รีวิว ปลั๊กไฟ ELECTON ปลั๊ก 3 สไตล์ ปลั๊กกันไฟกระชาก ไฟเกิน ปลั๊กไฟตั้งเวลา และ เปิดปิดอัตโนมัติ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อุปกรณ์ไฟฟ้าในปัจจุบันนั้น มีความสำคัญกับชีวิตประจำวันของเราทุกคนเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ถ้าหากเราซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐานมาใช้งาน อาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงจนไม่อาจจะสามารถแก้ไขได้เลยก็เป็นได้

ฉะนั้น เพื่อเป็นการป้องกันก่อนที่เหตุการณ์ไม่คาดฝันเหล่านั้นจะเกิดขึ้น ทางทีมงาน Thaiware จึงได้ขอแนะนำอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ และได้มาตรฐาน ทั้ง 3 มาให้ทุกคนได้รู้จักกัน นั่นคือ ปลั๊กไฟ ELECTON I-COM5, ปลั๊กตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ELECTON ET-M02U และปลั๊กเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าอัตโนมัติ ELECTON ET-PIR01

ปลั๊กกันไฟกระชาก ELECTON TE-ICOM5

"ปลั๊กไฟ" หนึ่งในอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องจะมีติดบ้านเรือน, ออฟฟิศ หรือหอพัก อย่างแน่นอน ด้วยประโยชน์ที่จะช่วยเพิ่มจำนวนปลั๊ก ให้สามารถใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าได้มากกว่า 1 เครื่อง แต่ถึงแม้จะมีประโยชน์ในด้านการใช้งาน แต่โทษของมันก็มีเช่นกัน เพราะเมื่อคุณไม่ได้ซื้อ "ปลั๊กไฟ" ที่มีคุณภาพ อาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่าง ไฟฟ้าลัดวงจรจนทำให้เกิดไฟไหม้ หรือ อาจจะทำให้เกิดปัญหาอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ชำรุดได้ ฉะนั้นในเรื่องของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพนั้น เราจะมาพูดถึง ปลั๊กไฟ ELECTON TE-ICOM5 ที่ถูกออกแบบมาให้มีการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมทั้งยัง มีระบบกันไฟกระชากอีกด้วย

การเลือกซื้อปลั๊กไฟ

ก่อนที่เราจะมาทำความรู้จักกับ ปลั๊กไฟ ELECTON TE-ICOM5 กัน คงต้องขออนุญาตพูดถึงเรื่อง "การเลือกซื้อปลั๊กไฟ" อย่างถูกวิธีกันก่อน โดยการเลือกซื้อปลั๊กไฟมาใช้งานนั้น ไม่เพียงแต่จะมองถึงเรื่องราคาที่ถูกเท่านั้น เราจำเป็นต้องมองถึงมาตรฐานและคุณภาพของปลั๊กไฟด้วย ซึ่งถ้าหากไม่แกะตัวปลั๊กไฟออกมา หรือ ผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญในด้านนี้จะต้องดูไม่ออกอย่างแน่นอน ฉะนั้นเราจะมาบอกวิธีเลือกซื้อขั้นพื้นฐาน กัน

1. สวิตซ์ปิด/เปิด
ในด้านสวิตซ์ปิด/เปิด ของปลั๊กไฟนั้น คุณจำเป็นต้องทดลองกดปิด/เปิด ซัก 2 - 3 ครั้งก่อนเพื่อเช็คว่าสวิตซ์ไม่มีปัญหาเมื่อนำมาใช้ อาทิ กดไปแล้วจม ปุ่มกดไม่เด้งขึ้น หรือ ปุ่มแข็งเกินไปจนกดไม่ลง

2. จำนวนเต้ารับ 
ก่อนจะซื้อปลั๊กไฟมาใช้งาน คุณจำเป็นต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์การใช้งานด้วยว่าจำเป็นต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อะไรบ้าง เช่น คุณต้องการต่อกับ เครื่องคอมพิวเตอร์, เครื่องปริ้น, เร้าเตอร์ และอื่นๆ ที่จำเป็นนั้น แต่กลับซื้อปลั๊กแบบ 4 ช่องมา ซึ่งมันไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน เนื่องจากพอถึงเวลาต้องใช้งานจริงๆ กลับมีปลั๊กไฟที่รอเสียบอีกเยอะแยะมาก ครั้นจะหาปลั๊กไฟตัวอีกมาพ่วงต่อเพื่อให้สามารถใช้งานได้ มันก็อาจจะทำให้การใช้งานเกะกะได้ ฉะนั้นก่อนที่จะซื้อปลั๊กไฟซักอันหนึ่ง คุณควรจะวางแผน และกำหนดวัตถุประสงค์การใช้งานให้ดี  

3. กำลังไฟ
การคำนึงถึงวัตถุประสงค์การใช้งานนั้นสำคัญ ไม่เพียงแต่ในด้านจำนวนเต้ารับเท่านั้น แต่การคิดถึงเรื่องกำลังไฟที่ปลั๊กไฟรองรับก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะถ้าหากคุณเชื่อมต่อการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเกินกำลังไฟ อาจจะทำให้เกิดไฟลัดวงจรได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากคุณจำเป็นต้องใช้งานปลั๊กไฟกับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ อุปกรณ์เสริมต่างๆ ปลั๊กไฟแบบ 10 แอมป์ หรือ 2500 W ก็เพียงพอแล้ว เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 เครื่องกินไฟไม่ถึง 1000 W

4. ฟิวส์ หรือ ระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์
เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับ ฟิวส์ หรือ ระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์ เพราะมันคือระบบป้องกันไฟกระชาก หรือ ไฟฟ้าลัดวงจรนั่นเอง ซึ่งถ้าหากปลั๊กไฟที่ต้องการซื้อไม่มี ฟิวส์ หรือ ระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์ ให้เลิกความคิดที่จะซื้อปลั๊กไฟที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไปได้เลย

5. สายไฟ
แม้คุณจะมองว่าการตรวจดู "สายไฟ" เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ความจริงแล้วมันมีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากถ้าหากคุณสังเกตที่สายไฟ จะพบกับเลข และตัวอักษรภาษาอังกฤษ ที่ไม่ค่อยเข้าใจมากมาย ซึ่งในข้อนี้เราจะมาบอกว่าเลข และตัวอักษรแต่ละตัวนั้นมีความหมายอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น
"SJT 300V 60°C 16AWG"

• SJ = สายขนาดเล็กที่รับไฟได้ 300V,
• T = อุณหภูมิที่สายจะรับได้ 
• H = ทนความร้อน
• HH = ทนความร้อนสูง
• N = วัสดุไนล่อน (Nylon)
• E = ความยืดหยุ่นของสาย
• P = สายแบบแบน
• W-A = ทนต่อสภาพอากาศ
• W = ทนต่อสะภาพอากาศและน้ำลึก
• 300V = ค่าแรงดันที่สายไฟฟ้ารับได้
• 60°C = อุณหภูมิที่สายไฟฟ้ารับได้ 
• AWG = (American Wire Gauge) มันคือ มาตรฐานที่ใช้วัดขนาดสายไฟ โดยถ้าตัวเลขยิ่งมากสายจะเล็ก ในทางกลับกันยิ่งเลขน้อยลงสายไฟก็ยิ่งมีขนาดใหญ่นั่นเอง
  • 12 AWG = 2.05 mm.
  • 13 AWG = 1.83 mm.
  • 14 AWG = 1.63 mm.
  • 15 AWG = 1.45 mm.
  • 16 AWG = 1.29 mm.
  • 18 AWG = 1.02 mm.
  • 20 AWG = 0.81 mm.
  • 22 AWG = 0.65 mm.
  • 24 AWG = 0.51 mm.
  • 26 AWG = 0.40 mm.

เพิ่มเติมเรื่องมาตรฐาน AWG - ลวดตัวนำที่ทำจากโลหะชนิดเดียวกัน มีความยาวเท่ากัน เส้นที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า หรือ สายใหญ่กว่าจะมีความต้านทานน้อยกว่า นั่นหมายความว่า มันสามารถให้กระแสไฟได้มากกว่า ลวดที่มีขนาดเล็กกว่า 

การออกแบบ

การออกแบบ ปลั๊กไฟ ELECTON TE-ICOM5 นั้น ถูกออกแบบมาให้มีความแข็งแรงกันกระแทกได้ ด้วยวัสดุที่ทำมาจาก อลูมิเนียมอัลลอยหุ้ม 2 ชั้น, มีม่านนิรภัยป้องกันไฟดูด, มีรูปแบบการเสียบแบบทแยงมุม ทำให้สายปลั๊กไม่ชนกัน,รองรับการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้ารวมกันได้ 4000 W และมาพร้อมกับ พอร์ต USB (2 ช่อง), Network Port (In-Out), ระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์ และ ช่องเสียบปลั๊กที่มีให้ใช้งานอีก 5 ช่องนั่นเอง ซึ่งถ้าหากใครที่สงสัยว่า พอร์ต USB (2 ช่อง) และ Network Port (In-Out) มีประโยชน์อย่างไร? หรือ  ระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์ คืออะไร? เราจะนำมาพูดด้านล่างนี้

พอร์ต USB (2 ช่อง) - จะสังเกตได้ว่าปลั๊กไฟส่วนใหญ่เริ่มที่จะมี พอร์ต USB ออกมาให้ใช้งานกันบ้างแล้ว ซึ่งประโยชน์ของมัน มีไว้เพื่อรองรับการชาร์จแบตเตอรี่อุปกรณ์ สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต และ แบตเตอรี่สำรอง (สามารถชาร์จได้ 2.1a) เพื่อความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น

Network Port (In-Out) - มันมีไว้กันไฟกระชากที่เกิดจากฟ้าผ่าลงมา นั่นเอง เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่า กระแสไฟจะไหลเข้ามาที่ปลั๊กไฟ ก่อนที่จะเข้าไปยังอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ อย่างคอมพิวเตอร์ หรือ โน้ตบุ๊ค จนทำให้เกิดความเสียหาย

ซึ่งวิธีใช้งานนั้น ตามปกติเราจะเชื่อมต่อ เร้าเตอร์ หรือ โมเด็ม เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊คเพื่อทำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทันที (ถ้าเกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่า กระแสไฟจะเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง) แต่เพื่อป้องกันไฟกระชาก คุณจะต้องนำสาย Lan จากเร้าเตอร์เสียบไปที่ช่อง In บนปลั๊กไฟ จากนั้น นำสาย Lan เสียบที่ช่อง Out และต่อเข้าคอมพิวเตอร์อีกทีหนึ่ง โดยการใช้วิธีนี้จะทำให้กระแสไฟไม่ไหลเข้าสู่อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อโดยตรง แต่จะไหลเข้ามาที่ปลั๊กไฟก่อน เปรียบเสมือนตัวกลางในการรับไฟแทนนั่นเอง

ระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์ - ตามปกติแล้วเมื่อเกิดไฟกระชาก หรือไฟเกิน ปลั๊กไฟโดยทั่วไปจะมีฟิวส์เพื่อเป็นการตัดไฟเกินเหล่านั้น ก่อนที่กระแสไฟฟ้าจะไหลเข้าไปหาอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่จนเกิดความเสียหาย แต่การใช้ฟิวส์ในปลั๊กไฟนั้น จัดว่าเป็นเทคโนโลยีที่เก่า เพราะเมื่อไฟเกินทีก็ต้องเปลี่ยนฟิวส์ใหม่เพื่อให้สามารถใช้งานได้เหมือนเดิม 

ฉะนั้น ระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์ จึงเป็นระบบการป้องกันไฟกระชาก หรือ ไฟเกินรูปแบบใหม่ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟเกินเมื่อไหร่ ระบบจะทำการตัดไฟออกทันที เพื่อให้คุณสามารถถอดอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่ได้อย่างไม่เป็นอันตราย และถ้าต้องการกลับมาใช้งาน ก็เพียงแค่กดที่ปุ่มเซอร์กิตเบรกเกอร์ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่ก็สามารถกลับมาใช้งานได้ดังเดิมแล้ว

การทดสอบ

มาถึงในด้านของการทดสอบการใช้งาน ปลั๊กไฟ  ELECTON TE-ICOM5 กันแล้ว โดยเราจะทำการทดสอบความเสถียร และความต้านทานของมัน ว่ามันมีการใช้งานที่ดีหรือไม่?

ทดสอบความเสถียร - คงไม่กล่าวเกินจริงเลย ถ้าหากจะบอกว่า ปลั๊กไฟ  ELECTON TE-ICOM5 ถือว่าเป็นหนึ่งในปลั๊กไฟที่มีคุณภาพสูงมาก เนื่องจากเมื่อทำการทดสอบความเสถียร ที่ไฟฟ้าไหลผ่านทุกช่องแล้วผลคือ มันมีความเสถียรต่อการใช้งานทุกช่อง ซึ่งส่วนหนึ่งที่ ปลั๊กไฟ ELECTON TE-ICOM5 มีความเสถียรมากขนาดนี้ เป็นเพราะว่า ตัวปลั๊กมีระบบล็อกหัวปลั๊กไฟไว้แน่นมาก เรียกได้ว่าดึงเบาๆ หรือกระชากไม่หลุดแน่นอน

ทดสอบความต้านทาน - อีกหนึ่งการทดสอบที่ขาดไม่ได้ นั่นคือ การทดสอบความต้านทานของ ปลั๊กไฟ ELECTON TE-ICOM5 นั่นเอง และก่อนการทดสอบคงต้องขอบอกก่อนว่ายิ่งปลั๊กไฟอันไหนมีตัวเลขที่สูง นั่นเท่ากับว่ามีความต้านทานที่สูง มีผลทำให้เปลืองไฟมากยิ่งขึ้น เพราะไฟฟ้าที่จ่ายออกไปจะมีบางส่วนที่เสียเปล่าไป แต่จากการทดสอบ ปลั๊กไฟ  ELECTON TE-ICOM5 นั้นบอกได้เลยว่าปลั๊กไฟตัวนี้มีค่าความต้านทานที่ต่ำมาก นั่นหมายความว่า มันสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี และมีการสิ้นเปลืองไฟฟ้าน้อยนั่นเอง

สรุป

ข้อดี

• รองรับการใช้งานหลายรูปแบบ เนื่องจากมีพอร์ต USB ทำให้สามารถใช้กับอุปกรณ์ สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต และแบตเตอรี่สำรองได้
• รองรับไฟกระชากในระบบเน็ตเวิร์ค เนื่องจากมี Network Port (In-Out)
• มีความทนทานด้วยวัสดุที่ทำมาจากอลูมิเนียมอัลลอย
• ปลั๊กไฟมีรูปแบบการเสียบแบบทแยงมุม ทำให้สายปลั๊กไม่ชนกัน
• จ่ายไฟได้เสถียรทุกช่องเสียบ
• มีม่านนิรภัยกันไฟดูด ป้องกันนิ้วจิ้มเข้าไปในปลั๊กไฟ
• มีระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์ตัดไฟออกทันที เมื่อกระแสไฟฟ้าในระบบสูงเกินปกติ

ข้อสังเกต

• สายไฟความยาว 2 เมตร อาจไม่พอใช้งานสำหรับบางกรณี

จากการใช้งาน ปลั๊กไฟ ELECTON TE-ICOM5 แล้ว ถือว่าเป็นปลั๊กไฟที่มีคุณภาพสูง เนื่องจาก มีช่องเสียบที่รองรับการใช้งานหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต หรือแบตเตอรี่สำรอง และ Network Port (In-Out) ที่ป้องกันไฟกระชากในระบบเน็ตเวิร์ค

นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นม่านนิรภัยป้องกันไฟดูดจากการนำนิ้วจิ้ม หรือ ระบบตัดไฟเกินอัตโนมัติอย่าง ระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์ อีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ปลั๊กไฟ  ELECTON TE-ICOM5 ยังมีระบบการเสียบปลั๊กในรูปแบบทแยง เพื่อป้องกันการชนกันของปลั๊กไฟในรูปแบบต่างๆ 

ปลั๊กไฟตั้งเวลา ELECTON ET-M02U

มาต่อกันด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าตัวที่ 2 นั่นคือ "ปลั๊กไฟตั้งเวลา เปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ELECTON ET-M02U" โดยมันเป็นอุปกรณ์ที่มีไว้เพื่อ ช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร อาทิ ลืมปิดสวิตซ์ หรือ ลืมถอดปลั๊กออกจากเครื่องใช้ไฟฟ้า ก่อนออกจากบ้าน เป็นต้น ที่เพียงแค่ตั้งเวลาการใช้เปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น โดยมันสามารถใช้งานได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกประเภทมที่มีปลั๊กที่ใช้เชื่อมต่อ

การออกแบบ

ในด้านการออกแบบ "ปลั๊กตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ELECTON ET-M02U" โดยรวมแล้วมันถูกออกแบบมาให้มีการใช้งานที่ง่าย เนื่องจาก ด้านหน้าของตัวเครื่อง มีหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ เพื่อแสดงการตั้งค่าได้อย่างชัดเจน, มีปุ่มรีเซ็ตระบบ และ ปุ่มเลือกหมวดการใช้งานและตั้งค่าทั้ง 4 ปุ่ม ที่มี SET, ClOCK/OK, PROG และ UP/CLEAR ซึ่งการใช้งานปุ่มเหล่านั้น เราจะมาพูดกันด้านล่าง 

มาถึงในส่วนของด้านหลังตัวปลั๊ก ELECTON ET-M02U โดยมันมีการใช้หัวปลั๊กไฟในรูปแบบ 3 ขา (ในกรณีที่บ้านไม่มีปลั๊กที่รองรับการใช้งานแบบ 3 ขา ภายในกล่องมีปลั๊ก 2 ขา มาให้) และถ้าหากสังเกตดีๆ ด้านบนจะมีช่องเล็ก หนึ่งช่อง ซึ่งนั่นก็คือ ช่องใส่ถ่านนั่นเอง โดยมันจะมีการล็อกไว้อย่างดี (สามารถถอดได้แต่จำเป็นต้องใช้ไขควงหัวสามเหลี่ยมเพื่อไขออก)

วิธีการใช้งาน

แม้ว่าหากดูจากภายนอกแล้ว "ปลั๊กตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ELECTON ET-M02U" จะดูเหมือนไม่มีความสามารถอะไรเป็นพิเศษ แต่แท้จริงแล้วมันสามารถ ตั้งค่าโปรแกรมล่วงหน้าได้มากถึง 16 โปรแกรม ไม่ว่าจะเป็น การตั้งเวลานับถอยหลังเพื่อเปิด-ปิด เครื่องใช้ไฟฟ้า, การตั้งเวลาเพื่อเปิด-ปิด เครื่องใช้ไฟฟ้าตามเวลาที่กำหนด โดยมันจะตั้งได้ต่ำสุดเป็นเวลา 1 นาที ไม่ว่าจะนับถอยเพื่อเปิด-ปิด หรือ ตั้งตามกำหนดเวลาก็ตาม พร้อมทั้งยังรองรับการใช้งานกับเครื่องใช้ไฟฟ้าสูงถึง 3680W

ซึ่งก่อนจะใช้งานนั้นคุณจะต้องตั้งเวลาเครื่องให้ตรงกับเวลาในปัจจุบันก่อน ดังนี้

1. การตั้งเวลาปลั๊ก

• กดปุ่ม CLOCK ค้างไว้ 3 วินาที จากนั้นบนหน้าจอจะแสดง CLOCK SETTING เพื่อทำการตั้งเวลา

• กดปุ่ม SET เพื่อที่จะเลื่อนไปในจุดที่ต้องการตั้งค่า และกดปุ่ม UP เพื่อตั้งเวลาที่ต้องการ อาทิ HOUR (เลือกชั่วโมงที่ต้องการจาก 0-24 ชั่วโมง), MINUTES (เลือกนาทีที่ต้องการได้ 0-60 นาที), WEEKS (เลือกวันได้ทั้งแต่วันจันทร์ ถึง วันอาทิตย์) 
• กดปุ่ม OK

หมายเหตุ : ถ้าต้องการเปลี่ยนรูปแบบเวลาจาก 24 ชั่วโมง เป็น 12 ชั่วโมง ให้กดปุ่ม CLOCK กับ PROG พร้อมกัน

2. การตั้งเวลาเพื่อเปิด-ปิด เครื่องใช้ไฟฟ้า

• กดปุ่ม PROG เพื่อเข้าไปตั้งค่าโปรแกรม

•  เมื่อกดแล้วโปรแกรมจะขึ้นเป็นเลข 1 ด้านล่าง (เลข 1 ตรงนั้นหมายถึงเลขบอกโปรแกรมว่าเราใช้โปรแกรมที่เท่าไหร่อยู่

• กดปุ่ม SET เพื่อที่จะเลื่อนไปในจุดที่ต้องการตั้งค่า และกดปุ่ม UP เพื่อตั้งเวลาที่ต้องการ อาทิ HOUR (เลือกชั่วโมงที่ต้องการจาก 0-23 ชั่วโมง), MINUTES (เลือกนาทีที่ต้องการได้ 0-59 นาที), WEEKS (เลือกวันได้ทั้งแต่วันจันทร์ ถึง วันอาทิตย์) 
• กดปุ่ม OK
• เมื่อกลับมาที่หน้าจอหลักให้ปรับการใช้งานเป็น AUTO เพื่อใช้งานตามโปรแกรม (ปรับ ON จะเป็นการจ่ายกระแสไฟ และ ถ้าปรับเป็น OFF จะเป็นการปิดการจ่ายกระแสไฟ)

หมายเหตุ : การตั้งค่าโปรแกรม 1-16 หากต้องการให้โปรแกรมไหนทำงาน ให้เลือก ON หากต้องการยกเลิกให้ปรับเป็น OFF (กดปุ่ม PROG เพื่อปรับ ON - OFF โปรแกรมที่ใช้งานอยู่ หรือ ตั้งโปรแกรมใหม่ที่มีตั้งแต่ 2 - 16 นั่นเอง) 

3. การตั้งเวลาถอยหลังเพื่อเปิด-ปิด เครื่องใช้ไฟฟ้า 

• กดปุ่ม UP และ PROG พร้อมกัน เพื่อเข้าสู่การตั้งค่านับถอยหลัง

• กดปุ่ม SET เพื่อที่จะเลื่อนไปในจุดที่ต้องการตั้งค่า และกดปุ่ม UP เพื่อตั้งเวลาที่ต้องการ อาทิ HOUR (เลือกชั่วโมงที่ต้องการจาก 0-99 ชั่วโมง), MINUTES (เลือกนาทีที่ต้องการได้ 0-59 นาที)
• กดปุ่ม OK

หมายเหตุ : การตั้งเวลาถอยหลังเพื่อเปิดให้กดปุ่ม SET เพื่อเปลี่ยนให้เป็นการใช้งาน ON ที่หน้าจอปกติก่อนเข้าไปตั้งค่า และ การตั้งเวลาถอยหลังเพื่อปิดให้กดปุ่ม SET เพื่อเปลี่ยนให้เป็นการใช้งาน OFF ที่หน้าจอปกติก่อนเข้าไปตั้งค่า

สรุป

ข้อดี

• สามารถปรับการใช้งานได้มากถึง 16 แบบ ตามที่เราโปรแกรมได้
• สามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งกลางวันและกลางคืน
• รองรับการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้ามากมาย
• หน้าจอใหญ่ทำให้มองเห็นได้ง่าย 

ข้อสังเกต 

• มีระบบการใช้งานซับซ้อนเข้าใจยาก
• ใหญ่เกินไป ทำให้ไม่สะดวกต่อการใช้งาน

หลังจากได้ทดลองใช้งานหลายวัน คงต้องบอกว่า ปลั๊กตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ELECTON ET-M02U นั้นตอบโจทย์คนที่ขี้ลืม หรือต้องการปิดการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นเวลาโดยไม่ต้องเดินไปเอง อย่างมาก เนื่องจาก เพียงแค่ตั้งเวลาเปิด-ปิด ตามที่เราต้องการ ตัวเครื่อง ELECTON ET-M02U ก็จะทำการตัด หรือ ปล่อย กระแสไฟฟ้า ได้เองตามที่เราโปรแกรมไว้ 

ปลั๊กเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าอัตโนมัติ ELECTON ET-PIR01

มาถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าตัวสุดท้ายที่เราจะแนะนำ นั่นคือ "ปลั๊กเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าอัตโนมัติ ELECTON ET-PIR01" จัดว่าเป็น "ปลั๊กเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าอัตโนมัติ ELECTON ET-PIR01" ซึ่งเครื่องนี้ถ้าหากมองรูปแบบการใช้งานคร่าวๆ หลายคนคงคิดว่ามันก็คงคล้ายกับเครื่องตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าด้านบน แต่เราบอกได้เลยว่ามันต่างกันอย่างแน่นอน เพราะเจ้าเครื่องนี้มันจะทำการ เปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อัตโนมัติ ด้วยการตรวจจับอุณหภูมิ และการเคลื่อนไหวที่อยู่ในระยะ 6 เมตรนั่นเอง

การออกแบบ

จากรูปลักษณ์ภายนอก ปลั๊กเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าอัตโนมัติ ELECTON ET-PIR01 นั้น ด้วยความที่มันเป็นเครื่องเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ มันจึงมีการออกแบบที่เรียบง่ายไม่มีอะไรเลย นอกจากหัวปลั๊กแบบ 3 ขา (ในกรณีที่บ้านไม่มีปลั๊กที่รองรับการใช้งานแบบ 3 ขา ภายในกล่องมีปลั๊ก 2 ขา มาให้) กับเต้ารับเพื่อให้อุปกรณ์อื่นมาเสียบเท่านั้น 

การใช้งาน

(วิธีการใช้งานเครื่อง ELECTON ET-PIR01)

การใช้งาน ปลั๊กเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าอัตโนมัติ ELECTON ET-PIR01 ไม่มีอะไรซับซ้อน หรือเข้าใจยากเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากการใช้งานของมันก็เพียงแค่นำ ELECTON ET-PIR01 ไปเสียบเข้ากับปลั๊กไฟ หรือปลั๊กไฟภายในบ้าน และนำอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ มาต่อพ่วงเข้ากับ ELECTON ET-PIR01 ได้เลย โดยมันสามารถรองรับอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ทุกประเภท อาทิ หลอดไฟ, ไฟฉุกเฉิน, ไฟจับขโมยไมโครเวฟ, อุปกรณ์ทำอาหาร, ชาร์จมือถือรุ่นต่างๆ เป็นต้น

(เมื่อเดินผ่าน วิธีการใช้งานเครื่อง ELECTON ET-PIR01 จะทำงานทันที)

ซึ่งระบบการทำงาน ปลั๊กเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าอัตโนมัติ ELECTON ET-PIR01 จะเป็นการตรวจจับอุณหภูมิและการเคลื่อนไหวภายในระยะ 6 เมตร 100 องศา เมื่อตรวจจับจะเปิดเครื่องใช้และปิดภายใน 5 นาที ฉะนั้นถ้ายังมีคนภายในรัศมีเครื่องจะทำงานต่อเนื่อง นั่นเอง โดยมันรองรับการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าสูงสุดที่ 3680w

สรุป

ข้อดี

• ใช้งานง่ายเพราะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและอุณหภูมิ
• รองรับกำลังไฟได้มากถึง 3680W ฉะนั้นใช้งาน หลอดไฟ, โน้ตบุ๊ค, คอมพิวเตอร์ หรือเร้าเตอร์ (Router) ได้อย่างสบายๆ

ข้อสังเกต

• ตั้งโปรแกรมการใช้งานไม่ได้ ฉะนั้นหากมีสัตว์ที่อาศัยอยู่ในบ้าน เช่น หนู, แมว หรือสุนัข ระบบจะตรวจจับและทำงานทันที เนื่องจากเมื่อนำ ELECTON ET-PIR01 เสียบกับปลั๊กระบบก็จะทำงานโดยอัตโนมัติ

จากการใช้งาน ปลั๊กเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าอัตโนมัติ ELECTON ET-PIR01 แล้วนับว่าเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ตัวผู้ใช้ได้ดีทีเดียว เนื่องจาก เมื่อเราออกห่างจากระยะการใช้งานของมัน นั่นคือ 6 เมตร ตัวเครื่อง ELECTON ET-PIR01 จะทำการตัดกระแสไฟที่ปล่อยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ทันที

เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับ อุปกรณ์ไฟฟ้าทั้ง 3 ตัว ไม่ว่าจะเป็น ปลั๊กไฟกันกระชาก, ปลั๊กตั้งเวลา เปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า และปลั๊กเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าอัตโนมัติ บอกว่าได้เลยว่า ทุกตัวล้วนเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานทั้งสิ้น ซึ่งถ้าหากสนใจก็สามารถติดต่อและสอบถามรายละเอียดได้ที่ Thaiware Shop