ข้อดี
| ข้อสังเกต
|
Vivo V11i เป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นหนึ่งที่เปิดตัวคู่กับ Vivo V11 ในราคาที่ประหยัดกว่าเพียง 9,999 บาท (Vivo V11 ราคา 13,999 บาท) ซึ่งก็แน่นอนว่า เมื่อเป็นรุ่นประหยัดกว่า ก็ต้องมีสเปคที่ด้อยกว่า V11 เป็นเรื่องธรรมดา โดยคีย์ฟีเจอร์หลักๆ ที่หายไปเลยก็ได้แก่ การสแกนนิ้วบนหน้าจอ (ย้ายไปอยู่ด้านหลังแทน) เซ็นเซอร์กล้องและชิปเซ็ตที่แตกต่างกัน ส่วนกล้องเทคโนโลยี AI ตามสโลแกน 'AI Camera, Perfect Shot' นั้น รวมทั้งฟีเจอร์ Face Unlock นั้น มีให้ใช้งานเช่นเดียวกัน
โดยสำหรับความแตกต่างระหว่าง Vivo V11 และ V11i สามารถหาอ่านได้ในบทความพรีวิวก่อนหน้านี้ได้เลย แต่ก่อนไปชมรีวิวกัน ขอสรุปสเปคน่ารู้ของ Vivo V11i กันก่อน
Vivo V11i ใช้ดีไซน์เดียวกับรุ่น V11 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอยาวแบบ FullView Display แต่ได้ปรับดีไซน์รอยบากด้านบนหน้าจอ (Notch) ให้เป็นทรงหยดน้ำ โดยทาง วีโว่ ใช้ชื่อเรียกดีไซน์นี้ว่า Halo FullView Display
ตรงรอยบากทรงหยดน้ำ เป็นตำแหน่งของกล้องหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล ส่วนลำโพงสปีกเกอร์สนทนาจะเป็นแนวยาวอยู่ตรงขอบจอพอดี (มีเซ็นเซอร์ซ่อนอยู่ทั้งด้านซ้ายและขวา) วัสดุหน้าจอเป็นกระจก 2.5D ไม่ได้ระบุว่าเป็น Gorilla Glass ตรงขอบมีความโค้งนิดๆ เชื่อมต่อกับบอดี้ด้วยขอบพลาสติก ก่อนจะเป็นบอดี้ตัวเครื่อง มีลักษณะเป็นขอบนูนเล็กๆ ไม่โค้งตามกัน เห็นแล้วชวนหงุดหงิดหัวใจ
ชนิดของหน้าจอเป็น LTPS Capacitive Touch Screen ไม่ได้ใช้ Super AMOLED เหมือนอย่าง Vivo V11 จึงไม่สามารถสแกนนิ้วบนหน้าจอได้ แต่เรื่องการแสดงผลภาพมีความคมชัดและสีจัดชัดเจนอยู่ไม่น้อย
ด้านหลังวัสดุเป็นพลาสติกผิววาว ไล่สีน้ำเงินม่วงจากบนลงล่าง ในชื่อสีว่า Nebula โดยไม่มีพื้นผิวเป็นประกายกลิตเตอร์เหมือนอย่างสี Starry Night
ด้านบนซ้ายของหลังตัวเครื่องประกอบด้วยกล้องหลังเลนส์คู่เรียงในแนวตั้งต่อท้ายด้วยไฟแฟลช มีปุ่มสแกนลายนิ้วมืออยู่ตรงกลาง (ซึ่งในรุ่น V11 ไม่มี เพราะใช้เป็นสแกนนิ้วบนหน้าจอ)
ด้านขวามีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง ที่มีสีตามตัวเครื่อง ส่วนด้านซ้ายเป็นถาดซิมคู่ ขนาด nanoSIM และมีช่อง microSD มาให้ด้วย ไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะใส่ 2 ซิม หรือ 1 ซิม 1 การ์ด
ลำโพงสปีกเกอร์อยู่ด้านขวาล่างของตัวเครื่อง มีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm ให้ใช้งาน มีไมค์อยู่ด้านข้างช่องหูฟัง แต่พอร์ตยังคงเป็น microUSB อยู่
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องของ Vivo V11i ก็ให้มาเป็นอุปกรณ์มือถือทั่วๆ ไป ทั้งสายชาร์จ หูฟังแบบอินเอียร์ เข็มจิ้มถาดซิม คู่มือ/ใบรับประกัน และเคสสำหรับ Vivo V11i
โดยเคส จะมีลักษณะเป็นเคสใส มีความหนาและแน่นหนาพอสมควร ขอบเคสล็อกกับตัวจอค่อนข้างลึก ยากมากที่จะเกิดเหตุบังเอิญเคสหลุด (เพราะขนาดตั้งใจถอดยังยากเลย)
ตัวปลั๊กอะแดปเตอร์ ผิวสัมผัสรู้สึกได้ถึงวัสดุพลาสติกที่เกรดไม่ค่อยดีนัก เป็นรอยได้ง่าย
โดยส่วนตัวแล้ว เราไม่คุ้นเคยกับระบบปฏิบัติการนี้ซักเท่าไหร่นัก ช่วงแรกเลยงงๆ อยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถบ Control Center สำหรับเข้าไปตั้งค่าต่างๆ, ต่อ Wi-Fi หรือปรับความสว่างหน้าจอ และแถบแจ้งเตือน Notification ที่อยู่แยกกัน ซึ่งใน Funtouch OS จะสามารถดูแจ้งเตือนด้วยการลากนิ้วจากด้านบนของหน้าจอ ส่วนการเปิดแถบศูนย์กลางควบคุมทำได้ด้วยการลากนิ้วจากด้านล่างของหน้าจอ แต่แอนดรอยด์ทั่วไป ฟังก์ชั่นทั้ง 2 นี้ จะรวมอยู่ในเมนูที่ลากจากด้านบนของหน้าจอ
ถึงแม้ว่า Vivo V11i จะไม่มีสแกนนิ้วบนหน้าจอล้ำๆ แต่ก็มีการรักษาความปลอดภัยด้วยการสแกนใบหน้าด้วยอินฟราเรด ที่ตรวจจับใบหน้ากว่า 1,000 จุด ซึ่งค่อนข้างที่จะรวดเร็วและแม่นยำมากๆ รวมทั้งการปลดล็อกด้วยใบหน้าในที่มืดก็ทำได้อย่างไม่มีปัญหาเลย เวลาเล่นมือถือในรถตอนกลางคืน หรือตอนปิดไฟนอน ก็ปลดล็อกด้วยใบหน้าได้อย่างรวดเร็ว
เวลาสแกนหน้า ขอบบน/ล่างจะขึ้นไฟสีรุ้งๆ ในที่มืดจะใช้เวลามากกว่าที่สว่างนิดหน่อย (ถึงถ่ายรูปทัน) แต่ก็เร็วใช้ได้เลย
อีกหนึ่งฟีเจอร์น่ารัก สำหรับการสแกนใบหน้าที่แม่นยำ ก็คือ Funmoji สำหรับในการส่งข้อความแชทต่างๆ เราสามารถเลือกใบหน้าตัวการ์ตูนมาแทนหน้าเรา สร้างเป็นอีโมจิที่ขยับตามหน้าเราได้ และส่งให้เพื่อนในรูปแบบวิดีโอ ตอนที่รีวิวมีให้ใช้งานด้วยกัน 4 รูปแบบ ได้แก่ เสือ กวาง กบ โคอาล่า และบันทึกได้เป็นเวลา 10 วินาที ไม่รู้ว่าอนาคตจะมีอัพเดทหน้าใหม่ๆ มาให้เล่นรึเปล่า?
แต่ถ้าเทียบกับ Animoji ของแบรนด์พรีเมี่ยมแล้ว ก็เหมือนกับการเล่นเกมส์เฟรมเรท 60 FPS เทียบกับ 25 FPS เห็นจะได้ แต่ Funmoji ก็ตอบสนองได้ดีในระดับหนึ่งเลยนะ
การแคปเจอร์หน้าจอเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้สำหรับการใช้งานมือถือ โดย Vivo V11i มี S-capture ที่สามารถแคปหน้าจอได้มากกว่าการแคปหน้าจอทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการแคปหน้าจอยาวๆ ครอบตัดหน้าจอ ตัดเฉพาะพื้นที่ที่ต้องการในรูปทรงต่างๆ ตัดแบบ Doodle (วาดพื้นที่ด้วยแปรงเส้นหนา) หรือบันทึกวิดีโอหน้าจอก็ได้
ชาวบ้านเขามีโหมด Airplane กัน แต่พาหนะอื่นๆ ก็มีเยอะแยะ ใน Funtouch OS ก็เลยมีโหมด Motorbike (ขับขี่มอเตอร์ไซค์) มาให้ใช้งานเพิ่มเติมด้วย ซึ่งลักษณะการใช้งานก็จะเป็นการปฏิเสธสายที่โทรเข้ามาทั้งหมด รวมทั้งตั้งค่าให้ตอบกลับด้วย SMS อัตโนมัติได้
เรื่องกล้องเป็นจุดขายหลักของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ ซึ่งถึงแม้ว่า Vivo V11i จะมาพร้อมกับฮาร์ดแวร์กล้องที่ไม่ได้หวือหวามาก อย่างเซ็นเซอร์กล้องโซนี่ ความละเอียดกล้องหลังคู่ 16+5 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล โดยมีรูรับแสงกว้างสุดเท่ากันที่ f/2.0 (ใน Vivo V11 ใช้เซ็นเซอร์ Dual-pixel ที่ให้ความละเอียดสูงกว่า โฟกัสได้เร็วกว่า) แต่ Vivo V11i ก็มาพร้อมกับเทคโนโลยี AI ในแอปฯ กล้อง หลากหลายรูปแบบ ทั้งการปรับค่ากล้องให้เหมาะสมกับรูปที่ถ่ายอัตโนมัติ การถ่ายภาพย้อนแสงหรือแสงน้อย ที่ให้รายละเอียดครบ การถ่ายเซลฟี่ที่ปรับให้หน้าสวยอย่างเป็นธรรมชาติ และอีกหนึ่งฟีเจอร์ในโฆษณาที่น่าสนใจมากๆ ก็คือการจัดองค์ประกอบถ่ายภาพบุคคล (AI Portrait Framing) ที่ช่วยไกด์ให้เราเล็งมุมกล้องเพื่อจัดองค์ประกอบถ่ายภาพบุคคลได้ดียิ่งขึ้น
จากที่ได้ลองใช้งานดู AI Portrait Framing จะสามารถใช้งานกับโหมดถ่ายภาพบุคคลในกล้องหลังเท่านั้น โดยเมื่อเราเล็งกล้องไปที่ตัวแบบ ระบบ AI จะกำหนดจุดให้เราเลื่อนมุมกล้องไปยังจุดที่กำหนด เพื่อให้ได้องค์ประกอบสวยๆ ไม่ว่าจะเป็นจัดตัวแบบไว้กึ่งกลางภาพ ไม่โดนตัดแขนขา หรือกดกล้องต่ำ เพื่อเพิ่มความยาวขาให้กับตัวแบบ โดยรวมๆ แล้ว สำหรับคนที่จัดองค์ประกอบถ่ายรูปบุคคลไม่เป็น ก็ทำให้มีโอกาสได้ภาพสวยๆ อยู่พอสมควรครับ
และด้านล่างนี้เป็นรูปตัวอย่างจากที่ได้ใช้ AI Portrait Framing ในการถ่ายรูปบุคคล ซึ่งไม่ใช่ว่าเราจะอาศัยความสามารถของการจัดองค์ประกอบเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ได้ภาพสวยๆ นะครับ คนที่ถ่ายภาพก็ต้องสามารถเลือกมุมกล้อง และระยะห่างระหว่างกล้องกับตัวแบบอีกทีหนึ่งเหมือนกัน ถ้าสาวๆ จะให้แฟนถ่ายรูปให้ ก็ต้องไกด์นิดนึงล่ะว่า "ยืนตรงนี้นะ เอาด้านหลังเป็นวิวนี้นะ"
มีบางรูปที่ตั้งใจถ่ายแบบย้อนแสง (ใช้แสงหน้าต่าง) ซึ่งภาพที่ได้ออกมา หน้าก็ไม่มืดมาก แถมยังมีรายละเอียดชัดเจนอยู่ (สามารถไปปรับแต่งเพิ่มเติมได้) น่าจะเป็นผลมาจาก AI ช่วยในการถ่ายภาพย้อนแสง ที่จะเก็บภาพหลายๆ เฟรมมาดึงรายละเอียดภาพให้ชัดเจนมากขึ้น
อีกเรื่องที่ประทับใจของกล้องนี้ก็คือการถ่ายในที่แสงน้อย หรือถ่ายกลางคืน ที่มี AI คอยช่วย ซึ่งภาพที่ได้จากการลองนำไปถ่ายกลางคืนมา พบว่ามีสีสันที่อิ่มสดใส เส้นคมชัด ในจุดที่มีแสงไฟอยู่บ้าง (แม้แสงจะน้อยก็ตาม) แต่ในส่วนที่มืด ถึงแม้จะมีจุดรบกวนอยู่หนาแน่น แต่ก็ยังพอมองเห็นรายละเอียดอยู่บ้าง ไม่เละเป็นวุ้นไปซะทีเดียว
ในรูปนี้จริงๆ แล้วไฟจากเสาไฟฟ้าไม่ได้สว่างมาก (สังเกตจากไฟขาวหน้าบ้านตรงหัวมุมที่สว่างกว่า) แต่เมื่อกล้องถ่ายออกมา ได้วัดแสงให้หน้าต่างชั้น 2 มีแสงพอดี มีสีสันที่อิ่มและคมชัด
ถึงแม้จะมีจุดรบกวนเยอะมาก แต่รายละเอียดที่ได้ ก็ยังคงเห็นได้ชัดเจน น่าประทับใจไม่น้อย
(ถ้าเป็น Dual-pixel บน Vivo V11 อาจจะดีกว่านี้)
ภาพถ่ายกลางคืนอื่นๆ โดย Vivo V11i
ส่วนการถ่ายกลางวันหรือในที่แสงปกติก็ทำได้ดี ถ่ายสนุกอยู่ไม่น้อย มี AI คอยช่วย เวลาถ่ายอาหารหรือดอกไม้ ก็ได้สีสันที่อิ่ม ดูสวยงาม
ในส่วนของกล้องหน้า นอกจากความละเอียด 25 ล้านพิกเซลที่ให้มาค่อนข้างเยอะแล้ว ก็ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง AI Beauty และ Selfie Lighting ให้เพิ่มความสวยงามในการถ่ายเซลฟี่ได้อย่างสนุกสนาน
สำหรับ AI Beauty มีความพิเศษตรงที่ เราไม่จำเป็นต้องมาหาระดับของโหมด Beauty ที่เหมาะกับหน้าของเราอีกแล้ว โดย AI ของกล้องจะคำนวณหาค่าที่เหมาะสมให้อัตโนมัติเลย รวมทั้ง AI นี้ ยังสามารถแยกเพศของผู้ถ่ายได้ด้วย เป็นเรื่องดีๆ สำหรับผู้ชายสายเซลฟี่อยู่ไม่น้อย
อีกฟีเจอร์หนึ่งก็คือ Selfie Lighting ฟีเจอร์ที่มักจะมีบนกล้องสมาร์ทโฟนที่มีระบบสแกนใบหน้าที่ค่อนข้างแม่นยำ โดยจะเป็นการจำลองแสงในสภาพต่างๆ ในการถ่ายเซลฟี่ ที่ทำให้การถ่ายเซลฟี่ของเรามีมิติ และดูหลากหลายยิ่งขึ้น โดยมีให้เลือกด้วยกัน 6 รูปแบบ สำหรับการถ่าย Selfie Lighting บน Vivo V11i นี้
Natural Light | Studio Light | Stereo Light |
Loop Light | Rainbow Light | Monochrome Background |
เหมือน 4 แบบแรก จะไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ แต่ถ้าสังเกตดีๆ Studio Light รูปที่ 2 เงาหน้าจะหายไปพอสมควร ส่วน Loop Light อันที่ 4 จะมีแสงนวลๆ เพิ่มเข้ามาให้หน้าดูมีเลือดฝาดหน่อยๆ แต่ 2 แบบหลังทั้งสีรุ้งกับพื้นหลังขาว-ดำ ค่อนข้างสังเกตความแตกต่างได้ชัดเจน
ถ้าเป็นคนเล่นเกมส์หนักๆ บนมือถือ (ในที่นี้ PUBG Mobile หรือ ROV ก็เรียกว่าหนักนะ) ขอแนะนำให้ไปใช้ Vivo V11 ที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon จะดีกว่า เพราะ Vivo V11i รุ่นนี้ลดสเปคมาใช้ MediaTek Helio P60 ถึงจะพอเล่นเกมส์ได้อยู่บ้าง แต่ก็รันกราฟฟิกได้ไม่ไหลลื่นสะใจเท่ากับ Vivo V11 อยู่ดี
สำหรับ PUBG สามารถเล่นได้สูงสุดที่ ภาพความละเอียด HD เฟรมเรทระดับกลาง ที่เกมส์สามารถเล่นได้อย่างไหลลื่น ไม่มีกระตุกเฟรมเรทไม่แกว่ง แต่ถ้าปรับเฟรมเรทไปที่ระดับสูง จะมีอาการภาพค้างเป็นช่วงๆ อาจทำให้เสียจังหวะเล่นเวลาเข้าปะทะได้
ส่วนเกมส์ ROV นั้น ไม่รองรับการเปิดโหมดเฟรมเรทสูง (ซึ่งถ้ารองรับก็คงรันไม่ไหวอยู่ดี) พอเล่นได้อยู่บ้างการเข้าปะทะทีมไฟต์ไม่มีอาการค้าง แต่กับคนที่เคยเล่นโหมดเฟรมเรทสูงๆ อาจจะหงุดหงิดใจหน่อยๆ รวมทั้งความละเอียดภาพแม้จะเปิดเป็น HD แล้วก็ยังเห็นขอบของตัวละครเป็ดเม็ดพิกเซลอยู่ดี
ตัวละครใน ROV จะมีความเป็นก้อนๆ หน่อย
ลองลดสเปคเกมส์ มาเล่นเกมส์สไตล์ Casual อย่าง Candy Crush, Tsum Tsum หรือ Subway Surfer ดู (เก่ามาก แต่ละเกมส์ 555) ก็สามารถเล่นได้เรื่อยๆ ไม่มีอาการกระตุกอะไรครับ
สรุปคือ ถ้าต้องการอรรถรสการเล่นเกมส์ ข้ามไปใช้ Vivo V11 ดีกว่า แต่ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องเกมส์มาก Vivo V11i ก็พอเล่นได้ ไม่ได้น่าเกลียดอะไร
ใน Funtouch OS ของ Vivo มีโหมดส่งเสริมการเล่นเกมส์ที่เรียกว่า Game mode มาให้ด้วย ซึ่งหน้าที่หลักๆ ก็คือการตั้งค่ามือถือให้สนับสนุนการเล่นเกมส์มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการจัดการ CPU, RAM, จัดการกับแจ้งเตือน หรือสายโทรศัพท์ที่เข้ามา
อีกฟังก์ชั่นหนึ่งที่ซ่อนอยู่ใน Game mode ก็คือ ฟังก์ชั่น Autoplay ซึ่งตอนแรกเราคิดว่าเป็นการเปิดบอทให้ระบบเล่นเกมส์ให้เราอัตโนมัติ (จะเทพไปละ) แต่จริงๆ ไม่ใช่นะครับ โดยการทำงานของ Autobot คือการปิดหน้าจอมือถือ แต่ตัวเกมส์ยังคงรันอยู่ เอาไว้สำหรับเปิดเกมส์ฟาร์มที่สามารถเปิดโหมดออโต้ได้ แล้วเราไม่ต้องเปิดหน้าจอทิ้งไว้ เพื่อป้องกันอาการหน้าจอเบิร์น อันนี้มีประโยชน์ในระยะยาว
ปิดหน้าจอเปิดโหมดออโต้เพลย์ ถ้าต้องการเรียกหน้าจอคืน ก็สไลด์มือถือ 1 ที
ที่เข้าใจว่าเป็นเปิดบอท ก็เพราะอีกชื่อหนึ่งของโหมดนี้ เรียกว่า Bot Mode
อีกส่วนที่น่าสนใจก็คือ คำสั่งแบ่งหน้าจอ (Split Screen) ของ Funtouch OS เวลาใช้งานกับเกมส์ที่รันแบบเต็มหน้าจอ จะเป็นการเรียกหน้าต่างแอปฯ แชทขึ้นมา ให้เราสามารถอ่านหรือส่งข้อความคุยกับเพื่อนระหว่างเล่นเกมส์ได้ อันนี้ดี ช่วยแก้ปัญหาที่หลายๆ ที เราต้องละสายตาจากเกมส์สลับไปแชท แล้วเสียจังหวะในเกมส์ หรือที่ร้ายแรงที่สุดคือ หลุดการเชื่อมต่อออกจากเกมส์ไปเลย
โดยวิธีการแบ่งหน้าจอของ Vivo ก็ทำได้ง่ายๆ โดยลาก 3 นิ้วไปในทิศทางลง บนหน้าจอ
เปิดหน้าแชทขึ้นมาระหว่างเล่นเกมส์ (อันนี้ยังไม่ได้ล็อกอินไลน์)
ลองรัน Benchmark วัดผลให้กับ Vivo V11i ดู จากคะแนนพบว่า Vivo V11i ทำได้ดีพอสมควรในส่วนของ CPU ที่เอาชนะสมาร์ทโฟนได้มากกว่าครึ่งในท้องตลาด พิสูจน์ได้ว่า MediaTek Helio P60 ก็ไม่ได้ด้อยเรื่องการใช้งานซักเท่าไหร่ แต่คะแนนที่ขาดไปก็คือ GPU หรือการรันกราฟฟิกที่มีคะแนนค่อนข้างน้อย
ที่น่าประหลาดใจก็คือ ผลคะแนนดันไปชนะ Vivo X21 ที่ออกมาเมื่อต้นปี และใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 660 แรม 6 GB เสียด้วย อาจจะเฉือนคะแนนไปด้วยการรัน CPU ที่เร็วกว่า
ลองวัดผลจากอีกแอปฯ หนึ่ง ที่แบ่งคะแนนออกเป็น Graphics และ Physics score โดย Vivo V11i ทำคะแนนกราฟฟิกไปได้ 870 คะแนน และการใช้งานทั่วไปได้ 2730 คะแนน ลองเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พบว่าการรันกราฟฟิกของ Vivo V11i ทำได้ดีขึ้นเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว ส่วนการใช้งานทั่วไป ดีขึ้นในประมาณหนึ่ง
ลองเปรียบเทียบกับอีก 2 แบรนด์ในตลาดตอนนี้ ที่สมน้ำสมเนื้อกัน พบว่า Vivo V11i ทำคะแนนได้สูงกว่า Nova เล็กน้อย ส่วน F9 ที่มีทั้ง Notch หยดน้ำเหมือนกัน รวมทั้งใช้ฮาร์ดแวร์เหมือนกันเป๊ะๆ ต่างก็แลกไปคนละหมัด แพ้กันคนละอย่าง แต่โดยรวม การใช้งานน่าจะไม่ต่างกัน อยู่ที่ว่าชอบดีไซน์ หรือ OS ไหนมากกว่ากัน
ตอนทดสอบการรัน 3D สำหรับ Vivo V11i สามารถรันไปได้ถึงราวๆ 60 fps เลยนะ แต่ก็อย่างที่ลองเล่นเกมส์ดู แค่ถึงยังไม่พอ ปรับเฟรมเรทเล่นเกมส์แบบทั่วๆ ไป น่าจะได้อรรถรสมากกว่า สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้
Vivo V11i ถูกตัดฟังก์ชั่น Dual-Engine Fast Charge จากรุ่น V11 ไปแต่ก็ยังคงรองรับระบบชาร์จด่วนอยู่ จากที่ได้ทดสอบมา การชาร์จแบต 50% ใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 55 นาที เท่ากับว่าใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงในการชาร์จให้เต็มอันนี้จะเรียกว่านานหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะครับ
อีกจุดหนึ่งที่น่าสังเกตก็คือ เมื่อเราชาร์จแบตฯ เต็ม จะมีแจ้งเตือนขึ้นมาว่า ให้ถอดแหล่งจ่ายไฟออก ทำให้เราไม่แน่ใจว่า มือถือรุ่นนี้มีระบบตัดไฟอัตโนมัติรึเปล่า? แต่ถ้าให้อุ่นใจ ไม่เสียบชาร์จมือถือข้ามคืนเป็นดีที่สุดครับ (เดี๋ยวแบตฯ จะเสื่อมเร็ว)
สำหรับสรุปของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ หลังจากได้ทดลองมาทำรีวิว ก็ไม่ต่างกับตอนพรีวิวเปรียบเทียบ Vivo V11 กับ Vivo V11i เลยครับ ถ้าชอบ Vivo แล้วเป็นคนเล่นเกมส์ ชอบคุณภาพของการถ่ายรูปดีหน่อย ก็เลือก Vivo V11 ไปเลย ส่วนถ้าไม่ได้โฟกัสเรื่องเกมส์มากนัก หรือถ่ายรูปขอแค่สวย คมชัดก็พอ ไม่ต้องละเอียดมากๆ ก็เลือก Vivo V11i ได้เลย เพราะไม่ว่าจะดีไซน์ ฟีเจอร์ AI Camera หรือ FuntouchOS ก็มีให้ใช้งานเหมือนๆ กันจ้า
|
... |