รีวิว Ozone Strike X30 คีย์บอร์ด Mechanical แบบ Blue Switch ตัวใหม่พร้อมไฟ RGB สุดสวย

สำหรับผู้เล่นเกมส์สายฮาร์ดคอร์หรือจริงจังเกมมิ่ง อาจรู้จักกันดีถึงความแตกต่างระหว่างคีย์บอร์ดพิมพ์งานทั่วไป และคีย์บอร์ดสำหรับเล่นเกมส์โดยเฉพาะกันอยู่แล้ว ฉะนั้นในวันนี้ เราจะมาแนะนำคีย์บอร์ดสำหรับเหล่าเกมเมอร์โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นคีย์บอร์ดแบบ Mechanical (ฺBlue Switch) ให้คุณผู้อ่านได้รู้จักกันค่ะ

Specification

• Keyboard: Mechanical

• Size: 455 * 161 * 37 mm

• Cable Length: 1.8 m

• Nkey Rollover: N-Keys or 6 Keys conflict free

• Gaming Mode: Yes

• Compatible: Windows (10, 8 & 7), Mac, Linux & Android

• Weight: 1300g±30g

• Keycaps: Kailh Switches (Blue)

• Feet: Rubber non-slipping with two different height positions

• Power Consumption: 5V 250mA

• Connector: USB

• LED Backlit: RGB

• Macros: Yes

• Response time: Up to 1000 Hz

• Top-Case Material: ABS and aluminum

รูปลักษณ์ภายนอก

Ozone Strike X30 เป็นคีย์บอร์ด Mechanical ที่มีหน้าตาและดีไซน์ดูดีไม่แพ้แบรนด์ใดเลยทีเดียว บอดี้ของตัวคีย์บอร์ดใช้อลูมิเนียมเป็นวัสดุหลัก ส่วนปุ่มคีย์บอร์ดหรือที่เรานิยมเรียกกันว่าคีย์แคปนั้นเป็นแบบไฟลอดจากด้านบนของสวิทช์ ซึ่งใช้ Blue Switch ของ Kailh (เคลห์) ให้เสียงกดที่หนักแน่นเสียงดังฟังชัด 

ด้านหลังของคีย์บอร์ดจะมีขาตั้งที่สามารถเลือกที่จะตั้งได้ 2 แบบ 2 ระดับ คือใช้ขาตั้งอันนอกเพื่อตั้งให้คีย์บอร์ดสูง และใช้ขาตั้งด้านในอันเล็กเพื่อตั้งแบบเตี้ยได้ พร้อมทั้งมีตัวดึงคีย์แคปติดไว้ที่ด้านหลังคีย์บอร์ดสำหรับปรับแต่งคีย์แคปไปใส่ปุ่มแบบอื่นได้ตามต้องการ 

ในส่วนของสายคีย์บอร์ด Ozone Strike X30 ใช้สายไฟแบบสายถัก ทำให้ทนทานต่อการใช้งานและการนำออกไปใช้ภายนอก เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่เป็นสายตระเวนแข่งตามสถานที่ต่างๆ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าสายจะมีปัญหาหักงอ แถมหัวสาย USB ของคีย์บอร์ด จะมีลักษณะเป็นเหมือน USB Thumbdrive ที่มีฝาปิดให้ในตัวเพื่อกันฝุ่นและสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้ามาในขั้วต่อ USB ยามที่ไม่ได้ใช้งานอีกด้วย
 

ประสิทธิภาพการใช้งาน

Ozone Strike X30 เป็นคีย์บอร์ดที่เน้นการใช้งานง่ายแบบ Plug & Play ดังนั้นจึงไม่ต้องเสียเวลาลงไดรเวอร์อะไรให้ยุ่งยาก รวมถึงการปรับแต่งไฟสีสันต่างๆ บนคีย์บอร์ดด้วยเช่นเดียวกันที่ไม่ต้องใช้โปรแกรมช่วยปรับแต่งแต่อย่างใด

ในแง่ของปุ่มคีย์บอร์ดและความเร็วในการตอบสนอง Blue Switch ถือเป็นแมคคานิคอลสวิทช์แบบสองจังหวะอยู่แล้ว ดังนั้นจึงอาจต้องใช้แรงกดเพิ่มสักเล็กน้อยในการใช้งาน แต่เนื่องจากไม่ใช่คีย์บอร์ดแบบ "สวิทช์ลอย" ซึ่งเป็นประเภทของสวิทช์ที่ลอยเหนือจากฐานคีย์บอร์ดแบบเห็นได้ชัด ดังนั้น ความสูงของสวิทช์ในการกดจะไม่สูงเท่าไหร่นัก (ไม่เมื่อยมือมาก)

เกมเมอร์หลายๆ ท่านมักชื่นชอบเสียงกดในแบบของ Blue Switch เพราะจะให้อารมณ์เสียงกดแป้นพิมพ์ในแบบของเครื่องพิมพ์ดีดยุคเก่าเลย (ถ้าใครเป็นสายแชทจะพิมพ์มันมือมาก) เนื่องจาก Blue Switch เป็นสวิทช์ที่มีเสียงกดดังที่สุดในบรรดาสวิทช์ทั้งหมด ดังนั้น ถ้าใครมีโต๊ะคอมพิวเตอร์ในห้องนอน อาจไม่เหมาะสักเท่าไหร่ถ้าคุณต้องเล่นในห้องนอนที่มีผู้อื่นนอนร่วมด้วยนะคะ (ตื่นแน่ๆ แอดมินรับรอง เวลากลางคืนที่มันเงียบๆ เสียงแป้นจะดังเป็นพิเศษ) 

การใช้เล่นเกมส์สามารถทำได้ดีในเกมส์หลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นแนว MOBA, MMORPG หรือ FPS ก็ตาม เนื่องจากความเป็น Blue Switch ของมัน จึงทำให้ในบางเวลาที่ผู้เล่นต้องการจะกดสกิลหรือวิ่งไปในทิศทางที่ต้องการแล้วเกิดความลังเล ความเป็นสวิทช์สองจังหวะนี้เองที่จะช่วยชะลอการกดที่เกิดขึ้นแบบไม่ตั้งใจได้ (กดค้างไว้อยู่ที่จังหวะแรก แต่ยังไม่ได้ย้ำน้ำหนักลงไป ทำให้ยังไม่เกิดคำสั่งจากการกดปุ่มนั้นๆ)

ปุ่มฟังก์ชั่นที่แถวบนสุดของคีย์บอร์ดนั้น ใช้ร่วมกันกับโปรแกรมดูหนังฟังเพลงได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Windows Media Player, Spotify, หรือจะเป็น Movies & TV ของตัวระบบปฏิบัติการเองก็ตาม อีกทั้งปุ่มเพิ่มลดเสียงรวมถึงปิดเสียงก็ยังสามารถสั่งใช้งานได้อย่างรวดเร็วทันใจค่ะ

ปรับแต่งสีได้หลากหลาย

ถึงแม้ว่าคีย์บอร์ดส่วนใหญ่จะต้องใช้โปรแกรมเสริมหรือซอฟต์แวร์เฉพาะ เพื่อช่วยในการปรับแต่งสีคีย์บอร์ดให้ได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ แต่ Ozone Strike X30 ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้เองโดยไม่ต้องใช้การลงโปรแกรมเพิ่มเติมให้รกเครื่อง เพียงแค่กดปุ่มฟังก์ชั่นบนคีย์บอร์ด (ปุ่มรูป O³) พร้อมกดปุ่ม F12 ก็สามารถปรับแต่งรูปแบบไฟได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไฟกะพริบ, ไฟหมุนแบบวงล้อ, ไฟสีรุ้งแบบขยับไล่สีไปเรื่อยๆ, หรือถ้าใครไม่ชอบไฟแบบขยับ ก็สามารถเลือกปรับเป็นแบบดวงไฟติดนิ่งได้เช่นเดียวกัน
 

การปรับแต่งรูปแบบไฟทั้งหมดสามารถทำได้ดังนี้

• กดปุ่ม O³ + F12 เพื่อเปลี่ยนรูปแบบของไฟ โดยจะมีรูปแบบไฟทั้งหมด 10 แบบได้แก่

1. Wave (แบบคลื่น)
   
   
    
2. Pinwheel (แบบวงล้อ)
   
   
    
3. Breathing (ปรากฎขึ้นมาเป็นช่วงๆ แบบจังหวะหายใจ)
   
   
    
4. Static (ติดนิ่ง)
   
   
    
5. Rain drop reactive (ติดเฉพาะปุ่มที่กด)
   
   
    
6. Explosion (เมื่อกดปุ่ม ไฟจะกระจายออกโดยมีศูนย์กลางจากปุ่มที่กด)
   
   
    
7. Extension (หลังกดปุ่มจะมีไฟวิ่งออกด้านข้างของปุ่มนั้นๆ)
   
   
    
8. Cyclone (ไฟวิ่งจากด้านข้างมารวมกันที่ตรงกลางแล้วกระจายออก)
   
   
    
9. Scanning (วิ่งเป็นแถบไล่จากซ้ายไปขวาแล้ววนกลับมาใหม่)
   
   
    
10. Disable LED (ปิดไฟทั้งหมด)
    
    

• กดปุ่ม O³ + F1 เพื่อตั้งค่าทิศทางของสีไฟ
• กดปุ่ม O³ + F1 เพื่อตั้งค่าเอฟเฟกต์ไฟให้เป็นสีใดสีหนึ่งแทนได้ (สูงสุด 9 ครั้ง)

ตั้งมาโครได้โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมเสริม

คีย์บอร์ด Ozone Strike X30 รุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้มาโครด้วย โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่ามาโครได้เองเมื่อเข้าไปตั้งตามวิธีที่กำหนดไว้ในคู่มือสำหรับคีย์บอร์ดรุ่นนี้ (สามารถเข้าไปอ่านคู่มือแบบละเอียดได้ที่ Ozone Strike X30 Manual) ซึ่งการตั้งมาโครนั้น สามารถตั้งค่าได้สูงถึง 64 ปุ่มเลยทีเดียว (ตั้งให้รันเองได้ถึง 64 Strokes ต่อการกดปุ่มมาโครหนึ่งครั้ง) เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่นเกมส์ประเภท MMORPG และ MOBA ที่มักกดใช้ไอเท็มหรือสกิลแบบเป็นชุดต่อเนื่องกัน

และทั้งหมดที่เรากล่าวไปข้างต้นก็เป็นคุณสมบัติโดยรวมของ Ozone Strike X30 Mechanical Keyboard (ฺBlue Switch) ค่ะ ท่านใดที่สนใจสั่งซื้อเป็นเจ้าของ ก็สามารถเข้าไปชมสินค้าได้ที่ Thaiware Shop กันได้เลย