หากพูดถึงแบรนด์มือถือยักษ์ใหญ่ ปัจจุบันนี้ทุกคนคงจะคิดถึง Apple, Samsung หรือไม่ก็ Huawei แต่หากเป็นสมัยก่อน ยุคที่มือถือเริ่มกลายเป็นปัจจัยที่ 5 แล้วล่ะก็ ไม่มีค่ายไหนจะมีชื่อเสียงไปกว่าแบรนด์ Nokia อีกแล้ว ในตอนนั้น Nokia ผลิตมือถือออกมาหลายรุ่นถี่มาก แถมขายดีทุกรุ่นซะด้วย มีรุ่นในตำนานมากมายที่น่าจดจำ ที่สำคัญคุณภาพและดีไซน์เป็นที่ยอมรับว่าสวยและทนทาน
แต่หลังจากที่ Apple เปิดตัว iPhone และ Google เปิดตัว Android ทาง Nokia ได้เดินเกมส์ผิด ด้วยความเชื่อมั่นในระบบ Symbian ของตนเองที่มากเกินไป ทำให้ปรับตัวตามยุคสมัยไม่ทัน แม้ภายหลังจะปรับตัวไปร่วมกับไมโครซอฟต์ทำ Windows Phone แต่ Windows Phone ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเช่นเดียวกัน (จุดนี้ที่จริงก็ไม่ใช่ความผิดของ Nokia สักเท่าไหร่) ทำให้ในที่สุดชื่อแบรนด์ Nokia ก็ค่อยๆ ถูกลืมไป แต่ตอนนี้ Nokia กำลังกลับมาอีกครั้ง ในรุ่น Nokia 3, Nokia 5 และ Nokia 6 ซึ่งทั้ง 3 รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 7 Nougat ซะด้วย
ทั้งสามรุ่นนี้ เป็นสมาร์ทโฟนกลุ่มแรกจากบริษัท HMD Global ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android โดย HMD Global เป็นบริษัทที่ซื้อลิขสิทธิ์ Nokia มาใช้ และทีมพัฒนาและซีอีโอก็เป็นอดีตหัวกะทิของบริษัท Nokia เกือบทั้งหมด จะเรียกว่าเป็นบริษัทที่ก่อตั้งมาเพื่อสืบทอดชื่อของ Nokia เลยก็ว่าได้ ซึ่งผมก็เคยเป็นแฟนบอยของ Nokia มาก่อน พอทราบข่าว เลยรีบหาเครื่องมาทำรีวิวเลยล่ะ ซึ่งรุ่นที่ผมหามาได้ คือ Nokia 6
อันที่จริง Nokia 6 วางขายในจีนมาตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมแล้วล่ะ แต่ในตอนนี้เพิ่งเปิดตัวในไทยที่งาน TME 2017 รอบกลางปี วันที่ 18-21 พฤษภาคม ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และจะวางขายในบ้านเราในเดือนมิถุนายน ที่จะถึงนี้ เราเลยไปจัดมารีวิวให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษากันก่อนเลย
ในภาพรวม Nokia 6 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีสเปคอยู่ในระดับกลาง เมื่อเทียบกับราคาแล้วมีสเปคที่น่าสนใจมากทีเดียว เครื่องเป็นโลหะงานเนี้ยบตามสไตล์ Nokia ไหนจะกล้องหลัง 16MP ที่ใส่ระบบ PDAF มาให้ด้วย และลำโพงคู่ที่มาพร้อม Dolby Atmos ในราคา 7,990 บาท ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากทีเดียวครับ
หลังจากแกะกล่องออกมา สัมผัสแรกที่ผมรู้สึกในทันทีที่ถือ Nokia 6 ไว้ในมือ คือ ความแข็งแกร่ง อันนี้ไม่ได้มุก แต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ผิวสัมผัสโลหะเรียบเนียน น้ำหนักในมือกำลังพอเหมาะ แม้ผมจะมั่นใจว่ามันคงไม่ทนเท่ารุ่น 3310 ในตำนาน แต่เรื่องความทนทานและคุณภาพการผลิตของ Nokia เรายังสัมผัสสิ่งนั้นได้ใน Nokia 6
