แชร์ประสบการณ์เครื่องเล่น VR ของ HTC Vive ความเสมือนจริงที่พริ้วไหวและคล่องตัวได้มากที่สุด!

ดูจะเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ได้ไกลตัวอย่างที่ใครคิดสักเท่าไหร่แล้วละนะครับ สำหรับ Virtual Reality หรือการจำลองภาพเสมือนจริง ที่ในปัจจุบันหลายแบรนด์อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหลาย ต่างก็พัฒนาเครื่องเล่นดังกล่าวนี้ออกมา เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ที่มีความต้องการอยากจะดื่มด่ำไปกับประสบการณ์เล่นเกมส์ได้ถึงขีดสุดหรือปลดปล่อยความคิดสรรสร้างจินตนาการในรูปแบบต่างๆ ได้ราวดั่งใจนึก ซึ่ง HTC แบรนด์อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากไต้หวัน ที่ก็มีเครื่องเล่น VR เป็นของตัวเองภายใต้ชื่อ "HTC Vive" ที่ ณ ตอนนี้ เรียกได้ว่ามีฟีเจอร์ที่โดดเด่นจนนำคู่แข่งเจ้าอื่นไปหนึ่งก้าวด้วยเทคโนโลยี Room-Scale ที่การเคลื่อนย้ายหรือการขยับตัวจะมีผลในโลกเสมือนจริงนี้ 

 
ทีมงานไทยแวร์ (คนเเขียนบทความนี้) กำลังเมามันส์กับ HTC Vive อยู่

โดยในงาน Thailand Game Show Big Festival 2017 ที่ผ่านมานี้เอง HTC ก็ได้มาร่วมจัดบูธเช่นกัน และทีมงานไทยแวร์ของเราก็ได้มีโอกาสไปร่วมทดสอบพร้อมทั้งยังได้ร่วมเข้าสัมภาษณ์ เรย์มอนด์ เปา รองประธานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ VR (HTC Vive) ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกด้วยครับ แต่ก่อนจะไปเข้าเรื่องเชิงการตลาดหรือข้อมูลเชิงลึกอะไร เรามาพูดถึงความรู้สึกที่ทีมงานไทยแวร์ได้สัมผัสกันก่อนดีกว่าว่าเจ้า HTC Vive นี้ มันแจ่มแจ๋วขนาดไหน!

โดยเกมส์ที่ทีมงานไทยแวร์ได้ทดลองเล่นนั้น มีด้วยกัน 2 เกมส์ครับ คือ Front-Defense ที่มีธีมฉากหลังเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2 (ละมั้ง?) โดยผู้เล่นจะได้สวมบทบาทเป็นทหารประจำป้อมปืนที่ต้องคอยทำลายศัตรูรูปแบบต่างๆ ด้วยอาวุธหลากชนิด และ HordeZ เกมส์ยิงซอมบี้ 4 ผู้เล่นที่จะต้องช่วยกันกระหน่ำสาดกระสุนใส่เหล่าผีดิบเพื่อให้รอดพ้นและถึงจุดหมายที่เกมส์กำหนด ซึ่งทั้ง 2 เกมส์นั้น ก็ชูจุดเด่นของเทคโนโลยี VR ที่พวกเขาพัฒนามาได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบสุดๆ! 

เทรลเลอร์ของเกมส์ Front Defense

 ทีมงานไทยแวร์ (ที่เขียนบทความนี้) กำลังอินกับการเล่น Front Defense

เริ่มกันที่เกมส์แรกกับ Front-Defense ที่ตอนแรกทีมงานไทยแวร์คิดว่า คงจะไม่แปลกอะไรกับเกมส์แนวยิงบนเครื่องเล่น VR ที่สักแต่จะยิงๆ ไปเถอะ เน้นแม่นก็พอ แต่พอได้เล่นจริง "กลับไม่ใช่อย่างนั้น" เพราะเราต้องคอยหลบเข้าที่กำบังและหาจังหวะยิงสวนศัตรูครับ รวมไปถึงยังต้องคอยหมั่นเปลี่ยนอาวุธเพื่อรับมือกับศัตรูประเภทต่างๆ หรือหลุดจากการถูกศัตรูรายล้อม ซึ่งการเคลื่อนไหวในเกมส์นั้น เถตรงเอามากๆ เล็งตรงไหนคือโดนตรงนั้น หลบคือหลบที่หากไม่ก้มก็ต้องเอี้ยวตัวดูวิถีกระสุน ซึ่งเกมส์นี้ ทำให้ได้รู้ว่าเทคโนโลยี Room-Scale ของทาง HTC Vive สามารถให้ผู้เล่นเคลื่อนไหวอย่างอิสระและเสถียรระดับหนึ่งเลยละ

ทีมงานไทยแวร์กำลังทดลองเล่นอีกหนึ่งเกมส์อย่าง HordeZ 

เกมส์ต่อมาคือ HordeZ ที่จะมีความพิเศษตรงที่สามารถเล่นพร้อมกันได้ถึง 4 คน โดยเป้าหมายของการเล่นนั้น จะเป็นการฝ่าฝูงซอมบี้ที่เทมาทุกทิศทางร่วมกับเพื่อนร่วมทีมให้ถึงจุด Checkpoint ครับ ซึ่งจากที่ได้ทดลองเล่นชุดคำสั่งที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของเกมส์นี้ ก็ดูจะมีไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ มีแค่เงยคอนโทรลเลอร์ขึ้นเพื่อรีโหลดกระสุน และตวัดคอนโทรลเลอร์เพื่อสะบัดศัตรูที่เกาะเราอยู่เท่านั้น แต่กระนั้น HordeZ ก็ได้ทำให้รู้ว่าอาณาเขตในการรับเซ็นเซอร์ Room-Scale นั้นกว้างพอสมควร (ขั้นต่ำๆ คือ 2 x 1.5 เมตร) ซึ่งหากวัดจากลูกเล่นการเคลื่อนไหวที่ตัวเกมส์ พร้อมกับการรองรับผู้เล่นมากสุดถึง 4 คนแล้วละก็ บอกเลยละครับว่าเหลือๆ

โดยสรุปแล้ว เทคโนโลยี Room-Scale และ VR Headset ของ HTC Vive สามารถทำงานสัมพันธ์กันได้อย่างดิบดี จากที่แต่ก่อนมีเพียงการรับรู้ด้านการมองและรับเสียงที่เข้าถึงเครื่องเล่นเสมือนจริงได้ แต่ตอนนี้การรับรู้ประเภทสัมผัสได้เข้ามามีส่วนกับการเล่นและได้ทำให้การดื่มด่ำไปกับโลกเสมือนจริงนั้นดียิ่งขึ้น ซึ่งทีมงานไทยแวร์ก็ขอคาดคะเนถึงอนาคตของ VR ในภายหน้าเลยละกันครับว่ามาแน่ๆ 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการจะเข้าถึงประสบการณ์ท่องโลกเสมือนจริงบนเครื่องเล่น VR ทั้งหลายต้องควบคู่มากับ คอมพิวเตอร์ที่มีฮาร์ดแวร์ระดับสูงด้วยเช่นกัน นั่นหมายถึงในตอนนี้ ผู้ใช้งานจะต้องลงทุนในระดับหนึ่งเพื่อให้การใช้งานเครื่องเล่น VR ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด อีกทั้งเครื่องเล่นดังกล่าวในตอนนี้ก็ยังคงมีราคาค่าตัวอยู่พอสมควร

Raymond Pao รองประธานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ VR ของ HTC (HTC Vive) ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

กระนั้นจากคำสัมภาษณ์มากคำตอบของ Raymond Pao รองประธานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ VR ของ HTC (HTC Vive นั่นแหละ) ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้ระบุว่า ในอีกไม่กี่ปี VR จะไม่ได้มีไว้เพื่อเล่นเกมส์เพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการศึกษา พร้อมทั้งยังใช้เป็นเครื่องมือให้กับธุรกิจ StartUp หรือธุรกิจขนาดใหญ่ของโลกที่มีอยู่แล้ว (IKEA เป็นต้น) ฉะนั้น ถ้าทุกคนเข้าใจว่าเครื่องเล่น VR สามารถทำอะไรได้บ้าง "ราคา" ก็จะไม่ใช่ปัญหาหลักอีกต่อไป และเมื่ออนาคตที่จะมาถึงนี้ปัจจัยหลายอย่างลงตัว (ราคาของวัสดุ, ซอฟต์แวร์ ฯลฯ) การย่างกรายเข้าสู่โลกเสมือนจริงนี้ จะไม่ไกลเกินเอื้อมครับ