Game: PERSONA 4 (ENG version)
Genre: Turn-based, RPG
Platform: Playstation 3, Playstation 4
Release Date: 4 April 2017
แม้ซีรีย์เกมส์ PERSONA จะเดินทางมาไกลถึง 20 ปีแล้วก็ตาม แต่ความเข้มข้นและแก่นที่นำเสนอตลอดมานั้น ก็ไม่เคยลดผ่อนหย่อนปลายลงแต่อย่างใด หนำซ้ำยังเพิ่มเสริมความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในทุกย่างก้าวใหม่ จึงไม่แปลกนักที่เกมส์ซีรีย์ดังกล่าว จะครองใจแฟนๆ และผู้เล่นหน้าใหม่ที่โหยหาเกมส์ "JRPG อย่างถ่องแท้และมีคุณภาพ" ที่พบเห็นได้เบาตาลงในปัจจุบัน
ซึ่ง PERSONA 5 คือเกมส์ภาคล่าสุดของซีรีย์เกมส์ลูกรักอันดับต้นๆ ของทีมพัฒนาและจัดจำหน่ายอย่าง Atlus โดยใน 4 ภาคที่ผ่านมานั้น ต่างก็กวาดเสียงวิจารณ์และคำชมจากมากมายหลายสำนักข่าวเกมส์ แต่ในภาคล่าสุดนี้จะยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานที่ดีงามเหมือนที่ผ่านๆ มาหรือไม่ เชิญพิสูจน์ได้ในบทความรีวิวนี้เลยครับผม!
เนื้อเรื่องของเกมส์โดยคร่าวๆ นั้น ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นตัวละครเอกของเกมส์ที่ในโลกปกตินั้น จะเป็นเพียงนักเรียน ม.ปลายธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อได้เข้าสู่โลกแห่งความคิดหรือที่เรียกว่า palaces เขาก็จะกลายเป็นจอมโจรแห่งเงาที่มีเป้าหมายคือการขโมย "หัวใจ" ของบุคคลที่ก่อเหตุร้ายแรง โดยหัวใจในโลก palaces นั้น ก็คือตัวแทนของปณิธานหรือความต้องการ/ปรารถนาสูงสุด และหากใครที่โดนขโมยไป พฤติกรรมเลวร้ายต่างๆ ก็จะหายไปเพราะไร้ซึ่งแรงจูงใจทั้งหมดในการเติมเต็มหัวใจหรือความปรารถนาอันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของพวกเขา โดยแต่ละคน ก็จะมีปณิธานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งผู้เล่นจะได้เห็นความต้องการของพวกเขาเป็นรูปธรรมในโลกแห่งความคิดหรือ palaces ที่ออกแบบและสรรค์สร้างได้เข้ากับความปรารถนาของแต่ละเป้าหมายอย่างลงตัว
เรียกได้ว่าเป็นการเล่นประเด็นปัญหา "ความรุนแรง" ที่ตีความออกมาได้เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน แต่กระนั้นก็สามารถเข้าถึงไปยัง "หัวใจ" ของผู้เล่นได้จริงๆ เพราะเป้าหมายแต่ละรายในเกมส์ที่เราจะต้องไปขโมยหัวใจมานั้น จะมีเหตุผลรองรับการกระทำที่สมเหตุสมผลว่าทำไมและเหตุใด พวกเขาถึงต้องเติมเต็มความปรารถนาของตนที่มุ่งแต่ผลลัพธ์แต่ไม่สนใจวิธีการ ซึ่งการขโมยหัวใจของเป้าหมายในเกมส์นี้ หากนำมาเปรียบกับในชีวิตจริงก็จะเหมือนกับการที่เราเตือนสติผู้คนที่หน้ามืดตามัวเหล่านี้ ให้มองย้อนหลังดูผลงานของตัวเองว่าได้กระทำการเลวร้ายใดๆ ไปบ้าง
ก็ถือได้ว่า PERSONA 5 มีการนำเสนอประเด็นที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย และยิ่งเมื่อรวมเข้ากับเนื้อเรื่องอันเข้มข้นในเกมส์ที่ดำเนินไปอย่างเรื่อยๆ ไม่พยายามยัดเหตุการณ์ใดให้ดูฝืนธรรมชาตินัก พร้อมกับหยอดปมปริศนาไว้ในเหตุการณ์สำคัญ ให้ผู้เล่นได้ตามติดจนจบเกมส์ ซึ่งหากผู้เล่นเป็นเกมเมอร์สายเสพเนื้อเรื่อง หรือเคยเล่นเกมส์ซีรีย์นี้มาบ้าง การดำเนินเนื้อเรื่องอย่างน้ำนิ่งไหลลึกแบบนี้ จะได้ใจผู้เล่นไปเต็มๆ และในท้ายที่สุดผู้เล่นก็จะผูกพันธ์และเข้าถึงเกมส์ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
"แต่ตรงกันข้าม" หากผู้เล่น คือคนที่มองว่าการนำเสนอเนื้อเรื่องในสื่อประเภทเกมส์ สามารถกระชับและนำเสนอใจความสำคัญได้รวดเร็วและเถรตรงมากกว่านี้ รูปแบบการนำเสนอดังกล่าวก็จะเป็นจุดที่ด้อยที่สุดใน PERSONA 5 สำหรับผู้เล่นเลยล่ะ
แม้หลากหลายซีรีย์เกมส์ที่มีต้นกำเนิดเป็น RPG จะลดทอนหรือละทิ้ง "ตัวตน" เพื่อให้สามารถเอาตัวรอดในวัฎจักรต่อไปได้ แต่ซีรีย์ PERSONA ไม่เคยทำเช่นนั้น แถมเกมส์ดังกล่าวยังได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนตลอดมาจวบจนภาคปัจจุบันว่า "JRPG คุณภาพไม่มีวันตาย"
โดยใน PERSONA 5 นั้น ได้ยกระดับจากภาคก่อนๆ เป็น "เท่าตัว" แต่กระนั้นก็ยังใช้ระบบการต่อสู้แบบ Turn-Based RPG แนวเกมส์ภาษาสุดโบราณกาลผลัดกันตี ที่ก็ยังพ่วงพร้อมด้วยระบบย่อยต่างๆ ที่เรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์ และยังกลับมากับระบบ Simulator แขนงเกมส์จีบสาว ที่ประยุกต์ใช้ในภาคที่ 3 เป็นภาคแรก และส่งผลให้ซีรีย์ดังกล่าวโด่งดังเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้ขัดเกลาระบบเดิมที่ไม่เข้ารูปเข้ารอยในภาคก่อนๆ ให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเก่า พร้อมทั้งนำระบบใหม่เนื้อดีต่างๆ เพิ่มเข้ามาให้ตัวเกมส์ในภาคนี้ "สนุกจนเสพติดเลยทีเดียว"
แม้จะห่างจากภาค 4 ถึง 8 ปี แต่ระบบการต่อสู้ภายในเกมส์ภาคนี้ก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ที่ดีของซีรีย์อย่างไม่เสื่อมคลาย นั่นคือระบบแพ้/ชนะธาตุ ที่ผู้เล่นจะต้องโจมตีศัตรูรูปแบบต่างๆ ด้วยธาตุที่มันแพ้ โดยใช้สัตว์อสูรที่ในเกมส์เรียกว่า Persona (จริงๆ ก็ไม่เชิงสัตว์อสูร แต่เป็นการนำเทพเจ้าจากความเชื่อในหลากหลายศาสนา, ดินแดน, ประเทศ มาเป็นพลังสถิต) โดยศัตรูที่โดนโจมตีด้วยธาตุที่แพ้จะติดสถานะ Weak หรืออ่อนแอ ส่งผลให้ผู้เล่นได้รอบการโจมตีเพิ่มอีกหนึ่งครั้ง ทำให้มีความได้เปรียบในการต่อสู้ และสามารถจบการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็วด้วยบาดแผลติดตัวน้อยที่สุด
แม้จะฟังดูง่ายๆ ไร้ความซับซ้อน แต่เชื่อเถอะครับ มันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ เพราะเมื่อผู้เล่นได้ดำเนินเกมส์ไปได้สักพักหนึ่ง ศัตรูที่พบเจอจะแข็งแกร่งและมีทักษะที่มากขึ้น และจะขนสกิลการป้องกันธาตุในแบบต่างๆ ทั้งการบล็อก, สะท้อนกลับ ฯลฯ ทำให้ผู้เล่นต้องหมั่นเก็บเกี่ยวเลเวลให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับศัตรูตามช่วงเวลาต่างๆ ของเกมส์ รวมทั้งต้องคอยออกค้นหา Persona ที่มีรูปแบบสกิลที่สามารถพลิกแพลงการต่อสู้หรือสร้างความได้เปรียบให้กับผู้เล่นได้
ในภาคที่ 3 นั้น บรรดาตัวละครหลักจะใช้ปืนยิงเข้ากับขมับของตัวเอง เพื่อปลุกตัวตนที่แท้จริงอีกด้านหนึ่งหรือเหล่าสัตว์อสูร Persona ออกมาให้ช่วยสู้ ซึ่งอุปกรณ์ในภาคดังกล่าวนั้น จะเป็นเพียงการเสริมเติมให้เข้ากับคอนเซปต์เกมส์ แต่เมื่อมาในภาคที่ 5 นี้ พวกเขาก็ได้นำอาวุธสังหารดังกล่าวกลับเข้ามาเป็นตัวช่วยในการต่อสู้ที่ทำให้เกมส์มีสีสันขึ้นกว่าเดิมมากโขเลยทีเดียว
โดยอาวุธประเภทปืน จะเป็นหนึ่งในรูปแบบการโจมตีธรรมดาทั่วไป ที่ไม่ต้องใช้ค่า SP แถมศัตรูหลายตัวในเกมส์ยังแพ้ทางเหมือนกับการใช้สกิลที่เป็นธาตุที่แพ้โจมตีเปี๊ยบ แต่... ปืนก็คือปืนครับ และ "กระสุนทุกนัดมีค่า" เพราะในช่วงแรกๆ ของเกมส์ ผู้เล่นจะมีกระสุนให้ใช้ในแต่ละการลงพื้นที่ต่อสู้อย่างจำกัด ทำให้เราต้องบริหารการใช้งานในระดับหนึ่ง เพื่อที่จะได้แบ่งเบาภาระของค่า SP ที่ในช่วงต้นเกมส์หาเติมได้ยากมากเลยล่ะ
ระบบน่าสนใจที่เพิ่มเข้ามาให้การต่อสู้สนุกและแปลกใหม่ คือ Negotiation หรือ การเจรจา ที่ผู้เล่นจะสามารถต่อรองกับศัตรูที่ติดสถานะ Weak ให้พวกมันกลายเป็นสัตว์อสูรมารับใช้เรา, รีดไถเงิน หรือรีดไถไอเทมได้ตามแต่ที่ผู้เล่นต้องการ แต่ก็ใช่ว่าผู้เล่นเลือกข้อที่อยากจะได้แล้วจะสมปรารถนาทันที เพราะตัวเกมส์ยังได้ใส่ความแสบสันเข้าไปอีกหนึ่งขั้นให้คำว่า "เจรจา" มีความหมายตามคำศัพท์จริงๆ พวกมันจะมีบทสนทนาที่อ้อนว้อน แต่เต็มไปด้วยลูกล่อลูกชน ซึ่งถ้าผู้เล่นตอบผิด ศัตรูก็จะใช้จังหวะที่เราเผลอนี้ชิงรอบโจมตีจากผู้เล่น ก็ถือได้ว่าเป็นสีสันในการต่อสู้ที่น่าสนใจและทำให้ฮาออกมาได้ไม่น้อยเลยทืเดียว แต่ระวังหน่อยล่ะ ถ้าศัตรูที่เราเจรจาไม่สำเร็จเป็นระดับโหดขิงๆ งานนี้ก็... ตัวใครตัวมันละกันนะ แฮ่
เชื่อหรือไม่ครับว่าซีรีย์ PERSONA เกือบจะได้ปิดตำนานลงที่ภาค 2 แล้ว เพราะในช่วงเปลี่ยนผ่านของยุคเครื่องเกมส์ PlayStation 1 ไป PlayStation 2 ได้เป็นช่วงที่เกมส์ JRPG ถูกกลบด้วยการรุกหนักของเกมส์ดีๆ หลากหลายแนวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง RPG จากฝั่งอเมริกา จนทำให้ปุถุชนคนอเมริกันทั้งหลายมองว่าเกมส์ JRPG ไหนๆ มันก็ "ซ้ำซากเหมือนกันหมด" จนในปี 2006 ที่ผ่านมา PERSONA 3 ได้ทวงคืนศรัทธาแฟนๆ JRPG จากฝั่งตะวันตกอีกครั้ง ด้วยการนำระบบต่อสู้สุดคลาสสิคต้นตำรับผลัดกันตีดั้งเดิมของซีรีย์ ผสมเข้ากับเกมส์แนวจีบสาวที่ดึงดูดเกมเมอร์สัญชาติญี่ปุ่นมาแล้วนัดต่อนัด ส่งผลให้ PERSONA กลายเป็นซีรีย์เกมส์แนว JRPG ที่มีรสชาติแปลกใหม่และเต็มไปด้วยเสน่ห์ ยากที่จะหาใครเทียบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ซึ่งในภาคล่าสุดนี้ ตัวเกมส์ก็ยังคงนำระบบกู้ชีพซีรีย์ดังกล่าวกลับมาใช้ด้วยความเอาใจใส่ทะนุถนอมที่พิสูจน์ได้ด้วยบทสนทนาและเรื่องราวของแต่ละเหตุการณ์ แต่กระนั้นตัวเกมส์ก็ยังได้ทำให้ระบบนี้ มีความสำคัญที่ยิ่งยวดในการเล่นเข้าไปอีกขั้น จนเผลอๆ ผู้เล่นอาจจะใส่ใจในระบบนี้มากกว่าการเก็บเลเวลหรือเนื้อเรื่องหลักอีกนะ!
โดยระบบดังกล่าวในภาคนี้ได้ถูกเปลี่ยนชื่อให้เป็น Confidant หรือที่แปลอย่างตรงตัวคือ คนสนิท ซึ่งก็คือระบบ Social Link จากในภาคก่อนๆ นั่นแหล่ะครับ แต่ผลประโยชน์จากการสานความสัมพันธ์กับพวกเขา จะให้แค่เพียง Persona ของผู้เล่นแกร่งขึ้น (ที่แตกต่างที่สุดในภาคก่อนๆ ที่เห็นก็แค่ลดราคาค่าซื้อการฟื้นฟูค่า SP)
แต่ในภาคล่าสุดนี้ ผลประโยชน์ที่ได้จากการสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขานั้น จะทำให้ผู้เล่นเก่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน เช่น หากผู้เล่นเชื่อมความสัมพันธ์กับหนูน้อยเกมเมอร์ เขาก็จะมอบความสามารถเป็นท่าพิเศษที่ทำให้การโจมตีด้วยอาวุธประเภทปืนของเราทำให้ศัตรูติดสถานะ Weak เหมือนตอนที่โดนโจมตีด้วยธาตุที่แพ้ หรือหากเป็นมิตรกับพยาบาล ผู้เล่นจะได้รับส่วนลดเป็นจำนวนมากจากการซื้อยาคุณสมบัติดีใช้ในการต่อสู้ เป็นต้น
แต่นอกเหนือจากคุณประโยชน์ที่ได้รับจากการทำ Confidance แล้วนั้น เหตุการณ์ต่างๆ ของแต่ละคนในแต่ละระดับ ก็น่าติดตามและน่าจดจำ และไหนๆ เกมส์ซีรีย์นี้ได้นำระบบจากแนวเกมส์จีบสาวมาใช้ การมี "ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง" กับตัวละครสาวๆ สุดน่ารักหลากสไตล์จึงเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งที่ทำให้การดำเนินระบบ Confidance สนุกและเคอะเขินไปในคราเดียวกัน
ด้านประสิทธิภาพนั้น หากไม่จับผิดอะไรมาก ก็ถือได้ว่าตัวเกมส์มีการกลบจุดด้อยที่ชาญฉลาด แต่สำหรับใครที่ไม่สามารถละเลยในส่วนนี้ไปได้จริงๆ นี่แหล่ะคือ "จุดขัดใจ" ชิ้นใหญ่เลยล่ะ
ต้องอธิบายก่อนว่าจริงๆ แล้ว PERSONA 5 ได้มีแผนที่จะเตรียมวางจำหน่ายในปี 2013 - 2014 โดยพวกเขามีแผนจะลงให้กับเครื่อง PlayStation 3 แต่ในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกันนี้ Atlus หรือบริษัทที่พัฒนาเกมส์ซีรีย์ดังกล่าวก็เกือบจะล้มโปรเจคนี้ไป เพราะตัวเกมส์ค่อนข้างผลาญงบประมาณในการพัฒนา แต่โชคดีที่ค่ายจัดจำหน่ายอย่าง SEGA ได้เข้ามาออกในส่วนนี้ให้ระดับหนึ่ง ทำให้ตัวเกมส์ดำเนินการพัฒนาต่อไปได้ แต่การจะแก้ไขทั้งหมดดูจะเป็นเรื่องที่ยากเกินไป พวกเขาจึงได้ใช้เอนจินกราฟฟิกเดิมพัฒนาต่อ ทำให้เมื่อตัวเกมส์จริงออกมาในปี 2017 นี้ ประสิทธิภาพด้านกราฟฟิกจึงมีความล้าสมัยในระดับเครื่องเกมส์ PlayStation 3 (จริงๆ ตอนเกมส์ออกก็ลงให้เครื่องดังกล่าวด้วยนะ)
แต่ดูเหมือน Atlus จะรับรู้ข้อด้อยของตนในเกมส์เป็นอย่างดี พวกเขาจึงได้อัดงานออกแบบศิลป์ที่รังสรรค์ออกมาได้อย่างเท่และมีสีสันที่จัดจ้าน ไล่ตั้งแต่ UI ภายในเกมส์ไปจนถึงการออกแบบฉากและตัวละครที่เข้าคู่กันอย่างลงตัว ไม่รู้จะหาคำอะไรมาเทียบละ เอาเป็นว่าเกมส์นี้เนี้ย "สไตล์ตัวพ่อ" เลยละกัน ซึ่งถ้าหากใครชอบงานออกแบบเจ๋งๆ แบบเอกเทศน์ไร้กรอบไร้กฎ ในส่วนนี้ก็ดูจะได้ใจผู้เล่นไปเต็มๆ เลยล่ะ แต่ถ้าหากว่าใครที่ชอบชอบงานสไตล์เนียบเฉียบ และเรียบหรู เกมส์นี้ก็อาจจะเป็นเครื่องพังทลายเส้นประสาทสายตาชั้นดีสำหรับคุณ
โดยรวม PERSONA 5 ยังคงสานต่อความเป็น JRPG โลกสะพรึงได้เหมือนที่แล้วๆ มา แถมยังกลับมาพร้อมกับระบบใหม่ๆ ที่ทำให้เกมส์ซีรีย์ดังกล่าวโดดเด่นและมีเอกลักษณ์กว่าเดิมเป็นสองเท่า อีกทั้งงานด้านการออกแบบที่มีสไตล์และฉีกภาพลักษณ์ที่ดูน่าเบื่อหน่ายของเกมส์แนวดังกล่าวลงโดยไม่เหลือเค้าโครงเดิม กระนั้นหากใครที่ชื่นชอบเกมส์ที่มีการดำเนินเนื้อเรื่องกระชับฉับไว ไม่พิรี้พิไรอาวรณ์ เกมส์นี้อาจไม่เหมาะกับคุณสักเท่าไหร่นัก แต่หากลองเปิดใจและปล่อยตัวเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวที่ดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ ที่ค่อยๆ ให้ผู้เล่นได้สนิทสนมกับตัวละครและเหตุการณ์สารพัดอารมณ์ ไม่แน่ว่าบางที PERSONA 5 อาจจะเข้าไปตรึงอยู่ในใจของคุณก็เป็นได้
ข้อดี
| ข้อเสีย
|
|
ทำไมไม่เรียกแมว! รักหนัง รักเกม ร๊ากกทุกคนนน ~ <3 |