ดีงามสมการรอคอยคนชอบสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่อยู่มิใช่น้อย กับ Samsung Galaxy Note 9 ที่ชูจุดเด่นใน 2 เรื่องหลักๆ คือแบตเตอรี่ขนาดความจุ 4,000mAh ความจุสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟนซีรี่ย์ Note ซึ่งทาง Samsung เขาเคลมว่าด้วยแบตฯ ที่ใหญ่ขนาดนี้ ทำให้ไม่ต้องชาร์จกันบ่อยๆ คือชาร์จแค่วันละครั้งก็พอละ ในรีวิวเราจะมาพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้กัน และอีกเรื่องที่เป็นจุดขายของเจ้า Note 9 คือ ปากกกา S Pen ที่มาคราวนี้เชื่อมต่อกับตัวเครื่องผ่านบลูทูธ ทำให้ใช้งานเป็นรีโมทชัตเตอร์สำหรับการถ่ายเซลฟี่แบบหมู่ได้
กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล โดยเลนส์ถ่ายภาพมุมกว้างสามารถปรับค่ารูรับแสงได้ 2 ขนาดคือ ค่ารูรับแสงกว้าง f/1.5 ให้ภาพสว่างเมื่อถ่ายในสภาพแสงน้อย และค่ารูรับแสง f/2.4 สำหรับการถ่ายในสภาพแสงปกติ รองรับการถ่ายแบบชัดตื้นเบลอฉากหลังสวยๆ กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล หน้าจอกว้างสะใจขนาด 6.4 นิ้ว
ในเรื่องของความแรงก็จัดมาให้แบบสมศักดิ์ศรี ขุมพลังการประมวลผลที่เลือกใช้คือชิป Exynos 9810 แปดแกนประมวลผล ความเร็ว 2.7GHz หน่วยความจำภายในขนาดใหญ่จุใจ มีให้เลือกซื้อสองขนาดความจุ คือ 512GB บวก RAM 8GB และอีกหนึ่งขนาดคือ ความจุ 128GB บวก RAM 6GB ในราคาขาย 33,900 บาท และสามารถขยายความจำด้วยการ์ด microSD ได้สูงสุดอีก 512GB แต่ถ้ามีการติดตั้งใช้งาน 2 ซิมการ์ดก็จะไม่สามารถใส่การ์ด microSD ได้นะครับ
โดยมีตัวเครื่องให้เลือกซื้อ 4 สีคือ สีดำ Midnight Black, สีน้ำ Ocean Blue, สีส้ม Metallic Copper และสีม่วง
ข้อดี
| ข้อสังเกต
|
ขอบข้างตัวเครื่องมีความโค้งทั้งด้านหน้าและหลัง เอกลักษณ์ในงานออกแบบ Samsung
ภาพลักษณ์ของเจ้า Samsung Galaxy Note 9 ต้องบอกว่าสวยเด็ดขาดบาดใจและดูแพงสมกับความที่เป็นระดับเรือธงจากค่าย Samsung กับหน้าจอขอบโค้งทั้ง 2 ข้างแบบ Infinity Display ที่สร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ Samsung ที่นอกจากความโค้งด้านข้างของผิวหน้าจอจะให้ความรู้สึกที่หรูหราแล้ว ก็ยังให้สัมผัสกับฝ่ามือที่นุ่มนวลด้วย แผ่นฝาหลังแบบผิวกระจกมันวาวและขอบโค้งทั้ง 2 ด้าน ก็ให้ความรู้สึกที่หรูหรา ดูแพง คือแค่ถือเจ้า Note 9 อยู่ในมือ ก็ทำให้เราดูดีเพิ่มขึ้นอีก 20% ในทันที (อันนี้มโนเอา 555) โดยเครื่องที่เราได้รับมาทดสอบเป็นสีส้ม Metallic Copper บอกเลยว่าแผ่นหลังของมันหล่อได้ใจดูไปดูมาก็คล้ายทองคำแท่ง
