Samsung Galaxy Tab S เป็นแท็บเล็ตรุ่นใหม่ล่าสุดของซัมซุง ซึ่งมีความแตกต่างจากแท็บเล็ตรุ่นก่อนหน้าที่ทางซัมซุงเคยผลิตออกมา และพูดได้เลยว่าแตกต่างจากแท็บเล็ต Android ทุกตัวในท้องตลาดที่เคยมีมาก่อน เพราะเป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกในโลกที่ใช้หน้าจอแบบ Super AMOLED โดยมันถูกปล่อยออกมา 2 รุ่นคือ Tab S 10.5 และ Tab S 8.4 ผมคาดว่าทางซัมซุงน่าจะคาดหวังใช้แท็บเล็ตรุ่นนี้แย่งตำแหน่งแท็บเล็ตอันดับหนึ่ง iPad Air ของ Apple ซึ่งครองตำแหน่งมายาวนาน และหลังจากที่ผมได้ลองใช้งานเจ้า Samsung Galaxy Tab S 10.5 มาสักระยะแล้ว ผมคิดว่า "มันเป็นไปได้"
ภาพอย่างเป็นทางการจากเว็บไซต์ Samsung
ซัมซุงจัดฮาร์ดแวร์มาให้แท็บเล็ตรุ่นใหม่นี้อย่างไม่มีกั๊ก ที่โดดเด่นที่สุดก็ต้องยกให้หน้าจอ Super AMOLED ความละเอียดระดับ Ultra-high resolution 2560x1600 พิกเซล, ระบบปฏิบัติการแอนดรอยส์ 4.4.2 Kitkat พร้อม TouchWiz
คุณสมบัติเด่นของ Samsung Galaxy Tab S 10.5
ภาพ Galaxy Tab S Book Cover
แกะกล่อง Galaxy Tab S
กล่องของ Tab S ดีไซน์มาขนาดเท่าเครื่องเลยล่ะ มาในกล่องกระดาษลายไม้ ให้ความรู้สึกคลาสสิคและธรรมชาติดีนะ
ในกล่องมีคู่มือ, หัวชาร์จ, สายชาร์จ และหูฟัง In-ear แบบรีโมตมีไมค์ในตัว ตัวหูฟังสามารถกดรับสายได้ และเพิ่ม/ลดเสียง
ที่ต้องให้หูฟังแบบมีไมค์มาด้วย เพราะแท็บเล็ตตัวนี้ใช้เป็นโทรศัพท์ได้ด้วยนะครับ แต่จะหยิบแท็บเล็ตมาแนบหูมันคงไม่สะดวกแน่ๆ
แล้วก็เค้าใจดีแถม จุกหูฟังมาให้ด้วยอีก 2 ขนาด ตามไซส์รูหูเรานะ
เราจะยังไม่พูดถึงหน้าจอของมันละกันทีเด็ดเอาไว้สุดท้าย เรามาดูดีไซน์ของเครื่องกันก่อน หน้าตาของมันถือแล้วหล่อใชช้ได้เลยล่ะ
ด้วยความบางเพียง 6.6 มม. และน้ำหนักที่เบาเพียง 465 กรัม ทำให้เราถือมันสบายๆ ด้วยมือข้างเดียว เหมือนเราถือสมุดโน้ตเล่มบางๆ แค่นั้นเอง
มุมของตัวแท็บเล็ตถูกดีไซน์ให้มีความโค้งมน เวลาเราถือด้วยอุ้งมือก็สบายกว่ามุมที่ทำเป็นเหลี่ยม เอาว่าถือได้สบายทุกท่าจะนั่งเล่น นอนเล่นได้หมดครับ
ด้านหลังของแท็บเล็ตรุ่นนี้เป็นพลาสติค ออกแบบมาคล้ายกับฝาหลังของ Galaxy S5 เลยล่ะ (หลายคนไม่ชอบบอกว่าเหมือนพลาสเตอร์ยานะ)
กล้องหลัง 8MP พร้อมไฟ LED คุณภาพใช้ได้สำหรับการถ่ายภาพเพื่อแชร์ลงโซเชียลเน็ตเวิร์ค
Tab S รองรับการขยายหน่วยความจำด้วยการ์ด microSD ได้สูงสุดถึง 128GB ผมว่าเพียงต่อการเก็บหนัง, เก็บเพลง และไฟล์ต่างๆ ได้อย่างสบายๆ
พอร์ท microUSB รองรับ MHL สำหรับต่อ hDMI เพื่อส่งสัญญาณวิดีโอไปยังหน้าจอโทรทัศน์
Wi-Fi ในเครื่องเป็นอีกสิ่งที่น่าสนใจ เพราะรองรับมาตรฐาน 802.11ac ซึ่งเร็วกว่า 802.11n ที่แพร่หลายในปัจจุบันถึง 3 เท่า โดยทำความเร็วได้สูงสุด 1.3Gbps
