีย์บอร์ดรูปแบบ Mechanical คีย์สวิตซ์แบบ Cherry MX
• มีปุ่ม Macro 6 ปุ่ม บันทึกการตั้งค่าได้ 5 โปรไฟล์

สเปคทั่วไปของเกมมิ่งคีย์บอร์ด Ozone Strike Pro

• คีย์บอร์ด Mechanical Cherry Switch ปุ่มคีย์ทั้งหมด 104 ปุ่ม
• รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 7 / 8 / 8.1 / 10 / NT / 2003 / XP / Vista และ IBM PC
• ขนาด 34 x 441 x 135 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก 1.3 กิโลกรัม
• ความยาวสายเคเบิล 1.5 เมตร
• หน่วยความจำตัวคีย์บอร์ด 64 กิโลไบต์
• พอร์ตเชื่อมต่อ USB 18K Gold Plated
• โหมดการทำงาน Normal mode / Gaming mode
• ฟังก์ชั่นการใช้งาน Gaming mode : ปิดการใช้งาน Windows Key / สลับฟังก์ชั่นปุ่ม AWSD และปุ่มลูกศร / เปิดการใช้งานปุ่ม Macro ที่ตั้งค่าไว้
• พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อ PC : USB / Audio / Mic
• LED Backlit เปิดการใช้งานได้ 6 รูปแบบ

อุปกรณ์ภายในกล่อง

• แผ่นซอฟต์แวร์ไดรเวอร์
• แผ่นยางรองคีย์บอร์ดสำรอง
• สติ๊กเกอร์ Ozone Gaming Gear
• คู่มือการใช้งาน

รีวิว Machanical คีย์บอร์ด Ozone Strike Pro

สัมผัสแรกเมื่อได้จับเกมมิ่งคีย์บอร์ด Strike Pro รู้สึกได้เลยว่า ใหญ่และค่อนข้างหนาตามสไตล์เกมมิ่งเกียร์ ทนมือเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งน้ำหนักของอุปกรณ์ 1.3 กิโลกรัม ทำให้เวลาใช้งาน อุปกรณ์แทบจะไม่เคลื่อนออกจากตำแหน่งที่วางเอาไว้ เมื่อใช้งานหนักๆ หมดห่วงได้เลย

ตัวปุ่มคีย์มีความหนาและสูงมากต่างจากคีย์บอร์ดทั่วไป สำหรับการเล่นเกมส์เรียกว่าเคาะคีย์บอร์ดที สะใจแบบสุดๆ แต่สำหรับการพิมพ์งานนั้นปุ่มที่สูงขนาดนี้ ทำให้เวลาพิมพ์ จะโดนปุ่มอื่นเกินมาอยู่เรื่อยๆ

สำหรับคีย์สวิตซ์ของ Strike Pro เป็นรูปแบบ Cherry MX ซึ่งนิยมใช้บน Mechanical Keyboard โดยเฉพาะเกมมิ่งเกียร์ ซึ่งตัวที่รีวิวนี้เป็น Key switch สีแดง โดยในแต่ละสีจะแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ที่มีรูปแบบการใช้งานและแรงกดที่แตกต่างกันออกไป

คีย์บอร์ด Strike Pro รุ่นนี้ มี Switch Key ให้เลือกด้วยกันถึง 4 รูปแบบ ได้แก่ สีดำ สีแดง สีฟ้าและสีน้ำตาล ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีลักษณะที่แตกต่างกันดังนี้

• Switch Key สีดำ - สำหรับสีดำจะเป็นรูปแบบสวิตซ์แบบ Linear switch ที่มีจังหวะการทำงานเพียงจังหวะเดียว ให้การตอบสนองที่รวดเร็ว เพียงแค่แตะปุ่มคีย์บอร์ดเพียงเล็กน้อย ก็ติดแล้ว แต่สวิตซ์คีย์สีดำ เป็นประเภทที่มีน้ำหนักมากที่สุด จึงเหมาะกับเกมเมอร์ที่มือหนักๆ ชอบสัมผัสของปุ่มแน่นๆ
• Switch Key สีแดง - สำหรับสีแดงจะเป็นประเภท Linear switch เช่นเดียวกับสีดำ แต่มีน้ำหนักที่เบากว่า จึงทำให้เหมาะกับการพิมพ์สัมผัสและการกดปุ่มรัวๆ ใครที่เน้นการรัวปุ่ม ต้องลองสวิตซ์สีแดงดู
• Switch Key สีฟ้า - ใครที่ชอบเสียงประกอบเวลาพิมพ์ต้องชอบสวิตซ์สีฟ้าแน่นอน โดยสวิตซ์สีฟ้าจะเป็นรูปแบบ Tactile switch ซึ่งมีระดับการกด 2 จังหวะและจะมีเสียง 'คลิ๊ก' ระหว่างการกดอีกด้วย (เป็นสีเดียวจากทั้ง 4 สีที่มีเสียงเวลาพิมพ์) ซึ่งรุ่นนี้อาจจะไม่เหมาะกับการรัวปุ่มเล่นเกมส์มากนัก
• Switch Key สีน้ำตาล - อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ชอบ Tactile switch แต่ไม่ชอบเสียง 'คลิ๊ก' ดังๆ ซึ่งสีน้ำตาลนี้ ยังใช้น้ำหนักในการกดน้อยกว่าสีฟ้าเล็กน้อยด้วย

ถึงแม้ความหนาของคีย์บอร์ดจะสูง แต่ก็มีฐานรองมือด้านหน้า ไว้วางมือให้สามารถใช้งานปุ่มสูงๆ ได้สะดวกมากขึ้น

ปุ่ม Macro ทั้ง 6 ของ Strike Pro ที่ต้องไปตั้งค่าในซอฟต์แวร์ก่อนการใช้งาน ซึ่งสามารถตั้งค่าเอาไว้ใช้งานถึง 5 โปรไฟล์ด้วยกัน เท่ากับว่าสามารถตั้ง Macro ได้ทั้งหมด 30 รูปแบบ

ซึ่งปุ่ม Macro ทั้ง 6 จะสามารถใช้งานได้ ก็ต่อเมื่อผู้ใช้งานเปิดใช้งาน G mode เท่านั้น (กดปุ่ม O³ + G mode/Print Scr) ซึ่งในโหมดนี้ นอกจากจะสามารถใช้งานปุ่ม Macro แล้ว ยังทำให้ปุ่ม Windows ด้านซ้ายมือถูกปิดการใช้งาน และสามารถสลับการใช้งานระหว่างปุ่ม WASD และปุ่มลูกศร โดยการกดปุ่ม O³ + Windows ได้

ปุ่ม Ozone (O³) ไว้สำหรับใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ของตัวคีย์บอร์ด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม/ลดความเร็วในการตอบสนองของตัวคีย์บอร์ด ควบคุมการเล่นเพลงหรือวีดิโอต่างๆ จัดการเสียง รวมทั้งเปิดใช้งาน Game mode และ ปรับรูปแบบของแสง Backlit อีกด้วย

สิ่งหนึ่งที่ชอบมากสำหรับ Strike Pro ก็คือพอร์ต USB, ไมค์และหูฟังที่อยู่ด้านหลังตัวคีย์บอร์ด ทำให้ไม่ว่าจะต่อหูฟังเฮดเซ็ต ไมค์หรือกล้องเว็บแคม ก็ไม่ต้องลากสายอ้อมไปที่หลังเคสอีกต่อไป

สายถักเชื่อมต่อสามารถพับเก็บไปในทิศทางที่ต้องการได้

มีขาตั้งให้เพิ่มระดับความลาดเอียงของคีย์บอร์ดได้เหมือนกับคีย์บอร์ดทั่วไป

ไฟ Backlit ของ Strike Pro จะประกอบไปด้วยไฟสีแดงบนปุ่ม QWEASD, ปุ่ม ESC, ปุ่มลุกศร และไฟสีขาวจะปรากฏบนปุ่มอื่นๆ โดยผู้ใช้งานสามารถปรับระดับของไฟ Backlit ได้ 6 ระดับ ได้แก่ Gaming, 100%, 70%, 30%, Pulsating และปิดไฟ

พอร์ตเชื่อมต่อ

Strike Pro นอกจากจะใช้หัวพอร์ต USB ในการเชื่อมต่อเพื่อใช้งานแล้ว ยังมาพร้อมกับหัวแจ๊ค Audio และ Mic ขนาด 3.5 mm สำหรับการใช้งาน Headset ที่สามารถต่อตรงกับตัวคีย์บอร์ดได้ เพิ่มความสะดวกในการลากสายจากด้านหลังเคสได้มากเลยทีเดียว

ซอฟต์แวร์

ไดรเวอร์ซอฟต์แวร์ของ Ozone Strike Pro แบ่งการตั้งค่าออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ Main Control,  Macro Setting และ Adv. Setting โดยการตั้งค่าในแต่ละครั้ง ผู้ใช้งานสามารถบันทึกเป็น Profiles ต่างๆ เก็บไว้ได้ถึง 5 รูปแบบด้วยกัน ซึ่งในแต่ละส่วนมีการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. Main Control

ในส่วนของ Main Control จะสามารถปรับแต่งปุ่มต่างๆ นอกเหนือจากปุ่มฟังก์ชั่น (Fn) ของตัวคีย์บอร์ด ปุ่ม Windows และปุ่ม Ozone (O³) ได้ ให้สามารถใช้งานได้ตามความถนัดเลย

2. Macro Setting

ในส่วนนี้เราจะสามารถตั้งค่าปุ่ม Macro (M1-M6) ให้สามารถใช้งานในรูปแบบต่างๆ ได้ตั้งแต่ การเล่น/หยุด/เปลี่ยนแทร็คของเพลงหรือหนัง คำสั่งต่างๆ ของ Windows เช่น เปิดเว็บ ย่อ/ขยายหน้าต่าง เปิดเบราว์เซอร์ อีเมล เป็นต้น หรือจะใช้งานคำสั่ง Macro ที่ตั้งไว้ใน Macro Manager ได้

Macro Manager เป็นคำสั่งชุดเซ็ตสำหรับเกมมิ่งเกียร์ ซึ่งสำหรับ Strike Pro ก็มีหน้าตาที่ใช้งานง่าย รวมทั้งบันทึกรูปแบบของ Macro ได้หลากหลาย

3. Adv. Setting

สำหรับ Advance Setting หรือการตั้งค่าขั้นสูงนั้น เราจะสามารถตั้งค่าในส่วนอื่นๆ นอกจากปุ่มบนคีย์บอร์ดได้ ไม่ว่าจะเป็นการตอบสนองของคีย์บอร์ดทั้ง Polling Rate และ Key Response Time, การเปิด/ปิดการใช้งานปุ่มคีย์ Windows รวมทั้งระดับของแสง Backlit บนคีย์บอร์ด

สรุป Ozone Strike Pro

ข้อดี

• วัสดุและดีไซน์สวยงามตามสไตล์เกมมิ่งเกียร์
• น้ำหนัก 1.3 กิโลกรัม คีย์บอร์ดมั่นคง ขยับเขยื้อนยาก
• ไฟ Backlit สีแดงเฉพาะจุด สร้างความโดดเด่นของการเป็นเกมมิ่งเกียร์
• มีแท่นสำหรับพักข้อมือ ไม่เมื่อยระหว่างการใช้งาน
• สวิตซ์คีย์มีให้เลือกหลายรุ่น ตามความถนัด (ดำ แดง ฟ้า น้ำตาล)
• ปุ่ม Macro ให้ตั้งค่าไว้ใช้งานได้มากสุดถึง 30 รูปแบบ
• มีช่องสำหรับเสียบ USB และ Audio ในตัวคีย์บอร์ด

ข้อสังเกต

• ไฟ Backlit แสดงสถานะ G mode ไม่ค่อยชัดเจน (ส่องสว่างตรงปุ่ม Print Screen เป็นสีขาว)

แวบแรกที่ได้เห็น Strike Pro แล้ว ยังรู้สึกว่าดีไซน์ของตัวผลิตภัณฑ์ดูไม่ค่อยหวือหวาเหมือนเกมมิ่งคีย์บอร์ดตัวอื่นๆ แต่ก็ดูเรียบง่ายดีสำหรับคนที่ชอบดีไซน์แบบนี้ แต่พอลองใช้งานแล้ว รู้สึกว่ามีอะไรหลายๆ อย่างที่ลงตัว ไม่ว่าจะเป็นความสูงของปุ่มกด ที่วางพักข้อมือ น้ำหนักของตัวคีย์บอร์ดที่ดูมั่นคงมาก ไม่ไหลไปไหน รวมทั้งไฟสีแดงที่แยกเฉพาะกับปุ่มสำคัญของสาวกเกมส์สไตล์ FPS อย่างปุ่ม 'WASD' ที่ทำให้ปิดไฟเล่นตอนกลางคืนได้ถนัดมาก จะติดอยู่นิดหน่อยก็คือ ทีมงานไม่ค่อยถนัดคีย์สวิตซ์ Cherry MX สีแดงที่นุ่มเกินไปนี่แหละ อาจจะขยับไปใช้สีดำ หรือแบบ Tactile 2 จังหวะ น่าจะถนัดมือขึ้น ซึ่งก็เป็นอีกหหนึ่งข้อดีของ Strike Pro ที่มีคีย์สวิตซ์ให้เลือกใช้งานตามความถนัด