พึ่งเปิดตัวกันไปเมื่อไม่นานกับ Redmi Note 8 Pro มือถือเกมมิ่งสเปคแรง แต่ราคาไม่แพง แค่ 7,999 บาท(6+64GB) และ 8,999 บาท(6+128GB) จากแบรนด์ลูกของ Xiaomi ซึ่งหลายคนคงจะสงสัยว่ามือถือราคาไม่ถึงหมื่นจะเล่นเกมส์ลื่นหรอ? วันนี้เราจะมาตอบคำถามผ่านรีวิวชิ้นนี้กัน
จุดเด่น
| จุดสังเกต
|
แวะมาดูเรื่องดีไซน์และสเปคของ Redmi Note 8 Pro กันสักเล็กน้อย ด้านดีไซน์ก็ต้องชมเลยว่าแม้ราคาไม่ถึงหมื่น แต่ก็มีดีไซน์ที่สวยไม่แพ้รุ่นอื่นเลย วัสดุที่ใช้เป็นกระจกกันรอย Gorilla Glass 5 ทั้งหน้าและหลัง ดีไซน์ฝาหลังใช้กระจกโค้ง (Curve Design) แบบ 3D ทั้ง 4 ด้าน ช่วยเรื่องการจับถือ ส่วนหน้าจอใช้ดีไซน์ Dot Drop มีติ่งด้านบน และมีขอบน้อยมาก (ขอบบาง) สีสันก็มีให้เลือก 3 แบบคือ Mineral Grey | Pearl White | Forest Green
ส่วนสเปคก็ไม่ธรรมดาใช้ชิปเซ็ต MediaTek Helio G90T ความเร็ว 2.0GHz พร้อมชิปเซ็ตกราฟฟิก Mali G76 ที่แรงกว่า Adreno 618 ของ Snapdragon 730G ส่วนแรมก็มีมาให้มากถึง 6GB รอมความจุตัวเครื่องก็มี 64GB/128GB (ตามสองราคาที่กล่าวไปด้านบน) ถ้าไม่พอก็ใส่ microSD เพิ่มได้ถึง 256GB สำหรับแบตเตอรี่ก็มากถึง 4,500 mAh และรองรับชาร์จเร็ว 18W อีกด้วย ถัดมาเป็นสเปคจอก็ใช้จอ IPS ที่กว้างเต็มตา 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+ และยังมีพอร์ตเชื่อมต่อ Type-C และช่องหูฟัง 3.5 มม. มาให้ด้วยนะ สเปคอื่นๆ ดูจากด้านล่างนี้ได้เลย
ดีไซน์และสเปคคร่าวๆ เราจะกล่าวประมาณนี้ หัวข้อถัดไปเราจะมารีวิวประสบการณ์จากการเล่นเกมส์ด้วยเจ้า Redmi Note 8 Pro กัน
Redmi Note 8 Pro "เกมมิ่งโฟน" นี่เป็นชื่อเรียกที่ทางค่ายเขาตั้งมาให้ แต่จะจริงไหมเดี๋ยวเราจะมาเล่าให้ฟังหลังจากที่ได้ทดลองเล่นเกมส์ประมาณ 1 สัปดาห์
ตอนแรกผู้เขียนคิดว่า Redmi Note 8 Pro จะเล่นเกมส์ลื่นได้ยังไง ต้องโม้แน่ๆ แต่พอได้ลองเล่นจริงๆ ก็ต้องกลับคำพูดเลยเพราะว่ามันเป็นเกมมิ่งโฟน "ของจริง" จะเป็น PUBG Mobile, ROV หรือ Call of Duty: Mobile หรือเกมส์ไหนก็เล่นได้ลื่นๆ เลย
เริ่มกันที่ PUBG Mobile อันนี้บอกเลยว่ารอดสบายๆ ปรับกราฟฟิกระดับสูง (HD) และปรับเฟรมเรท (Frame Rate) ไว้ที่ระดับสูง (High) ก็ยังเล่นได้ลื่นๆ การเล่นทั่วไปลื่นดี จะยิงจะปาระเบิดหรือจะขับรถก็ไม่ใช่ปัญหา แต่มีจังหวะเฟรมเรทตกนิดหน่อยเวลารอห้องก่อนเริ่มเกมส์ ที่ต้องเจอคนเยอะๆ
ต่อกันที่เกมส์ ROV เกมส์ฮิตติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง Redmi Note 8 Pro ก็ยังทำผลงานออกมาได้ดีอย่างต่อเนื่อง แม้จะปรับภาพแบบความละเอียดสูง HD และเปิดการแสดงผลกับพาร์ติเคิลไว้อยู่ในระดับสูงสุด พร้อมกับเจอเอฟเฟคสกิลหนักๆ แต่ก็ยังคงรักษาระดับเฟรมเรท (Frame Rate) ได้ที่ 56-60fps ซึ่งถือว่าลื่นมากๆ สำหรับมือถือเครื่องละ 7-8 พันบาท
และอีกอย่างที่ได้ทดลองเสริมไปคือ เปิดอัดหน้าจอพร้อมกับเล่น อันนี้สังเกตได้ว่ามีอาการเฟรมเรทตกอย่างเห็นได้ชัด เฟรมเรทวิ่งอยู่ที่ 52-60fps ซึ่งไม่ได้มากมายนัก ไม่รบกวนการเล่นสักเท่าไร
เกมส์สุดท้ายเป็น Call of Duty: Mobile เกมส์แนว FPS ที่เพิ่งเปิดตัวเราก็ไม่พลาด โหลดมาทดลองด้วย สำหรับเกมส์นี้ก็ลื่นเช่นกันตั้งค่าสูงสุดทั้งหมดได้เลย จากนั้นก็เล่นได้แบบเพลินๆ จังหวะยิงหรือโดนระเบิดที่มีเอฟเฟคเยอะๆ จะทำให้เฟรมเรทตกนิดหน่อย และการควบคุมจะดีเลย์เล็กน้อย (หน่วงจากปัจจุบัน) แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบกับการเล่น
หลังจากที่ได้ทดลองเล่นมาทั้ง 3 เกมส์แล้วบอกเลยว่า "ไม่ถึงหมื่น ก็เล่นเกมส์ลื่นๆ ได้" ด้านประสิทธิภาพแรงจริง แถมบวกกับฟีเจอร์ Game Turbo ที่ช่วยจัดการทรัพยากรเครื่องขณะเล่น และยังเปิดดูเว็บ เล่น Facebook หรือแชทได้โดยไม่ต้องกดสลับแอปฯ ให้เสียเวลา กดปุ้บป๊อปอัพโผล่ขึ้นมาปั๊ป ส่วนข้อสังเกตที่เห็นได้ชัดหลังจากการเล่นเกมส์คือ "ความร้อนสะสมในตัวเครื่อง"
Redmi Note 8 Pro จะมาพร้อมกับระบบระบายความร้อนแบบของเหลว LiquidCool ที่เย็นกว่าท่อทองแดงอย่างเดียวประมาณ 3-6 องศา นั่นก็เพราะว่าเวลาทำงานหนักๆ ชิปเซ็ตค่อนข้างร้อนมากเลยทีเดียว จากที่วัดในแอปฯ AnTuTu ขณะใช้งานหนักปรากฏว่าระดับความร้อนบินไปแตะถึง 73 องศาเลยทีเดียว
จากการที่ความร้อนในชิปเซ็ตสูงขึ้นระบบระบายความร้อนอย่าง LiquidCool ก็ยังทำหน้าที่ได้ดีคือดูดซับความร้อนแล้วถ่ายเทออกมาภายนอก จุดที่จะร้อนมากเวลาที่จับถือคือมุมขวาบน (จับแนวตั้ง) และมุมซ้ายบน (จับแนวนอน) ซึ่งมันส่งผลต่อการจับถือเวลาเล่นเกมส์ ทำให้ต้องขยับนิ้วออกบ่อยๆ แต่ถ้าใช้งานในกรณีใส่เคสอยู่น่าจะช่วยลดปัญหานี้ได้ส่วนหนึ่งเลย
เรารู้กันอยู่แล้วว่าแบตฯ มักจะหมดเร็วเวลาที่เล่นเกมส์ เจ้า Redmi Note 8 Pro จึงใส่แบตฯ มาให้แบบเต็มๆ ถึง 4,500mAh ถ้าเล่น ROV หนึ่งเกมส์ใช้เวลาประมาณ 15 นาที แบตฯ จะลดลงประมาณ 5%
ถ้า 15 นาทีลดลง 5% หมายความว่าถ้าเล่น 1 ชั่วโมงก็จะลดไป 20% และถ้าจะเล่นต่อเนื่องจนแบตฯ 100% หมดเหลือ 0% ก็จะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 5 ชั่วโมง อันนี้เป็นแค่สมมติฐานเท่านั้น ถ้าใช้งานจริงอาจจะหมดเร็วกว่านี้ก็ได้
นอกจากนี้ยังมีระบบชาร์จเร็ว 18W อีกด้วย ซึ่งก็ถือว่าโอเคเลยนะชาร์จแบตฯ จาก 28-60% ได้ในเวลา 28 นาที ถือว่าไม่นานเท่าไร ในกรณีแบตฯ ใกล้หมดแล้วไปหาที่ชาร์จน่าจะช่วยได้เยอะเลย แต่ถ้าถามว่าแรงเท่ากับมือถือเรือธงไหม? ก็ไม่ เท่าเพราะพวกเรือธงเขาข้ามไปยี่สามสิบสี่สิบวัตต์แล้ว
ตอนแรกกะไว้ว่าจะรีวิวแค่การเล่นเกมส์อย่างเดียว แต่พอได้ลองถ่ายรูปด้วย 4 กล้องหลัง 64+8+2+2MP ของ Redmi Note 8 Pro ก็อดที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ แต่จะเป็นอย่างไรนั้นมาอ่านดูที่ด้านล่างนี้เลย
นอกเหนือจากการเล่นเกมส์แล้ว กล้องหลัก 64MP เซ็นเซอร์ ISOCELL Bright GW1 ที่ทางค่าย Redmi พัฒนาร่วมกับ Samsung ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นจุดขายของ Redmi Note 8 Pro เลยก็ว่าได้ เพราะว่าเป็นมือถือราคาประหยัดที่ถ่ายรูปออกมาได้แบบไม่ไก่ไม่กา ซูมได้ x1 ถึง x2 ลองมาดูรูปถ่ายกันเลย
นี่เป็นรูปถ่ายจากกล้อง 64MP บอกเลยว่าคมกริบจริงๆ ซูมเข้าไปแล้วก็ยังเห็นรายละเอียดชัดอยู่เลย แน่นอนว่าเบื้องหลังความละเอียดแบบนี้ก็คือ เซ็นเซอร์ ISOCELL Bright GW1 ที่มีขนาดใหญ่ถึง 1/1.7 นิ้ว ใหญ่พอๆ กับกล้องหลังของ Huawei P30 Pro /Mate 30 Pro
เซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขนาดนี้ และมีความละเอียดสูง ทำให้การถ่ายรูปเก็บรายละเอียดออกมาได้ดีมาก ลองดูจากรูปด้านบนได้เลย ขนาดซูมเข้าไป 500% แล้วก็ยังเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนมากๆ และการละลายหลัง (แบบไม่ใช้เอฟเฟค) ยังทำได้มากกว่าเซ็นเซอร์ขนาดทั่วไปอีกด้วยนะ ไม่คิดเลยว่าจะทำได้ขนาดนี้ เซอร์ไพรส์มาก
ถ่ายกลางวันดี กลางคืนก็ไม่น้อยหน้า Redmi Note 8 Pro มีโหมดถ่ายกลางคืน (Night Mode) ติดมาให้อีกด้วยนะ รูปที่ได้จะเห็นว่ารายละเอียดต่างๆ เก็บได้ดีเลย แม้ว่าจะมีแสงสลัวๆ แต่ปัญหาอย่างหนึ่งที่เจอก็คือเวลาถ่ายมือต้องนิ่งๆ นิดหนึ่ง
กล้องมุมกว้าง (Ultra-wide) ของ Redmi Note 8 Pro มีความละเอียดอยู่ที่ 8MP แน่นอนว่ามันช่วยให้การถ่ายรูปสนุกขึ้น เพิ่มมุมมองที่แปลกตากว่าเดิม สำหรับคุณภาพก็อยู่ในระดับที่รับได้ ภาพชัดเจนอยู่ถ้าถ่ายตอนกลางวัน แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืนภาพจะไม่ค่อยชัดสักเท่าไร เพราะว่าใช้รูรับแสง f/2.2 ที่ไม่ได้กว้างมากนัก
มือถือระดับต่ำกว่าหมื่นแต่ติดกล้องมาโครมาด้วยถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว การติดกล้องมาโครมาเหมือนการเปิดโลกเล็กๆ ที่บางทีเราอาจไม่ได้สนใจ ทำให้ถ่ายรูปที่ใกล้กว่าระยะปกติ สำหรับคุณภาพรูปถ่ายที่ได้มาก็อยู่ในระดับที่พอรับได้ แต่ถามว่าชัดมากไหมก็ตอบได้เลยว่าไม่ ด้วยเซ็นเซอร์ขนาด 2MP ที่ใช้รูรับแสง f/2.4 รายละเอียดก็ย่อมน้อยเป็นธรรมดา แถมแพ้การถ่ายในที่มืดอีกด้วย
เห็นราคาไม่ถึงหมื่นแต่ก็มีกล้องจับระยะ (Depth) มาให้ใช้ด้วยนะ ทำให้สามารถใส่เอฟเฟคหน้าชัดหลังละลายได้ ถามว่าคุณภาพที่ได้ออกมาดีไหมก็พอใช้เลย มีหลุดบ้างไม่หลุดบ้าง แม้จะไม่ได้ดีเลิศเลอเท่ากับระดับเรือธง แต่พอแทนกันได้ อย่างรูปที่เห็นด้านบนถ่ายด้วยโหมดบุคคล เอฟเฟคละลายหลังถือว่าเนียนเลยถ้าถ่ายกลางแจ้ง
แต่ถ้าตัวแบบห่างไป การถ่ายแบบวัดระยะจะทำงานไม่ค่อยสมบูรณ์ และยิ่งเป็นที่แสงน้อยแล้วด้วยก็ยิ่งเข้าไปใหญ่ เอฟเฟคละลายหลังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไร ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วสำหรับมือถือราคาประมาณนี้
โดยสรุปคือกล้องหลังทั้ง 4 ตัวของ Redmi Note 8 Pro มีกล้องที่ดูดีที่สุดก็คือ กล้องหลัก 64MP ที่ใช้ถ่ายรูปได้คุณภาพออกมาดีมากๆ เลย ส่วนกล้องอื่นๆ ก็พอใช้เหมาะสมกับราคา
"มือถือราคาประหยัด ที่จะพาคุณไปสัมผัสกับการเล่นเกมส์ที่ลื่นไหล และการถ่ายรูปที่หลากหลาย" นี่เป็นคำนิยามที่ผู้เขียนตั้งให้เจ้า Redmi Note 8 Pro ตัวนี้ ถ้าถามว่ามันคุ้มราคาไหม? ก็คุ้มนะ ค่าตัวไม่ถึงหมื่นแต่ได้สเปคและฟีเจอร์ระดับนี้ ถือว่าโอเคเลย แต่ถ้าถามว่าฟีเจอร์ใช้งานเทียบกับพวกราคาหลักหมื่นขึ้นไปได้ไหม ก็บอกว่าได้ในบางเรื่องเท่านั้นไม่ได้ดีกว่าไปซะหมด และถ้าถามอีกว่าเหมาะกับใคร ก็คงเหมาะกับเหล่าคนที่ชอบเล่นเกมส์ที่ต้องการมือถือเล่นเกมส์ลื่นๆ แบตฯ อึดๆ และกล้องหลังชัดๆ ถ้าใครจะจัดก็ไม่น่าแปลกใจ
|
How to .... |