Tab S สามารถใส่ซิมการ์ดแบบ microSIM เพื่อใช้งานเป็นโทรศัพท์ รองรับ 4G ด้วยนะ
ลำโพงแบบสเตอริโออยู่ที่ขอบด้านข้างของเครื่อง เสียงดังมาก พูดเลย ไม่มี Distortion ด้วย
แต่ว่าไม่ค่อยมีเบสตามสเต็ปของลำโพงขนาดเล็ก เสียบหูฟังดีกว่าถ้าอยากได้พลังเสียงเต็มๆ
ปุ่มพาวเวอร์ กับ ปุ่มลด/เสียงจะอยู่ด้านซ้ายบนเน้อ
เซนเซอร์น่าสนใจที่ทางซัมซุงใส่มาให้ใน Tab S ก็จะมีระบบรักษาความปลอดภัยด้วยการสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งเราสามารถใช้ล็อกข้อมูลได้ด้วย
และพอร์ทอินฟราเรท ตรงหัวเครื่อง ทำให้เราใช้งาน Tab S เป็นรีโมตได้ด้วยล่ะ
User Interface ของ Galaxy Tab S
Samsung Galaxy Tab S 10.5 ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยส์เวอร์ชันล่าสุดอย่าง 4.4.2 Kitkat แต่ Samsung ปรับแต่งใหม่เป็นแบบเฉพาะตัวค่อนข้างเยอะเลยล่ะ นอกจากจะมาพร้อม TouchWiz UI แล้ว ยังมี Magazine UI สำหรับหน้า Homescreens มาด้วย โดยเข้าถึงส่วนนี้ได้ด้วยการปัดจอไปด้านซ้ายสุด
ถ้าใครเคยใช้ Galaxy Tab Pro 10.5 มาก่อน จะพบว่า UI คล้ายกันมาก แต่ว่าหน้าตาไอคอนใน Tab S จะมีการออกแบบให้เป็น Flat UI มากกว่า หน้า Magazine UI มีไว้ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน Social Network และดูพวกตารางนัดหมายได้อย่างสะดวก เราสามารถปรับเลย์เอาท์ให้เรียงในรูปแบบที่เราต้องการได้คล้ายกับบน Windows 8 ด้วยนะ
หน้าแอปฯ Drawer สามารถสร้างโฟลเดอร์ จัดกลุ่มแอปฯได้ด้วยนะ
และอีกหนึ่งทีเด็ดของ Samsung คือการทำงานแบบ Multitask พร้อมกัน 2 หน้าจอ แน่นอนว่า Tab S ก็ทำได้นะ เพียงใช้นิ้วสไลด์จากขอบจอด้านขวาก็จะมีเมนูปรากฏออกมาให้เลือกเปิดแอปฯอื่น
เราสามารถที่จะแตะปุ่มวงกลมตรงเส้นขอบค้างไว้เพื่อเลื่อนความกว้างที่ต้องการได้ หรือแตะเพือ่เลือกคำสั่งที่ต้องการใช้งาน อย่าง ขยายเต็มหน้าจอ, สลับข้าง เป็นต้น
หน้าจอ Super AMOLED ทีเด็ดของ Galaxy Tab S
มาถึงจุดสำคัญที่ไม่พูดไม่ได้เลยสำหรับแท็บเล็ตรุ่นนี้ เพราะเป็นจุดขายหลักเลยล่ะ สำหรับหน้าจอแบบ Super AMOLED ที่ทำ Contrast Ratio สูงถึง 100,000:1 และมาพร้อมเทคโนโลยี Adaptive Display
ผมคงไม่พูดภาษาเทคนิค ขออธิบายแบบบ้านๆ ตามประสบการณ์การใช้งานจริง เพื่อให้เข้าใจกันได้ง่ายๆ ว่ากันด้วยเรื่องของ Contrast ratio กันก่อน มันคือค่าความต่างกันของสีระหว่างอัตราส่วนของสีขาวที่สว่างที่สุด กับสีดำที่มืดที่สุด จอแบบ TFT ทั่วไปจะมีค่านี้ประมาณ 1000:1 ซึ่งทำให้แสดงสีดำได้ดำไม่สนิท คือมีแสงสีขาวสว่างอยู่ด้านหลังสีดำนั่นเอง แต่ในจอ Super AMOLED สีดำจะดำสนิทจริงๆ ครับ มืดไปเลย
แล้วมันมีประโยชน์อะไรล่ะ? ลองนึกภาพนะครับ สมมติดูหนังฉากในอวกาศที่มืดสนิท แล้วมีดาวระยิบระยับดวงเล็กๆ อยู่ด้านหลัง ถ้าเป็นจอ TFT ดาวจะกลืนไปกับพื้นดำเห็นได้ไม่ชัด เพราะไล่ระดับสีได้ไม่พอและเป็นพิกเซลที่เล็ก แต่ถ้าเป็น Super AMOLED เราจะเห็นดาว และจักรวาลก็จะมืดสนิท ภาพจะถูกแยกอย่างชัดเจนเลยล่ะ ผมดูเรื่อง Gravity ได้อารมณ์กว่าเดิมเยอะเลย
ถัดมาจะพูดถึงเรื่องการใช้งานกลางแจ้ง หน้าจอแบบ Super AMOLED มีอัตราการสะท้อนแสงต่ำกว่าจอ TFT แต่จุดนี้ผมว่ามันต่างกันไม่มาก ไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ แต่จุดที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยี Adaptive display ที่ทางซัมซุงพัฒนาขึ้นมา มันไม่ใช่การเพิ่มคอนทราสต์หรือสีของหน้าจอให้เข้มขึ้นนะครับ แต่มันเป็นการวิเคราะห์สภาพแสงด้วยเซนเซอร์ จากนั้นจะเปลี่ยนสีของการแสดงผลให้ตรงกับค่าที่ควรจะเป็นที่ตาจะมองเห็น เพราะปกติแล้วเวลาหน้าจอโดนแสงมากระทบเราจะมองเห็นสีของหน้าจอเพี้ยนไปจากปกติ
การแสดงผลตัวอักษร มีการปรับการแสดงผลให้อ่านง่ายแม้กลางแสงจ้า ด้วยการเพิ่มความคมชัดของฟอนท์ตัวอักษรให้อัตโนมัติ และปรับสีขาวของพื้นหลังให้เหมาะกับสภาพแสงที่เรากำลังใช้งานอยู่ แม้จะอ่านในที่มืดก็ไม่ยังสบายตา แต่ทางที่ดีเราก็ไม่ควรอ่านหนังสือในที่มืดนะครับ
ความเห็นจากไทยแวร์
ข้อดี
ข้อเสีย
หน้าจอความละเอียดสูงแบบ Super AMOLED เป็นจุดขายสำคัญที่สุดของแท็บเล็ตรุ่นนี้ การแสดงผลของมันคมชัด และเก็บรายละเอียดได้ดี ทำให้มิติภาพชัดมาก ตอบโจทย์ทั้งการชมภาพยนตร์หรือการอ่าน e-Books และด้วยฟังค์ชั่น Adapt display ทำให้ไม่ว่าจะใช้ในสภาพแสงไหนก็ตามก็จะสามารถแสดงผลได้อย่างชัดเจนเหมาะสมกับสายตาเสมอ
ในด้านฮาร์ดแวร์ก็ไม่ได้ขี้เหร่นะ สเป็คอยู่ในระดับเรือธงทั่วไป แต่แถมลูกเล่นอื่นมาให้ด้วยอย่างพอร์ท IR และการสแกนลายนิ้วมือ ดีไซน์ของตัวเครื่องดูแล้วออกมาให้จับคู่ได้อย่างลงตัวกับ Galaxy S5
สำหรับข้อเสียด้าน NFC ที่ไม่มี จุดนี้ผมให้อภัย เพราะก็ไม่ได้ใช้บ่อยสักเท่าไหร่ แต่จุดที่ต้องพูดถึงสักหน่อยคือ พบปัญหาในการนอนเล่นแท็บเล็ตในแนวนอน พอจับเครื่องสองข้างในแนวนอนแล้ว เมนูจะชอบสไลด์ออกมาจากด้านข้างโดยไม่ตั้งใจ ก็แอบลำบากนิดหน่อยต้องจับระวังๆ แต่ข้อดีของขอบจอที่บ้านคือ ทำให้เวลาดูวิดีโอมันได้อารมณ์เต็มตามากกว่า
สรุปแล้ว Galaxy Tab S มีการแสดงผลที่น่าตื่นตา และคมชัดแม้กลางแดดจ้า ด้วยน้ำหนักที่เบา ผมว่าถ้าจะเลือกแท็บเล็ตแอนดรอยสักตัวมาใช้งาน Tab S เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เลยล่ะที่น่าสนใจ
โบนัส
ทดสอบการสัมผัสของหน้าจอและลำโพง ด้วยการเล่นเกมบน Galaxy Tab S
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |