จุดที่เราชอบ
| จุดที่เราไม่ชอบ
|
นานมาแล้วเราเคยรีวิวสมาร์ทโฟนของ Xiaomi รุ่น Mi Mix ซึ่งตอนนั้น เราชอบมันมากทีเดียวนะ ติดแค่เรื่องกล้องที่ทำมาได้น่าผิดหวังไปหน่อย จนมาถึงวันนี้ทาง Xiaomi ได้เปิดตัว Mi Mix 2S ซึ่งเป็นเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด เปิดราคามาแบบที่ต้องร้องว่าตู้วหูวว ส่วนข้างในจะแรง ข้างนอกจะสวยแจ่มขนาดไหน มาติดตามไปพร้อมๆ กันเลยครับ
สำหรับ Mi Mix 2S ยังคงการออกแบบโดยรวมเอาไว้เหมือนกับรุ่นก่อนอย่าง Mi Mix 2 แต่ว่าวัสดุมีความเปลี่ยนแปลงนะครับ Mi Mix รุ่นก่อนๆ นั้น จะเป็นเซรามิค (Ceramic microcrystalline zirconium oxide (ZrO2)) ทั้งตัวทั้งฝาหลัง กรอบข้าง ปุ่มกด ยันกระจกหน้า แต่ว่า Mi Mix 2S จะเป็นเซรามิคเฉพาะด้านหลังนะครับ
โน้ตจากผู้เขียน : เซรามิคนั้นมีข้อดีตรงทนทานต่อการขีดข่วนสูงมาก และคลื่นสัญญาณต่างๆ สามารถส่งทะลุผ่านได้ง่ายกว่าด้วย แต่ข้อเสีย คือ มันมีความเปราะ ทนทานต่อแรงกระแทกได้ค่อนข้างน้อย
ด้านข้างของ Mi Mix 2S ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นอลูมิเนียม และกระจกด้านหน้าใช้ Gorilla Glass 4 แม้ว่าในภาพรวมเครื่องอาจจะดูไม่หรูเท่ารุ่นก่อน แต่เอาจริงๆ ผมชอบแบบนี้มากกว่านะ วัสดุใน Mi Mix 2S น่าจะทำให้โอกาสรอดเวลาทำเครื่องตกสูงกว่าเดิม
หน้าจอกว้างถึง 5.99 นิ้ว สัดส่วนภาพ 18:9 มาพร้อมความละเอียด 2160x1080 พิกเซล ความหนาแน่นอยู่ที่ 403PPI แม้ว่าจะไม่ได้เท่าพวกจอ 2K/4K แต่ผมว่าเท่านี้ก็สวยมากแล้วล่ะ ด้านสีไม่ต้องเป็นห่วง ขอบเขตสีได้มาตรฐาน DCI-P3 จะดูรูป ดูหนัง สีก็ออกมาแม่นยำอย่างแน่นอนครับ แถมยังรองรับ HDR ด้วยนะ
กล้องหน้ายังอยู่ที่มุมขวาล่างเหมือนเคย มีความไม่ชินเหมือนกันเวลา Selfie ที่ต้องกลับหัวเครื่องอีกที แต่ใช้ๆ ไปก็ชินครับ ก็ต้องเลือกอ่ะเนาะ ว่าจะเอาจอแหว่ง หรือจะกลับหัวเครื่องเอา
มาดูที่ด้านหลังกันบ้าง ฝาหลังเซรามิคให้ความรู้สึกหรูหราอย่างที่วัสดุอื่นให้ไม่ได้ (จริงๆ นะ) มีตัวอักษรสีทอง MI MIX DESIGNED BY XIAOMI กล้องหลังถูกวางมาในแนวตั้ง มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ตรงกลาง จากการทดสอบของเราทำงานได้เร็วมากฮะ แค่แตะก็ปลดล็อกเครื่องเข้าหน้า Homescreen ได้ในทันที (ไม่จำเป็นต้องเปิดจอก่อน)
ภายใต้ฝาหลังเซรามิคนี้มีซ่อนระบบชาร์จแบบไร้สายเอาไว้ด้วย เท่าที่ผมเช็คข้อมูล ถ้าผมไม่เข้าใจผิด นี่น่าจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ Xiaomi ที่ใส่เทคโนโลยีชาร์จแบบไร้สายเข้ามา โดยใช้มาตรฐาน QI ในการทำงานนะครับ รองรับการชาร์จเร็วแบบไร้สายด้วยที่ 7.5W
กล้องหลังของ Mi Mix 2S มีการปรับปรุงให้ทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก และมีการนำระบบ Artificial intelligence มาใช้ในกล้องด้วย เป็นกล้องคู่ตามสมัยนิยม ตัวหนึ่งจะเป็นเลนส์มุมกว้าง 12 MP มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 4 แกน, f/1.8 อีกตัวเป็นเลนส์เทเลโฟโต้ 12MP f/2.4 รอบๆ ตัวกล้องจะมีเล่นสีทองด้วย ตัดกับสีของบอดี้ ดูสวยดีครับ
ในส่วนของสเปคกล้องนั้นจะเห็นได้ว่าทั้งความละเอียด, ค่ารูรับแสงนั้นเหมือนกับกล้องของ iPhone X ทุกประการเลย อยากจะบอกว่าเวลาถ่ายหน้าชัดหลังเบลอการทำงานก็เหมือนกันนะครับ คือ ต้องส่องให้เข้าระยะ ถึงจะเกิด Depth effect (หน้าชัดหลังเบลอ) และหลังถ่ายจะไม่สามารถแก้ความเบลอได้แล้ว ไม่ได้เป็นเหมือนของค่ายอื่นๆ ที่สามารถหน้าชัดหลังเบลอที่ระยะไหนก็ได้ แก้เมื่อไหร่ก็ได้
ปุ่ม Power และปุ่มเพิ่ม/ลด เสียง อยู่ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่อง ทำมาสีเดียวกันกับขอบเครื่อง ปุ่มแน่นดี มีความรู้สึกว่าน่าจะกดได้ยาวๆ ไม่พังง่ายๆ แน่นอน ส่วนอีกฝั่งของตัวเครื่องจะเป็นที่พักพิงของถาดใส่ซิม ซึ่งสามารถใส่นาโนซิมได้พร้อมกัน 2 อันครับ
มาดูด้านล่างกันบ้าง ข่าวร้ายสำหรับคนที่ยังใช้หูฟังแบบมีสายอยู่ เนื่องจากรูหูฟัง 3.5 มม. ได้หายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เพียงช่อง USB-C เพียงช่องเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในกล่องมีแถมอะแดปเตอร์แปลง USB-C เป็นรูหูฟัง 3.5 มม. มาให้ด้วยนะ
รูด้านล่างข้างๆ ช่องชาร์จนั้นเป็นลำโพง เสียงดัง และมีมิติใช้ได้เลยล่ะ อย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่ Mi Mix 2S มีลำโพงแค่ตัวเดียว ถ้าเป็นสเตอริโอเจ้าสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ น่าจะสมบูรณ์แบบกว่านี้
โน้ตจากผู้เขียน : เราค้นพบว่าจริงๆ ที่รูลำโพงด้านบนของตัวเครื่องก็ปล่อยเสียงออกมาเวลาเล่นเพลงหรือวิดีโอ แต่ว่าเสียงจะเบากว่าลำโพงล่างค่อนข้างมาก (น่าจะเบากว่าราวๆ 10 เท่า) และบนเว็บของ Xiaomi ก็ระบุว่ามีลำโพงแค่จุดเดียว คือ ที่บริเวณด้านล่าง ดังนั้นเราจึงขอระบุว่ามือถือรุ่นนี้มีลำโพงแค่ตัวเดียวนะครับ
Mi Mix 2S นั้นมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 8.0 และครอบด้วย MIUI เวอร์ชัน 9.5.4.0 ว่ากันตรงๆ เราไม่ค่อยปลื้มกับ MIUI ในเวอร์ชันก่อนๆ มากนัก เนื่องจากรู้สึกมันทำงานได้ค่อนข้างอืด แต่หลังจากได้ลองใช้ MIUI 9.X แล้ว ก็ต้องยอมรับว่ามันพัฒนามาไกล และทำงานได้ดีกว่าก่อนเยอะ
ว่ากันตรงๆ รอม MIUI นั้น ช่วงแรกๆ ที่พัฒนาขึ้นมาได้โดนข้อครหาว่าพยายามเลียนแบบ iOS แต่เรื่องนั้นสำหรับเราแล้วไม่ใช่ประเด็นสำคัญสักเท่าไหร่ เอาจริงๆ ในฐานะคนที่ใช้ iPhone เป็นเครื่องหลักอย่างผม มองว่ามันเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ เพราะมันทำให้พอมาใช้งานแล้ว เริ่มต้นเรียนรู้ได้ไม่ยาก
ถ้าเป็นธีมแบบมาตรฐานเริ่มต้น หน้า Lock screen จะมีชอทคัทแค่เพียงเข้ากล้องให้เลือกใช้งาน แต่หากเราเปลี่ยนธีม ข้อมูลการแสดงผลในหน้า Lock screen และชอทคัท ก็จะเปลี่ยนไปตามธีมที่เลือกด้วยนะครับ เช่น บางธีม มีชอทคัทเปิดไฟฉายเพิ่มเข้ามา
ภาพซ้าย คือ ธีมเริ่มต้น ภาพขวา คือ ธีมที่ดาวน์โหลดมาเพิ่ม
หน้า Home screen จะไม่มีหน้า App Drawer เวลาดาวน์โหลดแอปฯ เพิ่มเข้ามา ตัวแอปฯ จะวางเรียงต่อกันไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าเราสามารถสร้างโฟลเดอร์รวมแอปฯ เอาไว้ในช่องเดียวกันได้
ชอทคัทในหน้าต่าง Notification center ดูเรียบง่าย สะอาดตาดี และมีชอทคัทให้อย่างครบครัน เราสามารถปรับลำดับการแสดงผล รวมถึงลบชอทคัทที่ไม่ต้องการออกได้ด้วย (ปรับที่เมนู Toggle positions ใน Settings)
หน้ามัลติทาส์กเป็นรูปแบบ "ไพ่" ดูง่ายดี สามารถสั่ง Split screen ได้ด้วยจากในหน้านี้
การใช้งาน 2 แอปฯ พร้อมกัน (Split screen) ทำได้ดีทีเดียว ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน เล่นเกมส์ไป ทำงานไปก็ได้
การควบคุมแบบใหม่ ที่ไม่ต้องใช้ 3 ปุ่มอรหันต์เหมือนเก่า !
ผู้ใช้แอนดรอยด์คงจะชินกับการใช้ 3 ปุ่มมาตรฐานกันดี (ปุ่มโฮม, ปุ่มถอย และปุ่มมัลติทาร์ก) แต่ใน MIUI 9 ได้มีระบบแสดงผลแบบเต็มๆ ที่ไม่ต้องใช้เจ้า 3 ปุ่มนี้ด้วย เรียกว่าโหมด Full screen gesture
การใช้งาน Full screen gesture จำเป็นจะต้องเรียนรู้วิธีการใช้งานเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ยากอะไรครับ หากใครใช้ iPhone X มาก่อน ยิ่งเรียนรู้ง่ายเลย
โดยรวมแล้ว รอม MIUI ก็ทำมาได้ดีครับ บนเครื่องที่ให้แรมมาถึง 6GB เราไม่รู้สึกว่ามันทำงานได้ช้าหรืออืดแต่อย่างใด แม้ว่าจะมีพวก Bloatware เยอะไปหน่อย แต่เราก็สามารถลบมันออกไปได้ไม่ยาก
AI ในกล้องของ Mi Mix 2S จะวิเคราะห์ได้ว่าเรากำลังจะถ่ายภาพอะไรอยู่ แล้วตั้งค่าแสง และสีให้เหมาะสมกับสิ่งที่เราถ่ายได้โดยอัตโนมัติ โดยระบบสามารถตรวจจับได้ถึง 206 ฉาก จากใน 25 หมวดหมู่ได้อย่างแม่นยำ
อย่างในภาพด้านล่างนี้ ภาพแรกจะเห็นว่าสีอาหารดูไม่ค่อยสด ไม่น่ากินเท่าไหร่ ส่วนภาพที่สองเราถ่ายด้วยโหมด AI (สังเกตว่า AI ได้ตรวจพบว่าเรากำลังถ่ายภาพอาหาร ไอคอนได้เปลี่ยนเป็นรูปช้อนส้อม) ภาพจะมีการปรับโทนสีให้ดูน่ากินมากกว่าเดิม
หรือหากถ่ายคน ก็จะเลือกปรับแสงได้ว่าจะเอาแบบ CONTRE-JOUR (ถ่ายแบบย้อนแสง) หรือ SILHOUETTE (ถ่ายแบบให้มีความตัดกันของแสง เช่น เป็นเงาดำกลางแสงสว่าง)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง อันนี้ภาพจะดูมืดหน่อยนะครับ เนื่องจากช่วงนี้ฟ้าครึ้ม ฝนตกทุกวันเลย ไม่มีวันไหนที่ฟ้าเปิดเลย เท่าที่ผมลองถ่าย WB ทำได้ดีเลยล่ะ สีค่อนข้างตรง คาแรคเตอร์สีค่อนข้างธรรมชาติ ไม่ได้เน้นปรับให้คอนทราสเยอะ สีสดๆ เหมือนที่เดี๋ยวนี้หลายค่ายนิยมกัน ภาพใช้โหมด Auto บ้าง, โหมด AI บ้าง และโหมด Portrait สลับๆ กันครับ
ถ่ายช่วงเย็นๆ 15.-17.00 โดยประมาณ ฟ้าครึ้มฝน (ภาพสดจากกล้อง ไม่มีการแต่งรูปใดๆ ทั้งสิ้น)
ถ่ายช่วงค่ำ 18.00 - 19.00 โดยประมาณ ในที่แสงไม่มากนัก พบว่าระบบกล้องจะพยายามปรับภาพให้สว่างขึ้นอัตโนมัติ
มาดูกล้องหน้ากันบ้าง ขอบคุณนางแบบที่ยอมมาเซลฟี่ให้เราด้วย จะได้ไม่ต้องเจอหน้าผู้ชายเนาะ กล้องหน้าสามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ และปรับระดับความหน้าเนียนได้ด้วย
จากการทดสอบวัดคะแนนด้วย AnTuTu คะแนนออกมาแรงตามคาดครับ ด้วย Snapdragon 845 และแรม 6 GB แม้ว่าในการจัดอันดับจะอยู่ที่ลำดับที่ 20 แต่คะแนนไม่ได้ห่างจากอันดับต้นๆ มากครับ ต่างกันแค่ไม่กี่พันคะแนนเท่านั้น
วัดประสิทธิภาพของการประมวลผลด้านกราฟฟิกด้วย 3D Mark คะแนนก็ออกมาสูงทีเดียวครับ ดังนั้นเรื่องการเล่นเกมส์ ไม่ต้องเป็นห่วงเลย สบายๆ
Xiaomi ยังคงคอนเซปส์ของแรงราคาถูกไว้ได้เป็นอย่างดี และแม้จะทำราคามาถูก แต่ว่าวัสดุ และงานประกอบสวยงามไม่แพ้เรือธงของแบรนด์อื่นๆ เลย สเปคภายในไม่ต้องห่วง ด้วย Snapdragon 845 และแรม 6GB เป็นสเปคที่อยู่ในระดับเดียวกับเรือธงคู่แข่งในปีนี้ ไม่ว่าจะใช้งานทั่วไป เล่นเกมส์ ดูหนัง ฟังเพลง เจ้า Mi Mix 2S เครื่องนี้ตอบโจทย์ได้อย่างสบายๆ
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |