Xiaomi Mi 8 Lite เป็นสมาร์ทโฟนระดับ Mid-range ที่เด่นเรื่องเซลฟี่ ด้วยกล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล ที่ใช้เซ็นเซอร์คุณภาพสูงของ Sony IMX576 ดีไซน์ตัวเครื่องสวยงาม สเปคความแรงมีความคุ้มค่าคุ้มราคาตามแบบฉบับมือถือ Xiaomi สวมหัวใจขุมพลังการประมวลผลด้วยชิป Snapdragon 660 AIE มีให้เลือกซื้อสองขนาดความจุคือ RAM/หน่วยความจำภายใน 4GB/64GB ในราคา 7,990 บาท และ 6GB/128GB ในราคา 9,900 บาท ไม่รอช้า เรามาติดตามการรีวิว Mi 8 Lite ไปพร้อมๆ กันเลยครับ
คลิกเพื่อเปิดดูภาพใหญ่
ข้อดี
| ข้อสังเกต
|
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่า Xiaomi Mi 8 Lite นั้นมีความคุ้มค่าน่าซื้อมากน้อยขนาดไหน เลยขอทำตารางเปรียบเทียบสเปคให้เห็นกันชัดๆ ระหว่าง Mi 8 Lite กับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ที่มีราคาขายในช่วงเดียวกันอย่าง Huawei Y9 (2019) , Huawei Nova 3i , Honor 8X , Samsung Galaxy J6+ และ OPPO F9
Xiaomi Mi 8 Lite | Huawei Y9 (2019) | |
หน้าจอ | 6.26 นิ้ว FHD+ | 6.5 นิ้ว |
อัตราส่วนระหว่าง | 82.5% | 82.8% |
ชิปเซ็ต | Snapdragon 660 AIE | Hisilicon Kirin 710 |
แรม | 4GB / 6GB | 4GB |
ความจุ | 64GB / 128GB | 64GB |
กล้องหลัง | 2 เลนส์ 12MP f/1.9 + 5MP f/2.0 เซ็นเซอร์หลัก Sony IMX363 2160p@30fps, 1080p@60/120fps | 2 เลนส์ 16MP f/2.0 + 2MP f/2.4 1080p@30fps |
กล้องหน้า | 1 เลนส์ | 2 เลนส์ |
ปลดล็อก | - สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง | - สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง |
แบตเตอรี่ | 3,350 mAh - Qualcomm Quick Charge 3.0 | 4,000 mAh |
พอร์ตชาร์จ | USB Type-C | microUSB 2.0 |
ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. | ไม่มี | มี |
รองรับ 4G สองซิม | ใช่ | ใช่ |
ขนาดและน้ำหนัก | 156.4 x 75.8 x 7.5 มม. 169 กรัม | 162.4 x 77.1 x 8.1 มม. 173 กรัม |
สีตัวเครื่องที่มีจำหน่าย | - Aurora Blue | - Midnight Black |
ราคา | - 4GB+64GB = 7,990 บาท | 4GB+64GB 6,990 บาท (ธันวาคม 2018) |
Xiaomi Mi 8 Lite | Huawei Nova 3i | |
หน้าจอ | 6.26 นิ้ว FHD+ | 6.3 นิ้ว |
อัตราส่วนระหว่าง | 82.5% | 82.2% |
ชิปเซ็ต | Snapdragon 660 AIE | Hisilicon Kirin 710 |
แรม | 4GB / 6GB | 4GB |
ความจุ | 64GB / 128GB | 128GB |
กล้องหลัง | 2 เลนส์ 12MP f/1.9 + 5MP f/2.0 เซ็นเซอร์หลัก Sony IMX363 2160p@30fps, 1080p@60/120fps | 2 เลนส์ 16MP f/2.2 + 2MP 1080p@30fps |
กล้องหน้า | 1 เลนส์ | 2 เลนส์ |
ปลดล็อก | - สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง | - สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง |
แบตเตอรี่ | 3,350 mAh - Qualcomm Quick Charge 3.0 | 3,340 mAh |
พอร์ตชาร์จ | USB Type-C | microUSB 2.0 |
ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. | ไม่มี | มี |
รองรับ 4G สองซิม | ใช่ | ใช่ |
ขนาดและน้ำหนัก | 156.4 x 75.8 x 7.5 มม. 169 กรัม | 157.6 x 75.2 x 7.6 มม. 169 กรัม |
สีตัวเครื่องที่มีจำหน่าย | - Aurora Blue | - Black |
ราคา | - 4GB+64GB = 7,990 บาท | 6GB+128GB 9,990 บาท (ธันวาคม 2018) |
Xiaomi Mi 8 Lite | Honor 8X | |
หน้าจอ | 6.26 นิ้ว FHD+ | 6.5 นิ้ว |
อัตราส่วนระหว่าง | 82.5% | 84.0% |
ชิปเซ็ต | Snapdragon 660 AIE | Hisilicon Kirin 710 |
แรม | 4GB / 6GB | 4GB |
ความจุ | 64GB / 128GB | 64GB |
กล้องหลัง | 2 เลนส์ 12MP f/1.9 + 5MP f/2.0 เซ็นเซอร์หลัก Sony IMX363 2160p@30fps, 1080p@60/120fps | 2 เลนส์ 20MP f/1.8 + 2MP 1080p@30/60fps, 480fps |
กล้องหน้า | 1 เลนส์ | 1 เลนส์ |
ปลดล็อก | - สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง | - สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง |
แบตเตอรี่ | 3,350 mAh - Qualcomm Quick Charge 3.0 | 3,750 mAh |
พอร์ตชาร์จ | USB Type-C | microUSB 2.0 |
ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. | ไม่มี | มี |
รองรับ 4G สองซิม | ใช่ | ใช่ |
ขนาดและน้ำหนัก | 156.4 x 75.8 x 7.5 มม. 169 กรัม | 160.4 x 76.6 x 7.8 มม. 175 กรัม |
สีตัวเครื่องที่มีจำหน่าย | - Aurora Blue | - Black |
ราคา | - 4GB+64GB = 7,990 บาท | 4GB+64GB 7,990 บาท (ธันวาคม 2018) |
Xiaomi Mi 8 Lite | Samsung Galaxy J6+ | |
หน้าจอ | 6.26 นิ้ว FHD+ | 6.0 นิ้ว |
อัตราส่วนระหว่าง | 82.5% | 73.6% |
ชิปเซ็ต | Snapdragon 660 AIE | Snapdragon 425 |
แรม | 4GB / 6GB | 4GB |
ความจุ | 64GB / 128GB | 64GB |
กล้องหลัง | 2 เลนส์ 12MP f/1.9 + 5MP f/2.0 เซ็นเซอร์หลัก Sony IMX363 2160p@30fps, 1080p@60/120fps | 2 เลนส์ |
กล้องหน้า | 1 เลนส์ | 1 เลนส์ |
ปลดล็อก | - สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง | - สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง |
แบตเตอรี่ | 3,350 mAh - Qualcomm Quick Charge 3.0 | 3,300 mAh |
พอร์ตชาร์จ | USB Type-C | microUSB 2.0 |
ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. | ไม่มี | มี |
รองรับ 4G สองซิม | ใช่ | ใช่ |
ขนาดและน้ำหนัก | 156.4 x 75.8 x 7.5 มม. 169 กรัม | 161.4 x 76.9 x 7.9 มม. 178 กรัม |
สีตัวเครื่องที่มีจำหน่าย | - Aurora Blue | - Black |
ราคา | - 4GB+64GB = 7,990 บาท | 4GB+64GB 6,990 บาท (ธันวาคม 2018) |
Xiaomi Mi 8 Lite | OPPO F9 | |
หน้าจอ | 6.26 นิ้ว FHD+ | 6.3 นิ้ว |
อัตราส่วนระหว่าง | 82.5% | 84.6% |
ชิปเซ็ต | Snapdragon 660 AIE | Mediatek MT6771 Helio P60 |
แรม | 4GB / 6GB | 6GB |
ความจุ | 64GB / 128GB | 64GB |
กล้องหลัง | 2 เลนส์ 12MP f/1.9 + 5MP f/2.0 เซ็นเซอร์หลัก Sony IMX363 2160p@30fps, 1080p@60/120fps | 2 เลนส์ |
กล้องหน้า | 1 เลนส์ | 1 เลนส์ |
ปลดล็อก | - สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง | - สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง |
แบตเตอรี่ | 3,350 mAh - Qualcomm Quick Charge 3.0 | 3,500 mAh |
พอร์ตชาร์จ | USB Type-C | microUSB 2.0 |
ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. | ไม่มี | มี |
รองรับ 4G สองซิม | ใช่ | ใช่ |
ขนาดและน้ำหนัก | 156.4 x 75.8 x 7.5 มม. 169 กรัม | 156.7 x 74 x 8 มม. 169 กรัม |
สีตัวเครื่องที่มีจำหน่าย | - Aurora Blue | - Starry Purple |
ราคา | - 4GB+64GB = 7,990 บาท | 6GB+64GB |
จากตารางสเปคจะเห็นว่าเมื่อนำเจ้า Xiaomi Mi 8 Lite มาเทียบกับสมาร์ทโฟนในระดับราคาใกล้ๆ กันหลายๆ รุ่นแล้วก็ต้องบอกว่าสเปคของ Mi 8 Lite ที่จัดมาให้นั้นสมน้ำสมเนื้อ เรียกว่าในช่วงราคา 7,000-8,000 บาทนั้นตัดสินใจเลือกได้ยากว่าจะเล่นรุ่นไหนดี และ Mi 8 Lite ค่อนข้างจะได้เปรียบในเรื่องของสเปคหน้าจอ ที่ค่าความหนาแน่นของเม็ดสีหรือ ppi นั้นแน่นกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่นำมาเป็นคู่เปรียบเทียบอยู่พอควร และในส่วนของ Mi 8 Lite ตัวเครื่องเวอร์ชัน RAM 6GB เป็นมือถือ RAM ใหญ่ในราคาค่าตัวที่น่าสนใจมากที่ 9,900 บาท
นิยามอย่างสั้นๆ ในเรื่องดีไซน์ของ Xiaomi Mi 8 Lite คือเป็นมือถือจอติ่งที่มีดีไซน์สวยงามตามท้องเรื่อง โดยตัวเครื่องที่เราได้รับมาทดสอบเป็นสี Aurora Blue ผิวแผ่นหลังตัวเครื่องมีความเงาวาวแบบผิวกระจก และโทนสีไล่จากน้ำเงินเข้มไปหาม่วงซึ่งดูสวยหรูดีนะ แต่ก็เป็นแนวทางการแต่งฝาหลังแบบเดียวกับที่เราเคยเห็นจากมือถือจีนแบรนด์อื่น ตรงมุมบนซ้ายของแผ่นหลังเป็นตำแหน่งของกล้องหลังเลนส์คู่ พร้อมไฟแฟลช ขอบข้างตัวเครื่องมีความโค้งมน ให้ผิวสัมผัสที่นุ่มนวลกระชับมือ
ด้านหน้าตัวเครื่องมีติ่งขนาดกำลังน่ารัก ติ่งไม่ใหญ่เกิน หรือเล็กเกินจนน่าใจหาย หน้าจอแบบกว้างในอัตราส่วนการแสดงผล 19:9 ความละเอียดในการแสดงผลอยู่ที่ 2,280x1,080 จุด ความหนาแน่นของเม็ดสีที่ 403 ppi (จุดต่อนิ้ว) ซึ่งถือว่าเป็นมือถือที่เด่นในเรื่องความแน่นของเม็ดสีในระดับราคานี้ คุณภาพการแสดงผลคมชัดเนียนตา เมื่อปรับความสว่างหน้าจอที่ระดับสูงสุด ก็ให้ภาพที่สว่างสวยดีเลยแม้จะเปิดจอใช้งานกลางแจ้ง สีสันอิ่มเข้มสวยงาม เรียกได้ว่าเป็นมือถือในระดับราคาต่ำหมื่นที่คุณภาพการแสดงผลน่าประทับใจ
Xiaomi Mi 8 Lite มาพร้อมกับ Android เวอร์ชัน 8.1 Oreo ที่ครอบทับโดยระบบ MIUI เวอร์ชัน 10.0 ของทาง Xiaomi เองด้วยความที่ขอบด้านบนของจอนั้นต้องเว้นพื้นที่ไว้ให้กับติ่งทำให้มีเนื้อที่จำกัด ทำให้ Status bar ที่บริเวณขอบทางด้านบนของหน้าจอ จะมีการแสดงเพียง ไอคอนบอกระดับแบตฯ ไอคอนสัญญาณ Wi-Fi ไอคอนสัญญาณบลูทูธ จะไม่มีการแสดงไอคอนแจ้งเตือนข้อความของแอปฯ ต่างๆ แต่อย่างใด แต่จะย้ายการแจ้งเตือนมาเป็นการแสดงตัวเลขที่ไอคอนแอปฯ บนหน้าจอแทน โดยแอปฯ โซเชียลอย่าง Facebook , Instagram รองรับการแสดงตัวเลขแจ้งเตือน และแอปฯ แชทอย่าง Line , Skype ก็รองรับการแสดงตัวเลขแจ้งเตือนด้วยนะ และในภาพขวาจะเห็นว่า ถ้ามีการนำไอคอนแอปฯ ไปใส่รวมกันไว้ในโฟลเดอร์ (ในภาพเป็นโฟลเดอร์รวมแอปฯ ของ Google) ก็จะมีการขึ้นตัวเลขแจ้งเตือนที่โฟลเดอร์ด้วย
มีแถมเคสซิลิโคนใสให้มาในกล่องด้วย ใส่แล้วมั่นใจขึ้นอีกเยอะ
Mi 8 Lite รองรับระบบ 4G สองซิมการ์ด โดยถาดใส่ซิมอยู่บนขอบซ้ายตัวเครื่อง มีส่วนประกอบดังนี้
Mi 8 Lite มาพร้อมกับพอร์ตเสียบชาร์จและถ่ายโอนข้อมูลแบบ USB Type-C ซึ่งเหนือกว่าสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นในระดับราคาเดียวกันที่ยังใช้พอร์ตแบบ microUSB ซึ่งข้อดีของพอร์ตแบบ USB Type-C คือสามารถเสียบได้ทั้งสองด้าน ไม่ต้องพลิกหัวพอร์ตให้วุ่นวาย รองรับการถ่ายโอนข้อมูลที่เร็วกว่า และรองรับการจ่ายกระแสไฟชาร์จที่สูงกว่า
โดยที่ Mi 8 Lite ไม่มีช่องแจ็คเสียบหูฟังมาให้ที่ตัวเครื่อง ซึ่งการเสียบหูฟังนั้นต้องทำผ่านสายแปลงจากพอร์ต USB Type-C เป็นช่องแจ็ค Stereo 3.5 (ที่ลูกศรชี้) โดยที่ไม่มีหูฟังแถมมาให้นะ และด้วยความที่ต้องเสียบหูฟังเข้ากับพอร์ต USB Type-C (ผ่านสายแปลง) ทำให้เราไม่สามารถเสียบหูฟังในขณะที่เสียบชาร์จ หรือเสียบสายถ่ายโอนข้อมูลกับเครื่องคอมฯ ก็คงต้องทนเหงาๆ ไม่มีเพลงฟังกันไปในระหว่างนี้ หรือจะหาซื้อหูฟังบลูทูธมาใช้งานกับ Mi 8 Lite ก็เป็นทางออกที่ดีเหมือนกันนะ
อะแดปเตอร์ที่แถมมาให้เป็นแบบมาตรฐาน
Mi 8 Lite รองรับระบบการชาร์จเร็วแบบ Qualcomm Quick Charge 3.0 แต่ถ้าต้องการชาร์จเร็วแบบเต็มประสิทธิภาพ ต้องเสียเงินซื้ออะแดปเตอร์แบบชาร์จเร็วเป็นอุปกรณ์เสริม (ราคาออนไลน์ประมาณ 300 บาท) โดยอะแดปเตอร์ที่แถมมาให้เป็นแบบมาตรฐาน
โดยแบตฯ ในตัวเครื่องมีขนาด 3,350 mAh อาจจะน้อยไปนิดสำหรับคนที่เล่นเกมส์บ่อยๆ หรือหยิบมาใช้งานทั้งวัน อาจทำให้ต้องพก Power Bank เพื่อความอุ่นใจ แต่แบตฯ ที่ไม่ได้เยอะแยะมากมายแบบนี้ ก็มีข้อดีเรื่องทำให้ตัวเครื่องเบานะ
ช่องลำโพงที่ตัวเครื่อง
ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องช่องเสียบหูฟังแล้ว ก็ขอเข้าเรื่องคุณภาพเสียงกับการฟังเพลงของ Mi 8 Lite เลยละกัน ลำโพงที่ติดตั้งบนตัวเครื่องมีบุคลิกเสียงน่าสนใจ เสียงจะออกไปในโทนเสียงสูงสดใสมีประกายน่าฟัง เสียงร้องชัดเจนดี แต่เสียงเบสค่อนข้างจะเก็บตัว ไม่ได้มีเบสมาให้เสพแบบเด่นชัด เป็นลำโพงของมือถือที่ใช้ฟังเพลงแนวป๊อปใสๆ ได้เพลินๆ เลย ระดับความดังเสียงกำลังดี ไม่ได้ดังมากเหมือนมือถือบางรุ่น แต่ก็ไม่ได้เบาจนน่าอึดอัดแต่อย่างใด ใช้ฟังเพลงเพลินๆ แบบไม่ต้องง้อลำโพงบลูทูธได้อยู่
ในเรื่องคุณภาพเสียงกับการฟังเพลงผ่านหูฟัง ก็ต้องบอกว่าเจ้า Mi 8 Lite ทำได้ดีเลย เสียงร้องชัด เสียงสูง เสียงเบสมีชีวิตชีวา คนที่ชอบฟังเพลงผ่านหูฟัง ไม่น่าจะผิดหวังกับมือถือเครื่องนี้ แต่ก็อย่างที่บอกว่าขัดใจมากๆ กับการที่ต้องเสียบหูฟังผ่านสายแปลง และไม่สามารถเสียบหูฟังในตอนที่เสียบชาร์จได้ "__"
ต้องขอชมเจ้า Xiaomi Mi 8 Lite แบบแรงๆ ก็ตรงเรื่องของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ติดตั้งอยู่ทางด้านหลังตัวเครื่อง ที่เพิ่มลายนิ้วมือได้ง่าย และใช้งานได้ดีมาก อ่านลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกเครื่องได้อย่างรวดเร็ว และแม้จะนิ้วเปียกหมาดๆ หลังจากการล้างมือ ก็ยังสามารถแตะเพื่อปลดล็อกเครื่องได้อย่างไร้ปัญหา ยอดมากๆ
กล้องหน้ามาพร้อมเซ็นเซอร์ภาพของ Sony IMX576 ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล และถึงแม้จะมีเซ็นเซอร์ภาพตัวเดียว แต่ก็รองรับการถ่ายเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอสวยๆ ในโหมดการถ่าย "ภาพบุคคล" และสามารถปรับระดับความฟรุ๊งฟริ๊งได้ 5 ระดับ ผลงานเซลฟี่จากล้องหน้าก็ตามภาพด้านบนเลยครับ ใบหน้าดูเป็นธรรมชาติไม่ดูหลอกตา และละลายฉากหลังได้เบลอสะใจดีจริงๆ
ความน่าสนใจคือกล้องหลังเลนส์คู่ของ Mi 8 Lite มาพร้อมโหมดการถ่ายแบบ "ภาพบุคคล" ที่สามารถนำภาพมาใส่เอฟเฟคหลังการถ่ายด้วยระบบ AI ในรูปแบบของ "แสงสตูดิโอ" (AI Studio Lighting) ที่สามารถเปลี่ยนฉากหลังให้สวยแปลกตาได้เลย ดูตัวอย่างจากภาพด้านบน โดยภาพแรกเป็นภาพต้นฉบับ ส่วนภาพอื่นๆ นั้นเป็นผลงานการใส่เอฟเฟคแสงสตูดิโอหลายๆ รูปแบบ จะเห็นว่าระบบ AI สามารถแยกตัวนางแบบออกจากฉากหลัง แล้วใส่เอฟเฟคได้เนียนๆ เลย
ถ้าภาพถ่ายเซลฟี่จากกล้องหน้า สามารถใส่เอฟเฟค AI Studio Lighting ได้ด้วยก็ดีมากๆ เลย แต่ด้วยความที่การใส่เอฟเฟคภาพแบบนี้จำกัดอยู่เฉพาะการถ่ายด้วยกล้องหลัง เราเลยต้องวานให้เพื่อนมาถ่ายเซลฟี่ให้ "__"
กล้องหลังมาพร้อมระบบเลนส์คู่ โดยเซ็นเซอร์ภาพตัวหนึ่งขนาด 12 ล้านพิกเซล f/1.9 และเซ็นเซอร์ภาพอีกตัวขนาด 5 ล้านพิกเซล f/2.0 โดยที่เซ็นเซอร์ภาพตัวหลักเป็นของ Sony IMX363 จะเห็นว่าภาพถ่ายวิวทิวทัศน์ด้วย Mi 8 Lite ออกมาสวยงามมากๆ เลยทีเดียว โดยกล้องหลังมาพร้อมระบบ AI scene detection ที่สามารถตรวจจับรับรู้ซีนการถ่ายภาพได้ถึง 27 รูปแบบ อาทิ เมฆครึ้ม, แสงเทียน, ทุ่งหญ้า, ภาพถ่ายบุคคล, เมือง, สถาปัตยกรรม, แมว, หมา, ดอกไม้, อาหาร, ชายหาด ปรับแต่งโทนภาพให้เหมาะกับภาพถ่ายแต่ละแบบอัตโนมัติ โดยที่ระบบ AI สามารถตรวจจับประเภทของซีนภาพแต่ละรูปแบบได้อย่างรวดเร็วดีมากเลย
ภาพถ่ายตอนกลางคืนก็สวยใช้ได้เลย
ภาพถ่ายมาโครดอกไม้ในโหมดการถ่ายแบบ "ภาพบุคคล" ได้ภาพหน้าชัดหลังเบลอสวยๆ
Xiaomi Mi 8 Lite เครื่องที่เราได้รับมาทดสอบเป็นรุ่นเล็ก RAM 4GB หน่วยความจำภายใน 64GB ในราคาขาย 7,990 บาท และถึงแม้จะเป็นรุ่นเล็ก แต่ด้วย RAM ที่มีขนาดใหญ่ 4GB บวกกับขุมพลังของหน่วยประมวลผลระดับกลางอย่าง Snapdragon 660 ต้องบอกว่าสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลดีมากเลยหล่ะ การเรียกเปิดแอปฯ ต่างๆ ทำได้รวดเร็ว การเปิดสลับไปมาระหว่างแอปฯ ต่างๆ ทำได้รวดเร็วเช่นกัน การสไลด์เลื่อนหน้าจอดูฟีดใน Facebook ก็ลื่นติดนิ้วดีเลย เป็นมือถือที่ประสิทธิภาพคุ้มราคา
และเมื่อของมาอยู่ในมือ ก็ต้องจับมารันแอปฯ Antutu Benchmark เพื่อทดสอบประสิทธิภาพเครื่องกันสักหน่อย ผลก็ออกมาตามภาพที่ 144,063 คะแนน ดีงามตามท้องเรื่อง และตัดมาดูที่ภาพขวา กับการจัดอันดับ Top 50 ของมือถือสเปคแรง ผลออกมาว่า เครื่องที่เราได้มาทดสอบ ทำคะแนนอยู่ในอันดับที่ 43 ทำคะแนนได้สูงกว่า Mi 8 Lite (อันดับที่ 44) ที่อยู่ในฐานข้อมูลของ Antutu อยู่เล็กน้อย
ตัดภาพมาที่การลองเล่นเกมส์กราฟฟิก 3 มิติด้วย Mi 8 Lite กันบ้าง โดยเราลองเล่นเกมส์แนวยิงมุมมองบุคคลที่สามอย่าง Free Fire ผลก็ออกมาว่าเล่นได้ลื่นไหลดีมากๆ เลยที่คุณภาพการแสดงผลขั้นสูง เป็นสมาร์ทโฟนราคาต่ำหมื่นที่รองรับการเล่นเกมส์ได้ดีเลย
อีกหนึ่งสมาร์ทโฟนราคาต่ำหมื่นที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงปลายปี 2018 และตันปี 2019 ด้วยความลงตัวของสเปค จอภาพที่สวยงาม กล้องหน้ากล้องหลังที่ถ่ายภาพสวย แถมยังมีระบบ AI ช่วยปรับแต่งภาพถ่ายที่ใช้งานได้จริง ก็ลองตัดสินใจดูแล้วกันครับว่า เจ้า Mi 8 Lite ดีพอที่จะได้มาอยู่เคียงข้างคุณหรือไม่
|
ไม่เสพติดไอที แต่ชอบเสพข่าวเทคโนโลยี หาความรู้ใหม่ๆ มาใส่สมอง |