ตัวเครื่องทาง Nokia ได้ระบุว่าทำจากอลูมิเนียมเพียงชิ้นเดียวในการปาดขึ้นรูปเป็นตัวเครื่อง ผลิตโดยโรงงานของ Foxconn ที่ชำนาญด้านการผลิตมือถืออยู่แล้ว ใครที่ชื่นชอบ iPhone 5s ผมว่า Nokia 6 ให้สัมผัสคล้ายๆ กันเลยล่ะ
อย่างไรก็ตามผิวของตัวเครื่องทั้งโลหะด้านหน้าหลังและกระจกด้านหน้าค่อนข้างเป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย แม้จะเช็ดออกได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่บางคนน่าจะรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
ด้านหลังของตัวเครื่องสลักโลโก้ Nokia เอาไว้ตามธรรมเนียม ตัวกล้องหลังยื่นออกจากตัวเครื่องเล็กน้อย ดีไซน์กล้องหลังมาเหมือนมือถือทั่วไป แต่ดูธรรมดาไปนิดสำหรับ Nokia ที่ปกติมักจะมีกรอบรอบตัวกล้องหลังด้วย
มาดูด้านหน้าของตัวเครื่องกันบ้าง หากมองผ่านๆ ด้านหน้าของตัวเครื่องแทบจะเป็นสีดำสนิทเลย มีแค่เฉพาะโลโก้ Nokia ด้านขวาบนเท่านั้น ปุ่มด้านหน้าจะเป็นแบบสัมผัสทั้งหมดรวมไปถึงปุ่ม Home ด้วย ซึ่งพอแตะจะมีการสั่นตอบสนองเหมือนกับบน iPhone 7 เลยล่ะ ตัวปุ่มนี้ยังทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้วยนะ ทำงานได้ไวใช้ได้เลย
ปุ่ม Power และปุ่ม Volumes อยู่ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่อง มีสีเดียวกับขอบของตัวเครื่องดูกลมกลืนไปด้วยกัน ส่วนฝั่งซ้ายมีถาดซิมที่ใส่ได้ 2 ซิม หรือจะ 1 ซิม 1 microSD ก็ได้ รุ่นนี้ใช้ 4G พร้อม 3G ได้ แต่ไม่สามารถใช้ 4G พร้อมกันทั้งสองซิมได้นะครับ
ด้านล่างมีพอร์ทสำหรับชาร์จแบตเตอรี่และเชื่อมต่อข้อมูล น่าเสียดายที่ยังไม่เลือกใช้ USB-C ผมมองว่ามือถือรุ่นใหม่ในยุคนี้ควรเปลี่ยนเป็น USB-C ได้แล้วนะ มีจุดที่ฟินเล็กๆ คือ พอร์ท, ไมค์ และลำโพง วางขนาดกันพอดีเป๊ะ สมเป็น Nokia ที่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ บางค่ายขนาดเป็นรุ่นเรือธงยังวางมาแบบไม่สมมาตรเลย เห็นแล้วก็หงุดหงิด ไม่ส่งผลต่อการใช้งานก็จริง แต่ก็ส่งผลต่อจิตใจ
Nokia 6 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android รุ่นล่าสุด 7.1.1 ที่สำคัญเป็น Pure Android ทำให้ทันทีที่ Google ออกเวอร์ชันใหม่ออกมา หากรองรับการทำงานร่วมกับชิปของ Snapdragon ภายในเครื่องแล้ว Nokia 6 ก็จะสามารถอัพเดทได้ในทันทีเลยล่ะ
ใครเบื่อพวกแอปฯ ที่ทางผู้พัฒนายัดมาพร้อมรอม โดยที่เราไม่ได้อยากใช้ จะไม่เกิดกับรุ่นนี้ เพราะอย่างที่เราบอกว่า Nokia 6 เป็น Pure Android ที่ปราศจากการปรับแต่ง การทำงานของรอมจึงลื่นไหลเป็นอย่างมาก
จากการลองใช้งานในหลายๆ ด้าน เราค่อนข้างพึงพอใจนะ อย่างเล่นเกมส์ที่กินกราฟิกพอสมควรอย่าง Realm of Valor (RoV) ก็ค่อนข้างลื่นทีเดียว เฟรมเรทไม่มีตก (ในภาพนี่ขนาดเล่นไปสั่งบันทึกวิดีโอหน้าจอไปด้วยนะ)
การเล่นเว็บไม่มีปัญหา แสดงผลหน้าเว็บได้อย่างรวดเร็ว และเลื่อนอ่านข้อมูลบนเว็บไซต์ได้ไม่มีสะดุด (ทดสอบด้วยแอปฯ Chrome)
รองรับการใช้งานแบบ 2 หน้าจอ ทำงานได้สะดวก พิมพ์งานไป เปิด YouTube ไปก็สะดวก ด้วยแรม 3GB การใช้งานจึงไม่มีปัญหากระตุกแต่อย่างใด
Google Now ก็มีให้ใช้ รับคำสั่งด้วยเสียง ทำงานได้อย่างชาญฉลาด รองรับภาษาไทยด้วยนะ
กล้องมีโหมดให้เลือกใช้ 3 รูปแบบ คือ พาโนราม่า, ทัชอัพ และภาพถ่าย โดยพาโนราม่าใช้สำหรับถ่ายภาพมุมกว้างเป็นพิเศษ, ทัชอัพเป็นโหมดหน้าเนียนปรับระดับความเนียนได้ 4 ระดับ และสุดท้ายโหมดภาพถ่ายจะเป็นการถ่ายภาพแบบปกติทั่วไป
กล้องสามารถบันทึก Geotag ตำแหน่งที่ถ่ายภาพได้ด้วย GPS ภายในสมาร์ทโฟน ตั้งค่าให้แสดงระดับน้ำ และตารางจุดตัด 9 ช่อง ได้ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ Nokia 6 ภาพทั้งหมดไม่ได้ปรับแต่งค่าสีและแสงแต่อย่างใด สำหรับคุณภาพที่ได้ ผมค่อนข้างพอใจกับคุณภาพที่ได้ การวัด WB แม่นยำมาก การบันทึกภาพในสภาวะแสงมากพอทำงานได้ดี แต่ในสภาวะแสงน้อยกล้องโฟกัสได้ค่อนข้างช้า
ลองซูมขยายภาพ 200% (จากตำแหน่งในกรอบสีแดงของภาพบน) กล้องเก็บรายละเอียดได้ดีพอสมควร
ภาพถ่ายจากกล้องหน้า ด้วยการใช้โหมด "ทัชอัพ" ปรับระดับความเนียนได้ตามต้องการ 4 ระดับ กล้องหน้ามีความคมชัดพอสมควร สาวๆ ที่ชอบ Selfie น่าจะถูกใจ
จากการใช้ AnTuTu Benchmark วัดผล Nokia 6 ทำคะแนนได้ 46857 การเล่น 3D อยู่ในระดับกลางๆ ในส่วนของ CPU รองรับการทำงานร่วมกับแอปฯ ที่ใช้ทรัพยากรสูงๆ ได้ รวมถึงการมัลติทาสกิ้งได้ดี
*ทดสอบด้วย Nokia 6 รุ่นแรม 4GB
จุดที่เราชอบ
| จุดที่เราไม่ชอบ
|
การกลับมาของ Nokia ในครั้งนี้ ถือว่าทำการบ้านมาดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกแบบ และการเลือกใช้ซอฟต์แวร์เป็น Pure Android อย่างไรก็ตาม เรามองว่า Nokia ยังกั๊กของไว้อยู่ อย่างกล้อง Nokia Pureview ที่สร้างชื่อเอาไว้ ยังเป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่าแฟน Nokia หลายคนรอคอยอยู่ หากรุ่นถัดไป จัดสเปคหนักๆ และมาพร้อมกล้อง Pureview น่าจะเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจมากอย่างแน่นอน
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |
ความคิดเห็นที่ 1
10 มิถุนายน 2560 13:57:40
|
||
GUEST |
ชาย
ขอบคุณครับ เครื่องต่อไปที่ผมจะซื้อคือ ตัวนี้หละ 555
|
|