อีกจุดที่ชอบในเรื่องของดีไซน์คือ ยังมีช่องแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มม. มาให้ ตอบโจทย์คนที่ชอบเสียบสายหูฟัง ส่วนช่องพอร์ตเป็นแบบ USB Type-C
แต่จุดที่ไม่ชอบในเรื่องของดีไซน์ คือการมีปุ่มเรียกใช้ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby อยู่บนขอบข้างซ้ายตัวเครื่อง และปุ่ม Bixby นี้ดันวางตำแหน่งอยู่ใกล้ๆ กับปุ่ม Volume เพิ่ม/ลด เสียงซะด้วย คือบางทีตั้งใจจะเพิ่มลดเสียง แต่ดันพลาดไปกดปุ่ม Bixby เข้า หรือบางทีจะถือตัวเครื่องอยู่เฉยๆ แต่นิ้วดันไปกดปุ่ม Bixby โดยไม่ได้ตั้งใจ ในความคิดส่วนตัวคือถ้าเอาปุ่ม Bixby ออกไปก็จะสุดยอดมากๆ เลย
***มีข่าวลือว่า เราจะสามารถปิดการทำงานของปุ่ม Bixby ได้ เมื่อมีการอัพเดทเฟิร์มแวร์ในอนาคต
เป็นธรรมชาติของมือถือหน้าจอใหญ่ ที่อาจจะเหมาะสำหรับการจับถือใช้งานด้วย 2 มือมากกว่าถือเล่นชิลๆ ด้วยมือเดียว แต่ด้วยความที่ตัวผมเองถนัดใช้มือถือหน้าจอไม่ใหญ่โต และเล่นมือถือด้วยมือข้างเดียวจนชิน ก็เลยลองทำแบบนี้กับเจ้า Note 9 ดูบ้าง ก็ต้องบอกว่า ผู้ชายที่ขนาดฝ่ามือกลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่อย่างผม ก็พอจะใช้เจ้า Note 9 ด้วยมือข้างเดียวได้อยู่ แต่มีจังหวะที่ต้องเอื้อมนิ้วบ้าง ต้องตะแคงตัวเครื่องช่วยให้นิ้วเอื้อมถึงบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาหนักหนาอะไร แต่อีกเรื่องที่ค่อนข้างจะสะกิดใจคือ ด้วยความที่เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ และแบตฯ ใหญ่ 4,000mAh ทำให้ตัวเครื่องหนักพอสมควร (หนัก 201 กรัม) การถือใช้งานนานๆ ด้วยมือข้างเดียว ก็รู้สึกว่าหนักมือ ล้ามืออยู่เหมือนกันนะ
ด้วยความที่ไม่ชอบใช้การปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้า เลยได้ลองสัมผัสกับการใช้งานตัวเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่วางตำแหน่งอยู่ใกล้กล้องเลนส์คู่ทางด้านหลังตัวเครื่องแบบเต็มๆ ต้องขอชมเลยว่าการเพิ่มลายนิ้วมือเข้าไปนั้นทำได้ง่ายมากๆ และการสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกเครื่อง ก็ทำได้อย่างรวดเร็ว และแตะทีเดียวผ่านทุกครั้ง ไม่ต้องแตะซ้ำสองซ้ำสามให้เสียอารมณ์เลย แต่ก็แน่นอนว่าเมื่อเซ็นเซอร์อยู่ด้านหลังตัวเครื่อง ลองใช้งานแรกๆ ก็ต้องใช้นิ้วแตะคลำหากันหน่อย แต่พอใช้ไปบ่อยๆ เข้าก็เริ่มชินตำแหน่ง แตะทีเดียวตรงจุดเซ็นเซอร์เลย
จุดขายที่ทาง Samsung โปรโมทหนักมากของสมาร์ทโฟนเครื่องนี้คือ แบตเตอรี่ขนาดความจุที่สูงถึง 4,000mAh ที่จะทำให้เราใช้งานได้ทั้งวันด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว แล้วมันจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือ?
คำตอบก็คือจริงครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานของเราด้วย ดูภาพประกอบดังต่อไปนี้ได้เลย
จากภาพด้านบนแสดงภาพแคปเจอร์หน้าจอ รายละเอียดการใช้พลังงานของเจ้า Note 9 จะเห็นว่าหลังจากถอดอะแดปเตอร์ชาร์จ แล้วใช้งานมาเรื่อยๆ เป็นเวลา 18 ชั่วโมง 33 นาที แบตเตอรี่เหลือ 16% คือโดยปกติแล้ว มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ น่าจะมีเวลานอนหลับประมาณ 6 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นเวลาที่เราเสียบชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้ คิดเป็นเวลาที่เราจะได้ใช้งานโทรศัพท์โดยไม่เสียบชาร์จประมาณ 18 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งจากภาพนี้ใช้งานไป 18 ชั่วโมงกับอีก 33 นาที โดยที่แบตฯ ยังเหลือ 16% ถือว่าสอบผ่าน ในเรื่องการชาร์จแค่วันละรอบ
ลักษณะการใช้งานของผมคือ เปิดหน้าจอใช้งานมือถือเต็มๆ ในระหว่างเดินทางไป-กลับระหว่างบ้านกับที่ทำงาน วันละประมาณ 2 ชั่วโมง มีการเปิดฟังเพลง เล่น Line Facebook เปิดดูหน้าเว็บ แล้วก็โพสต์ Instagram ส่วนอีกเวลาที่ได้ใช้มือถือเยอะๆ ก็ตอนพักกลางวัน 1 ชั่วโมง
ส่วนในช่วงระหว่างที่นั่งทำงานหน้าคอมฯ ก็วางมือถือไว้เฉยๆ ไม่แตะต้อง และจะมีเล่นมือถือหนักๆ อีกทีก็คือเปิดดู YouTube เปิดฟังเพลงด้วยลำโพงของตัวเครื่องก่อนเข้านอน และก็ต้องบอกว่าตัวผมเป็นคนไม่เล่นเกมส์นะ
ทีนี้เรามาดูกันบ้างว่าถ้าใช้งานในแบบโหดๆ Note 9 จะอยู่ได้ครบวันไหม?
ภาพรายงานผลการใช้แบตฯ ด้านบนเป็นผลจากการใช้ Note 9 ถ่ายรูปอย่างหนัก กับทริปการไปเที่ยวสวนสัตว์ ซึ่งทริปท่องเที่ยวที่ต้องใช้มือถือถ่ายรูปเยอะๆ นี่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนเนอะ ซึ่งในทริปนี้บอกเลยว่าใช้กล้องหนักมาก ทั้งการถ่ายภาพนิ่งจำนวนมาก ถ่ายวิดีโอ 4K ถ่ายวิดีโอหยุดความเคลื่อนไหวเท่ๆ แบบ Super Slow-Mo มีการเล่น Facebook เล่น Line ผลปรากฏว่า ใช้งานไปแค่ 13 ชั่วโมง 24 นาที แบตเตอรี่ก็ลดลงเหลือแค่ 15% และระบบคำนวณออกมาว่าเหลือเวลาใช้งานได้อีกประมาณ 2 ชั่วโมง 47 นาที สรุปก็คือ ถ้าใช้งานหนักเกินปกติ แบตฯ ก็อาจอยู่ไม่ครบวัน
และจากการลองใช้กล้องถ่ายวิดีโอกลางแจ้งแบบถ่ายต่อเนื่องหลายๆ ช็อต พบว่าแผ่นหลังตัวเครื่องมีอาการร้อนพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ร้อนมากจนน่าตกใจแต่อย่างใด
ปากกา S Pen ของ Note 9 ได้รับการอัพเกรดครั้งสำคัญให้รองรับการเชื่อมต่อแบบบลูทูธ ทำให้เราสามารถเรียกใช้ฟังก์ชั่นกล้องถ่ายรูปด้วยการกดปุ่มบนตัวปากกาค้างไว้ และปุ่มบน S Pen ยังสามารถทำหน้าที่เป็นรีโมทชัตเตอร์ กดเพื่อสั่งให้กล้องบันทึกภาพได้จากระยะไกลตัวเครื่องหลายเมตร เหมาะมากสำหรับการเซลฟี่แบบกลุ่ม และปุ่มบน S Pen ยังใช้ควบคุมการเลื่อนเปลี่ยนสไลด์พรีเซนเตชั่น ควบคุมการเล่นวิดีโอบน YouTube และใช้สั่งงานอื่นๆ ได้อีกมากมาย นี่เป็นจุดที่ทาง Samsung เคลมว่า S Pen ของเจ้า Note 9 มันทำอะไรได้มากกว่าเป็นปากกา
แต่ความประทับใจอย่างจริงจังที่ผมมีต่อเจ้า S Pen และอยากจะพูดถึงคือ ความนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติในการขีดเขียน ต้องบอกว่า S Pen ของ Note ในแต่ละรุ่นนั้นมีพัฒนาการในเรื่องความรู้สึกสัมผัสในการขีดเขียนเรื่อยมา และปากกาของเจ้า Note 9 พัฒนามาถึงจุดที่ให้ความรู้สึกในการขีดเขียนที่นุ่มนวลและลื่นไหลเอามากๆ สามารถใช้เขียนโน้ตจดบันทึกการประชุมได้อย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเร็วพอๆ กับการใช้ปากกาเขียนลงบนกระดาษเลย และถ้าได้มีเจ้า Note 9 ติดตัวไว้ใช้งานสักเครื่อง สมุดโน้ตคงหมดความหมายไปเลย ไม่ต้องพกสมุดโน้ตหรือกระดาษจดติดตัวอีกต่อไป อยากจดอะไรก็จดลงใน Note 9 ได้เลย
ตัวอย่างการจดโน้ตด้วยลายมือแบบเขียนเร็วๆ บน Note 9 ลายมืออาจจะดูหวัด แต่เจ้าของลายมือก็อ่านออกเนอะ ^__^
S Pen นอกจากจะมีประโยชน์สำหรับงานจดโน้ต จดบันทึกช่วยจำแล้ว ก็มีผู้คนในแวดวงนักออกแบบ หรือนักวาดภาพหลายๆ คนที่ใช้ Galaxy Note และ S Pen ในการสเก็ตช์ภาพไอเดีย หรือสร้างสรรค์ภาพวาดด้วย เรามาดูตัวอย่างภาพสวยๆ ที่วาดด้วย S Pen + Note 9 กันนะ
ตัวอย่างภาพวาดลายเส้นที่ใช้ Samsung Galaxy Note 9 และ S Pen ในการวาด
กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 12 ล้าน + 12 ล้านพิกเซลของ Samsung Galaxy Note 9 เป็นกล้องที่ถ่ายภาพสวยใช้ได้เลย และด้วยความที่เลนส์มุมกว้างสามารถปรับรูรับแสงได้กว้างถึง f/1.5 ทำให้ถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้ดี และชอบตรงที่โฟกัสภาพเร็ว บันทึกภาพเร็ว ทำให้เป็นกล้องมือถือที่ถ่ายสนุก แถมยังมีโหมดกล้องโปรที่สามารถปรับระยะโฟกัสแบบ Manual, ปรับค่า White balance, ปรับค่า ISO (50 - 800), ปรับค่า f (1.5 หรือ 2.4) และปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ (1/24,000 - 10 วินาที) ได้ตามต้องการ เรามาชมตัวอย่างภาพถ่ายสวยๆ จาก Note 9 กันดีกว่าครับ
สามารถคลิกเพื่อขยายดูภาพขนาดใหญ่
ตัวอย่างภาพถ่ายวิวทิวทัศน์จาก Samsung Galaxy Note 9
ภาพชุดนี้จะประกอบไปด้วย Scene Optimizer แบบ Food และ Flowers โดยภาพจะถูกปรับให้มีสีสันเข้ม สดใสยิ่งขึ้น
และกล้องของ Galaxy Note 9 มีระบบ Scene optimizer ที่สามารถตรวจจับ และรับรู้ได้ว่าเรากำลังถ่ายภาพวัตถุ หรือสิ่งของอะไร แล้วกล้องสามารถปรับโทนสี ปรับคอนทราสต์ภาพให้เหมาะกับภาพถ่ายแนวนั้นๆ โดยอัตโนมัติ สามารถตรวจสอบวัตถุอัตโนมัติได้ถึง 20 รูปแบบ ตัวอย่างเช่น ภาพถ่ายอาหาร, ภาพถ่ายบุคคล, ดอกไม้, วิวทิวทัศน์, และสัตว์เลี้ยง เป็นต้น แต่ข้อสังเกตของเรา ก็ต้องบอกว่าระบบ Scene optimizer ทำงานค่อนข้างช้า ใช้เวลาเล็งถ่ายอยู่นานหลายวินาที กว่าที่กล้องจะรู้ว่าถ่ายวัตถุอะไร บางที่ถ่ายไป 2-3 ช็อตแล้วกว่าที่มือถือจะรู้ว่าเราถ่ายรูปอะไร
อีกจุดที่ชอบมากด้วยความที่กล้องหลังของ Note 9 มีทั้งเลนส์มุมกว้าง และเลนส์มุมซูมเทเลโฟโต้ ทำให้เราสามารถซูมภาพแบบ Optical ได้ที่ระดับ 2x โดยที่ไม่สูญเสียรายละเอียดภาพ ทำให้เหมาะมากสำหรับการซูมถ่ายอะไรที่อยู่ไกลๆ ทำให้ถ่ายภาพได้สนุกขึ้นอีก เรามาดูตัวอย่างภาพถ่ายที่ระดับซูม 2x กัน
ภาพที่ 1 ซูมระดับ 2x เห็นหน้าฮิปโปที่กำลังนอนหลับชัดๆ ภาพที่ 2 ถ่ายด้วยเลนส์มุมกว้างปกติของมือถือ
ภาพที่ 1 ซูมระดับ 2x เห็นหน้าเจ้างูน้อยชัดๆ ภาพที่ 2 ถ่ายด้วยเลนส์มุมกว้างปกติของมือถือ
ภาพที่ 1 ซูมระดับ 2x ดูโคอาลาน้อยแลบลิ้นชัดๆ แต่ถ้าถ่ายด้วยกล้องมือถือทั่วไป ก็จะได้แค่มุมกว้างๆ เหมือนภาพที่ 2
อีกหนึ่งโหมดการถ่ายที่น่าสนใจของเจ้า Samsung Galaxy Note 9 คือโหมดการถ่ายแบบ ไลฟ์โฟกัส ถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอสวยๆ ที่เลือกระดับความเบลอของฉากหลังได้ถึง 7 ระดับกันเลยนะ โดยสไลด์ภาพด้านบนนั้น ภาพแรกปรับความเบลอฉากหลังที่ระดับ 7 (เบลอมากสุด) แล้วก็ไล่เรียงระดับความเบลอไปที่ละภาพจนถึงระดับ 1 ส่วน ภาพสุดท้าย (ภาพที่ 8) ไม้ได้เปิดการเบลอฉากหลัง
ชมภาพสวยๆ จากกล้องหลังเลนส์คู่กันไปแล้ว เรามาชมภาพเซลฟี่สวยๆ จากกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซลกันบ้าง ด้วยค่ารูรับแสงที่กว้าง F1.7 ให้ภาพเซลฟี่ที่สว่าง และในความคิดของผมคือ กล้องหน้าของเจ้า Note 9 ให้ภาพเซลฟี่ที่สวยแบบเป็นธรรมชาติ ภาพไม่ออกโทนนวลเนียนฟรุ๊งฟริ๊งมากมายเหมือนบางยี่ห้อ
มีฟิลเตอร์ปรับโทนภาพเซลฟี่สำหรับผู้หญิงให้เลือกใช้มากถึง 9 แบบกันเลยก็มี พื้นฐาน, เป็นธรรมชาติ, น่ารัก, สดใหม่, ชวนฝัน, งดงาม, สง่างาม, ทันสมัย และ เทศกาล โดยที่ฟิลเตอร์แต่ละแบบ สามารถปรับระดับความเข้มได้ 8 ระดับ และชายใดที่ชอบเซลฟี่ก็ไม่ต้องน้อยใจไปครับ เพราะมีฟิลเตอร์มาให้ลองเล่น 2 แบบด้วยกันคือ ขรุขระ และ คมชัด
พูดถึงเรื่องจอภาพของเจ้า Note 9 กันก่อน ความแตกต่างจากเรือธงแบรนด์อื่นคือไม่มีติ่งเล็กติ่งน้อยบนหน้าจอ ซึ่งก็ไม่ใช้เรื่องเสียหายแต่อย่างใด และอาจจะถูกจริตของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนสายอนุรักษ์นิยมที่มองว่าหน้าจอมือถือที่มีติ่งดูไม่สวยงาม และด้วยความที่หน้าจอปูยาวคลุมพื้นที่ถึง 83.4% ทางด้านหน้าตัวเครื่อง ทำให้ดูเป็นสมาร์ทโฟนที่มีขอบจอเพรียวบาง และเป็นหน้าจอ Super AMOLED ความละเอียดหน้าจอระดับ WQHD+ 2,960 x1,440 พิกเซล ค่าความหนาแน่นของเม็ดสี 516ppi (จุดต่อนิ้ว) ต้องบอกว่าเป็นจอที่ละเอียดเนียนตาใช้ได้ ให้การแสดงสีสันที่อิ่มเข้มสวยงาม แสดงมิติความลึกของภาพได้สมจริง หน้าจอสว่าง เปิดดูภาพถ่ายได้อย่างสวยงาม สมกับความที่เป็นหน้าจอของมือถือระดับท็อป
ให้ดูชัดๆ กับความสวยงาม และคมชัด ในการแสดงภาพและตัวอักษรของหน้าจอ Note 9
และกับการเปิดดูคลิป YouTube ด้วยความที่อัตราส่วนการแสดงผลของหน้าจอมีความกว้างมาก ทำให้แสดงคลิปได้ไม่เต็มหน้าจอ โดยเหลือขอบดำทางด้านซ้ายและขวา (ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของมือถือหน้าจอกว้าง) แต่เราก็สามารถปรับคลิปให้แสดงเต็มหน้าจอได้ด้วยการจีบนิ้วออก (คล้ายการซูมภาพ) แต่การขยายภาพเต็มหน้าจอก็ต้องแลกด้วยการที่ขอบภาพทางด้านบนและล่างจะถูกตัดออกไปบางส่วน
แต่มีข้อสังเกตคือ โดยปกติตัวผมจะเป็นคนที่ชอบปรับความสว่างของหน้าจอมือถือไว้ที่ระดับกลางๆ ในทุกสภาพการใช้งาน แต่กับเจ้า Note 9 รู้สึกว่าการใช้งานกลางแจ้งด้วยความสว่างหน้าจอระดับกลาง ภาพบนหน้าจอจะค่อนข้างมืด ต้องเร่งความสว่างเพิ่มภาพถึงจะดูแจ่มชัด ลองเซ็ตให้หน้าจอปรับความสว่างแบบ Auto ก็พบว่าหน้าจอปรับความสว่างแบบอัตโนมัติได้เหมาะสมกับการใช้งานกลางแจ้งได้สว่างดีมากๆ เลย แต่โหมดการปรับความสว่างอัตโนมัติ ก็ออกอาการแสงหน้าจอวูบวาบบ้างในห้องที่มีสภาพแสงน้อย แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหากับการใช้งานแต่อย่างใด
จบเรื่องภาพไปแล้ว ต่อกันที่เรื่องเสียง ก็ต้องขอเอ่ยปากชมคุณภาพเสียงลำโพงของตัวเรื่อง ที่ให้โทนเสียงกลมกล่อมน่าฟัง เสียงร้องชัด เสียงดนตรีก็น่าฟัง ระดับความดังเสียงก็ทำได้ดีเลย เมื่อเร่งเสียงลำโพงที่ตัวเครื่องจนสุดไม่ออกอาการเสียงแตกแต่อย่างใด พูดเลยว่ามีความสุขกับการฟังเพลงผ่านลำโพงตัวเครื่องของ Note 9 มากๆ ไม่ต้องใช้งานลำโพงบลูทูธแต่อย่างใด
มาว่ากันเรื่องคุณภาพเสียงกับการฟังเพลงผ่านหูฟังบ้าง โดยในชุดมีแถมหูฟังระดับคุณภาพที่เขาปะยี่ห้อว่า Samsung tuned by AKG (น่าจะประมาณว่า หูฟังของ Samsung ที่ได้รับการปรับแต่งโดย AKG) โดย AKG นั้นเป็นแบรนด์ผลิตหูฟังระดับคุณภาพจากประเทศออสเตรีย ลองเปิดเพลงด้วย Note 9 แล้วเสียบฟังด้วยหูหัง AKG ผลปรากฏว่าให้ประสบการณ์การฟังเพลงที่ยอดเยี่ยมมาก ตัวตนของเสียงร้องชัดเจนจริงจัง เวทีเสียงกว้างไม่อึดอัด การให้รายละเอียดเสียงของเครื่องดนตรีชัดเจน เสียงสูงสดใสเป็นประกาย เบสในเพลงร็อคมีตัวตนชัดเจน ฟังสนุก ถ่ายทอดมิติเสียงเอฟเฟคที่มีการแพนซ้ายขวาได้เป็นอย่างดี ฟังเพลงสนุก กับการฟังเพลงแนว EDM ให้เสียงเบสลูกขนาดกลางๆ และพลังกระแทกกระทั้นของเสียงเบสกำลังดี ไม่ได้กระแทกรุนแรงจนล้าหู ให้อารมณ์การฟังเพลงที่สนุกใช้ได้
สรุปได้ว่า ทั้ง Note 9 และหูฟังที่แถมมาให้นั้น มีความยอดเยี่ยมในการฟังเพลง คนที่ชอบฟังเพลงจะต้องมีความสุขกับสมาร์ทโฟนเครื่องนี้อย่างแน่นอน
Samsung Galaxy Note 9 ไม่ทำให้ผิดหวังในเรื่องประสิทธิภาพ ด้วยความที่เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่ใช้ชิปประมวลผลรุ่น Exynos 9810 ซึ่งเป็นชิปตัวท็อป 8 แกนจากค่าย Samsung เอง ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟฟิก Mali-G72 MP18 และหน่วยความจำ RAM ขนาด 6GB ซึ่งจากการลองใช้งาน ต้องบอกว่าลื่นไหลดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแอปฯ โซเชียล แอปฯ แชททั้งหลาย การเปิดหน้าเว็บทั้งแบบเวอร์ชันโมบาย และหน้าเว็บเวอร์ชันเต็มนั้นทำได้รวดเร็วดีมากๆ เลย การเปิดสลับไปมาระหว่างแอปฯ ก็รวดเร็วหายห่วง เรียกได้ว่าเป็นจ้าวแห่งความเร็ว สมกับที่เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่ราคาค่าตัวไม่ใช่น้อย
เราลองจับ Note 9 มาทดสอบด้วยแอปฯ วัดประสิทธิภาพที่ได้รับความนิยมอย่าง AnTuTu Benchmark กันบ้าง ผลปรากฏว่าทำคะแนนได้สูงถึง 243,278 คะแนน สมศักดิ์ศรีระดับเรือธง และจากภาพด้านขวาจะเห็นว่าผลคะแนนทดสอบจากเครื่อง Note 9 ที่เราได้รับมารีวิว ถูกจัดให้อยู่อันดับที่ 12 เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนสเปคแรงเครื่องอื่นๆ โดยมี Samsung Galaxy S9+ และ S9 อยู่ในอันดับที่ 10 และ 11 ตามลำดับ คือถ้าอิงตามผลคะแนนของ AnTuTu Benchmark ก็ต้องบอกว่า ประสิทธิภาพของเจ้า Note 9 นั้นหย่อนกว่า Samsung Galaxy S9+ และ S9 อยู่เล็กน้อย
จะว่าไป สมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ๆ สเปคแรงๆ อย่างเจ้า Note 9 นั้นก็เหมาะสำหรับการเล่นเกมส์เลยหล่ะ เราเลยต้องลองเล่นเกมส์กันหน่อย ผลงานก็ออกมาน่าประทับใจ ให้การเล่นเกมส์ที่ลื่นไหลไม่มีการสะดุด เริ่มด้วยเกมส์แนว Battle royale อย่างเกมส์ FORTNITE ที่เป็น Exclusive content เพราะเขาเปิดให้เจ้าของสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของค่าย Samsung ได้เล่นก่อนใคร (ติดตั้งเกมส์ FORTNITE ผ่านแอป Galaxy Apps) ลองเล่น FORTNITE ด้วย Note 9 แล้วด็ต้องบอกว่าลื่นไหลสบายใจหายห่วง (ออปชั่นการแสดงผลอยู่ที่ระดับ High ตั้งค่าเฟรมเรตไว้ที่ 30fps) ในฉากกระโดดร่มลองแพนกล้องไปมาเร็วๆ ก็ไม่กระตุกแต่อย่างใด ในตอนวิ่งลองแพนกล้องเร็วๆ ก็ไม่กระตุก ใครอยากรู้ว่าเล่นลื่นจริงไหม ติดตามชมได้ในคลิปวิดีโอรีวิวของเราเลยครับ
ลองกับเกมส์หนักๆ กราฟิก 3D สวยๆ อย่างเกมส์แข่งรถ Asphalt 9: Legends กันอีกเกมส์ ก็ต้องบอกว่าเจ้า Note 9 ให้การเล่นเกมส์ที่ลื่นไหลดีมากๆ อีกเช่นกันครับ
Samsung Galaxy Note 9 สมาร์ทโฟนระดับเรือธงจอใหญ่มาพร้อมปากกา S Pen สามารถทำได้ดีตามที่โฆษณาไว้ ในเรื่องของการชาร์จแบตฯ แค่รอบเดียวต่อวัน ด้วยแบตเตอรี่ความจุสูง 4,000mAh และปากกา S Pen ที่ได้รับการอัพเกรดให้ทำอะไรได้มากกว่าที่เคย ชอบ S Pen ตรงที่ได้รับการพัฒนาเพื่อให้ฟิลลิ่งการเขียนที่นุ่มนวล จดโน้ตได้เร็วและลื่นมือดีมากๆ ใครชอบจอโน้ต จดบันทึกการประชุมด้วยลายมือ เจ้า Note 9 ไม่น่าจะทำให้ผิดหวัง ในส่วนของประสิทธิภาพก็แรงได้ใจ สมกับความที่เป็นเรือธง เรียกว่าเป็นสมาร์ทโฟนจอใหญ่ที่ดีพร้อมในทุกๆ ด้าน จะติอยู่เรื่องเดียวก็ตรงที่ ความหนาแน่นของเม็ดสีบนหน้าจอยังด้อยกว่า Galaxy S9 และ S9+ ทำให้ความคมดีดตาของหน้าจอยังไปได้ไม่สุด แต่ก็ถือว่าหน้าจอของเจ้า Note 9 นั้นคมดีมากแล้ว ใครอยากได้สมาร์ทโฟนดีๆ และคิดว่าจะได้ใช้ประโยชน์จาก S Pen อย่าได้รอช้า รีบสอยเจ้า Note 9 เลยครับ
|
ไม่เสพติดไอที แต่ชอบเสพข่าวเทคโนโลยี หาความรู้ใหม่ๆ มาใส่สมอง |