สำหรับคนที่ฝันอยากจะมีโรงภาพยนตร์แบบส่วนตัวภายในบ้าน ทุกวันนี้ก็มีทั้งทีวีจอยักษ์และโปรเจคเตอร์คุณภาพสูงมากมายในท้องตลาดให้เลือกใช้งาน แต่ล่าสุดค่ายเบนคิวได้เรียกเสียงฮือฮาด้วยการเปิดตัวโปรเจคเตอร์ BenQ W11000 4K UHD THX Certified Home Cinema Projector โดยโปรเจคเตอร์รุ่นนี้เป็นโปรเจคเตอร์แบบ DLP ความละเอียดสูงระดับ 4K รุ่นแรกของโลกที่ผ่านการรองรับมาตรฐาน THX CERTIFIED
THX CERTIFIED คือ มาตรฐานของเสียงและภาพ ถูกใช้อย่างหลากหลาย ทั้งในวงการโรงภาพยนตร์, โฮมเธียเตอร์, เครื่องเกมส์, เครื่องเสียงรถยนต์ เป็นต้น ก่อตั้งโดยผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง George Lucas ตั้งแต่ปี 1982 โดยมีวัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง เพื่อรับรองคุณภาพของภาพและเสียงที่ผู้ชมจะได้รับชมและฟัง
BenQ W11000 สามารถฉายภาพได้ที่ความละเอียด 8.3MP สร้างภาพ 4K (3840 x 2160 พิกเซล) ได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่ผ่านการอัพสเกล ทำให้ภาพที่ได้มีคุณภาพคมชัดสมจริง และยังแสดงผลสีได้มาตรฐาน Rec. 709 อีกด้วย ด้านความสว่างก็สามารถทำได้ถึง 50,000:1 ภาพที่เราได้รับชมจะใกล้เคียงกับที่เราเห็นในโรงภาพยนตร์เลยล่ะ
BenQ W11000 มีตัวเครื่องสีดำ สวยหรู การออกแบบประณีตทุกมุมมอง ตัวเครื่องสามารถวางเพื่อประดับเป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องได้เลยล่ะ
บนตัวเครื่องสกรีนจุดเด่นเป็นสีทอง ตัดกับผิวตัวเครื่องที่เป็นสีดำได้อย่างลงตัว อย่างเช่น การได้รับรอง THX Certified, ระบบสี Rec.709 เป็นต้น
เลนส์ฉายภาพขนาดใหญ่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ด้านข้างของเลนส์ฝั่งขวาจะเป็นช่องที่ดูดลมเย็นเข้า ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นช่องระบายลมร้อนออก
ไฟแสดงสถานะการทำงานของตัวเครื่อง 3 จุด ประกอบไปด้วย POWER (ไฟแสดงสถานะเปิด/ปิด)/ TEMP (ไฟเตือนอุณหภูมิ)/ LAMP (ไฟแสดงสถานะของหลอดไฟ)
ด้านบนของตัวเครื่อง มีปุ่มสำหรับหมุนเลนส์เลื่อนเลนส์ (ขึ้น/ลง, ซ้าย /ขวา) ทำให้เราสามารถปรับทิศทางของภาพได้อย่างอิสระมากกว่าโปรเจคเตอร์ทั่วๆ ไป
โปรเจคเตอร์ส่วนใหญ่จะเอาช่องเสียบต่างๆ ไว้ด้านหลังของตัวเครื่อง แต่สำหรับ BenQ W11000 จะเอาไว้ที่ด้านข้างของตัวเครื่องฝั่งขวาแทนครับ ประกอบไปด้วย (ไล่จากซ้ายไปขวา) LAN RJ45, แจ็ค IR-IN (สําหรับการใช้สายเคเบิลแบบขยายสําหรับอินฟราเรด), แจ็ครับสัญญาณเข้า RGB (PC), พอร์ตอินพุท HDMI (เวอร์ชัน 2.0), พอร์ตอินพุท HDMI (เวอร์ชัน 1.4a), USB Mini-B, ช่องเสียบสัญญาณออก 12 VDC ส่งสัญญาณให้กับอุปกรณ์ภายนอก เช่น หน้าจอไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ควบคุมแสงไฟ, พอร์ตควบคุม RS-232
ปุ่มควบคุมจะมีฝาปิด ซ่อนปุ่มเอาไว้ภายใน ใต้แผงปุ่มจะมีช่องสำหรับใส่ตัวล็อกป้องกันการโจรกรรม Kensington
ด้านล่างของตัวเครื่อง มีรูสำหรับติดตั้งขายึดเข้ากับเพดาน และขาตั้งปรับระดับความสูงได้
เนื่องจากตัวเครื่องค่อนข้างหนัก ขาตั้งจึงใช้วิธีปรับความสูงด้วยการหมุนเกลียว ทำให้มั่นใจได้เลยว่า ขาจะยึดความสูงอยู่ได้อย่างแน่นอน
รีโมทคอนโทรลทำมายาวทีเดียว แต่ละปุ่มทำมาใหญ่มาก กดง่าย ไม่มีกดผิดแน่นอนแม้จะเป็นคนที่นิ้วใหญ่ก็ตาม แต่ก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน เป็นการยากที่เราจะใช้รีโมทด้วยมือเพียงข้างเดียว เนื่องจากปุ่มเรียงกันค่อนข้างยาว
รีโมทมีไฟในตัว ทำให้การใช้งานในห้องมืดไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ไฟเห็นชัดทุกปุ่ม ใช้พลังงานจากถ่าน AAA จำนวน 2 ก้อน
ต้องบอกเลยว่า โปรเจคเตอร์รุ่นนี้ฉายภาพได้คมชัดมาก เราทดลองฉายจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ สามารถเห็นพิกเซลได้อย่างชัดเจนเลย แม้จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ บนหน้าจอ โปรเจคเตอร์รุ่นนี้ก็สามารถเก็บรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน
ภาพที่ BenQ W11000 ทำได้ ไม่ทำให้เราผิดหวังแต่อย่างใด การไล่โทนสี, สกินโทนของผิว, แสงเงา สามารถไล่โทนได้อย่างสวยงาม สมบูรณ์แบบ คือ มันไม่ดำเป็นปื้น สีดำจะมีการไล่โทนเป็นชั้นๆ อย่างสวยงาม (ลองดูภาพที่เป็นฉากกลางจักรวาล) ในขณะที่โทนสว่างก็มีการไล่ระดับได้ดีไม่แพ้กัน เก็บรายละเอียดภาพมาได้ครบทุกเม็ดเลยล่ะ
User Interface ของโปรเจคเตอร์ BenQ W11000 ออกแบบมาได้เข้าใจง่ายดีครับ แยกหมวดหมู่อย่างชัดเจน เราสามารถค้นหาค่าที่ต้องการปรับแต่งได้อย่างง่ายดาย
เราสามารถปรับได้ตั้งแต่ค่าสี, ความสว่าง และแกมม่า แต่ที่เราแอบแปลกใจ คือ ไม่มีเมนู Keystone (การปรับภาพเพี้ยน) ให้เราปรับ แต่พอเรานึกได้ว่าโปรเจคเตอร์รุ่นนี้สามารถปรับทิศทางของเลนส์ในการฉายภาพได้โดยตรง (Lens Shift) ทำให้เราเข้าใจได้เลยว่าทำไมทางเบนคิวถึงไม่ใส่ Keystone มาให้ เพราะตัวฮาร์ดแวร์สามารถปรับทิศทางของภาพได้อยู่แล้วนั่นเอง
ด้วยความที่ราคาของโปรเจคเตอร์ที่สามารถให้ภาพดีๆ นั้น มีราคาค่าตัวที่สูงพอสมควรเลย ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า ซื้อทีวีจอใหญ่ๆ ไปเลย ไม่ดีกว่าเหรอ เราคิดว่าทั้งโปรเจคเตอร์และทีวี มีข้อดี/ข้อเสียที่แตกต่างกันอยู่นะครับ
สมมติว่าเราต้องการหน้าจอแสดงผลสัก 100-200 นิ้ว หากเราจะซื้อทีวีที่หน้าจอขนาดใหญ่เท่านี้ล่ะก็ ต้องใช้เงินหลายแสนไปจนถึงหลักล้านบาทเลยล่ะ และทีวี 4K ขนาด 200 นิ้ว ก็ไม่มีขายทั่วในท้องตลาดนะครับ แต่ถ้าเป็นโปรเจคเตอร์ล่ะก็ ใช้เงินไม่กี่พัน หรือรุ่นดีๆ ไม่กี่หมื่น ก็สามารถได้ภาพระดับ 100-200 นิ้วแล้ว แต่ทั้งนี้โปรเจคเตอร์จะมีค่าใช้จ่ายแฝงในตัวของหลอดฉายภาพด้วย
ถ้าต้องการสีที่สดใส และหน้าจอสว่างๆ โดยไม่ต้องคำนึงถึงสภาพแสงของห้อง ทีวีก็จะตอบโจทย์ได้ดีกว่าโปรเจคเตอร์มากเลยล่ะ แต่หากต้องการความรู้สึกของภาพบนจอที่มีกลิ่นอายแบบในโรงภาพยนตร์ล่ะก็ โปรเจคเตอร์จะให้โทนภาพที่ใกล้เคียงกว่าด้วยครับ และด้วยความที่แสงสว่างน้อยกว่า ทำให้มันถนอมสายตาของเราในระยะยาวกว่าด้วยล่ะ
ทีวีนั้นจะตั้งตรงไหนก็ได้ และพร้อมใช้งานได้ทันที ส่วนโปรเจคเตอร์นั้น แม้ตัวเครื่องจะขนย้ายง่ายกว่า แต่เราจะมาลำบากตรงการหาพื้นที่รับภาพ และต้องควบคุมความสว่างภายในห้องด้วย ก็มีข้อดีข้อเสียคนละอย่าง
จุดที่เราชอบ
| จุดที่เราไม่ชอบ
|
ใครที่อยากมีโรงภาพยนตร์ส่วนตัวภายในบ้าน BenQ W11000 เป็นโปรเจคเตอร์รุ่นแรกของโลกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก THX CERTIFIED ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่น่าสนใจเลยล่ะ เรามั่นใจได้เลยว่าเจ้าเครื่องนี้จะถ่ายทอดภาพได้อย่างสวยงามแม้ว่าราคาจะค่อนข้างสูงพอสมควร แต่หากคุณเป็นคนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบแล้วล่ะก็ โปรเจคเตอร์รุ่นนี้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้อย่างแน่นอน
ใครที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ BenQ (Thailand) เบอร์โทรศัพท์ 02-670-0310 ต่อ 116 ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 -17.30 น. เลยครับ
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |