เป็นอีกหนึ่งโปรเจคที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในเว็บไซต์ระดมทุน สำหรับกระเป๋ากันขโมย ClickPack Pro ที่เริ่มเปิดการระดมทุนใช้เวลาเพียง 12 ชั่วโมง ก็ได้ยอดตามเป้าอย่างรวดเร็ว เพราะด้วยความที่เป็นกระเป๋าสะพายที่มีความปลอดภัยสูง และมีดีไซน์ที่สวยงาม ตอบโจทย์ตลาดได้เป็นอย่างดี จึงทำให้หลายๆ คนอยากจะให้กระเป๋าใบนี้ ได้ถือกำเนิดออกมาสู่ตลาดให้ได้ใช้งานกัน
กระเป๋า ClickPack Pro เป็นกระเป๋าสะพาย สำหรับเก็บพกพาโน้ตบุ๊ค ขนอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีความแน่นหนาปลอดภัย ทั้งตัวล็อกกระเป๋าแบบใส่รหัส วัสดุกระเป๋าที่แข็งแรง กันน้ำ กันการกรีด ถุงคลุมกันฝน ถุงกันการโจรกรรมข้อมูลบัตร ช่องชาร์จแบตเตอรี่สำรองและฟังก์ชั่นต่างๆ ให้ใช้งานมากมาย
ซึ่งไม่เพียงแค่ ClickPack Pro เท่านั้น แต่ทาง Korin Design ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเป๋ากันขโมยนี้ ยังได้จัดทำกระเป๋าขึ้นมาอีก 2 รุ่น ในราคาที่ย่อมเยากว่าอย่าง ClickPack Basic และ ClickPack Joy อีกด้วย
โดยกระเป๋าทั้ง 3 รุ่น จะมีดีไซน์และขนาดของกระเป๋าที่เท่ากัน ต่างกันที่รายละเอียดการใช้งานต่างๆ ตามแต่ละรุ่น ซึ่งเราจะขอพูดถึงไปทีละรุ่นละกันนะครับ
เรียงจากซ้ายไปขวา ClickPack Pro, Joy และ Basic
สำหรับรุ่น Pro เป็นรุ่นแรกและรุ่นที่จัดเต็มที่สุดของทางแบรนด์ เราจึงขออธิบายถึงรุ่นนี้แบบเต็มๆ เช่นเดียวกันครับ โดยความพิเศษของกระเป๋ารุ่นนี้ ที่ต่างจากกระเป๋าทั่วๆ ไป มีดังนี้
ClickPack Pro จะใช้ตัวล็อกกระเป๋าแบบเข้ารหัสเหมือนอย่างกระเป๋าเดินทางต่างๆ ซึ่งตัวล็อกรหัสนี้ จะเป็นไปตามมาตรฐานของ TSA หรือ หน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งของสหรัฐอเมริกา (Transportation Security Administration) ซึ่งนอกจากข้อดีในการรักษาความปลอดภัยให้กับกระเป๋าแล้ว ยังมีประโยชน์ในการเดินทางผ่านสนามบินที่มีระบบ TSA อีกด้วย ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ต้องการตรวจสิ่งของในกระเป๋า จะไม่ต้องทำการงัดกระเป๋าเพื่อเปิดดู แต่จะมี Master key สำหรับเปิดกระเป๋าประเภทนี้ได้ ไม่ให้กระเป๋าของเราเสียหายจากการรื้อค้นนั่นเอง
จุดขายที่ดูว้าวมากสำหรับกระเป๋า ClickPack Pro ก็คือพื้นผิวด้านหน้าของกระเป๋า ป้องกันของมีคม นอกจากคัตเตอร์ไม่สามารถกรีดเข้าแล้ว ยังไม่มีรอยขีดข่วนให้เห็นอีกด้วยแต่ก็นั่นแหละ มีแค่พื้นผิวด้านหน้าเท่านั้น ที่ป้องกันของมีคม
วัสดุรอบๆ กระเป๋าจะมีการเคลือบสารและใช้วัสดุป้องกันน้ำ เท่ากับว่าน้ำไม่สามารถทำอะไรกับพื้นผิวกระเป๋าได้ แต่ในส่วนของซิปนั้น น้ำยังสามารถไหลเข้าไปได้อยู่ดี แต่ก็มีถุงคลุมกันน้ำมาให้ใช้งานกันนะ
ตัวซิปยังไม่ได้ใช้ซิปแบบกันน้ำ เหมือนอย่างรุ่น Joy (ที่จะกล่าวต่อไปในบทความ)
ภายในกระเป๋าจะมีถุงกันน้ำ มาให้ใช้งานด้วย โดนการคลุมจะครอบคลุมด้านหน้าและด้านข้างของกระเป๋าทั้งหมดซึ่งก็เพียงพอต่อการไม่ให้น้ำไหลเข้าไปในซิปกระเป๋า
สายโลหะมีไว้สำหรับให้เราล็อกกระเป๋าไว้กับราวต่างๆ หรือเก้าอี้ เพื่อให้กระเป๋าวางตั้งเอาไว้ ไม่ล้มลงไป โดยสายนี้จะถูกเก็บขดเป็นแถวด้านหลังกระเป๋า มีลักษณะเหมือนสปริง สามารถยืดมาคล้องกับราวต่างๆ และล็อกกับตัวล็อกกระเป๋าได้ ทำให้ไม่ต้องกลัวว่ามีคนอื่นจะมาปลดไป เพราะมีเราเท่านั้นที่รู้รหัสเปิดกระเป๋า (นอกจากว่าจะลืมหมุนเปลี่ยนรหัส)
ได้ลองใช้งานสายโลหะดู (ในรูปเป็นรุ่น Joy นะครับ ซึ่งใช้วัสดุสายโลหะแบบเดียวกัน) พบว่าการติดกับตัวล็อกจะค่อนข้างเบียดกับหัวซิปอยู่พอสมควร ทำให้ถ้าล็อกพร้อมซิปจะต้องตรวจสอบดีๆ ว่าเข้าล็อกเรียบร้อยแล้วหรือยัง? และการคล้องกับราวต่างๆ ไม่เหมาะกับการล็อกในที่สูงนะครับ เดี๋ยวสายสปริงจะถูกยืดจนเสียทรง
เราสามารถเก็บแบตฯ สำรองไว้ด้านในกระเป๋า และต่อกับสาย USB เพื่อใช้งานชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์ต่างๆ จากด้านนอกกระเป๋าได้ ซึ่งจุดของพอร์ตแบตฯ สำรองจะอยู่บริเวณปีกล่างที่เชื่อมต่อกับสายสะพายกระเป๋าด้านซ้ายมือของเรา
เนื่องจากกระเป๋า ClickPack Pro เป็นกระเป๋าที่ไม่เหมาะสำหรับการเปิดช่องใหญ่เพื่อการหยิบของบ่อยๆ จึงมีช่องเล็กๆ มาให้ใช้งานด้านนอกกระเป๋ามากมาย ตั้งแต่ตัวกระเป๋ายันสายกระเป๋า แต่เอาจริงๆ พอดูจากภายนอกแล้ว หาช่องต่างๆ ไม่ค่อยเจอนะ เพราะหลายๆ ช่องเป็นดีไซน์แบบซ่อนซิปอีกด้วย
|
ด้านข้างของกระเป๋ามีช่องสำหรับเก็บกุญแจ พร้อมพวงกุญแจที่มีตัวล็อกสามารถถอดออกจากกระเป๋าได้
| ช่องด้านข้างสำหรับเก็บร่มพับแยกจากช่องหลัก สำหรับร่มที่เปียกน้ำ |
ภายในกระเป๋าด้านที่ติดกับหลังของผู้สะพาย (ฝั่งเดียวกับช่องแบตฯ สำรอง) จะเป็นช่องสำหรับบรรจุโน้ตบุ๊คและแท็บเล็ตซ้อนกัน ซึ่งขนาดโน้ตบุ๊คที่เก็บได้คือไม่เกิน 15.6 นิ้ว และแท็บเล็ตไม่เกิน 10 นิ้ว ซึ่งภายในช่องใส่โน้ตบุ๊คเป็นผ้าขนสั้นที่นุ่มมากไม่ทำให้ผิวของโน้ตบุ๊คเป็นรอยแน่นอน (แต่เป็นผ้าขนสั้นแค่ช่องเดียว)
ภายในกระเป๋าของ ClickPack Pro มีกระเป๋าใบเล็กๆ แยกให้ 2 ใบ สำหรับใส่อุปกรณ์เสริมต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ เช่น เมาส์ อะแดปเตอร์ และกระเป๋าสำหรับใส่ของใช้ส่วนตัวต่างๆ โดยตัวกระเป๋าสามารถถอดออกจากกระเป๋าเมื่อไม่ต้องการใช้งานได้
บัตรเครดิตหรือบัตรค่าโดยสารต่างๆ ในปัจจุบัน ที่ใช้การแตะเข้ากับเครื่องเซ็นเซอร์ผ่านสัญญาณอินฟราเรด หรือ RFID มีความเสี่ยงต่อการโจรกรรมข้อมูลระหว่างการเดินทางทั้งนั้น ในกระเป๋า ClickPack Pro จึงมีถุง RFID BLOCK สำหรับเก็บบัตรอิเล็คทรอนิกส์จำพวกนี้ ให้ปลอดภัยต่อการขโมยข้อมูลที่อาจเกิดขึ้นได้
เป็นรุ่นที่ออกมาในราคาที่ถูกกว่ารุ่นโปร เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้งานอย่างเราๆ โดยในรุ่น Basic จะตัดฟังก์ชั่นหลายๆ จุดของรุ่นโปรออก แต่ยังคงมีขนาดและรูปแบบการใช้งานต่างๆ ที่เหมือนกัน ซึ่งจุดที่แตกต่างกันมีดังนี้
ในรุ่น Basic ผ้าด้านหน้ากระเป๋าไม่ได้เป็นผ้าแบบเดียวกับในรุ่น Pro จึงไม่ได้ป้องกันของมีคม แต่พื้นผิวของผ้าก็ไม่ได้ดูด้อยเลย ดูแน่นหนา ปกป้องของสำคัญในกระเป๋าได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังกันน้ำเช่นเดียวกับรุ่นโปรด้วย
พื้นผิวของกระเป๋าป้องกันน้ำเช่นเดียวกับรุ่นโปร และซิปยังคงไม่กันน้ำเช่นกัน แต่ในรุ่นนี้ ไม่มีถุงคลุมกันฝนมาให้ รวมทั้งยังไม่มีถุง RFID BLOCK มาให้ใช้งานกันด้วย
ช่องสำหรับเก็บถุงคลุมกันฝนในรุ่น Pro แต่ไม่มีใน Basic
กระเป๋าใส่อุปกรณ์เสริมเหมือนอย่างรุ่น Pro ก็ไม่มีให้มาในรุ่นนี้เช่นกัน
พื้นที่สำหรับติดกระเป๋าเสริม ที่ถึงแม้จะไม่มีมาให้ แต่พื้นผิวเป็นแบบเดียวกับรุ่น Pro สามารถหากระเป๋าที่ติดตีนตุ๊กแกมาแปะได้
ช่องใส่แบตฯ สำรอง จะไม่มีซิปปิดเรียบร้อยเหมือนอย่างรุ่น Pro แต่จะเป็นตีนตุ๊กแกตรงกลางแทน มีช่องเก็บเมาส์อยู่ด้านหน้าของช่องแบตฯ สำรอง รวมทั้งช่องเก็บโน้ตบุ๊คและแท็บเล็ตจะมีตำแหน่งเหมือนกับรุ่น Pro แต่เปลี่ยนจากสายตีนตุ๊กแกเป็นยางยืดสำหรับล็อกอุปกรณ์แทน แต่เนื้อผ้าขนสั้นในช่องโน้ตบุ๊ค ยังนุ่มเหมือนรุ่น Pro เช่นเดิม
หากไม่ต้องการถุงคลุมกันฝน ถุงกันรังสี หรือกระเป๋าอุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมทั้งไม่ติดในเรื่องของช่องใส่โน้ตบุ๊ค/แท็ปเล็ตสายล็อกแบบยางยืด ที่ใช้งานได้สะดวกน้อยกว่า กระเป๋ารุ่นนี้ ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับคนที่ชอบกระเป๋า ClickPack Pro แต่ติดที่ว่าราคารุ่นโปรสูงไปหน่อย
กระเป๋าอีกรุ่นในราคาระดับเดียวกับรุ่น Basic แต่ได้ปรับปรุงรูปแบบของกระเป๋าในหลายๆ ส่วนด้วยกัน เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ซึ่งมีจุดที่แตกต่างกันดังนี้
ที่เปิดได้แคบกว่า ไม่ได้เป็นข้อเสียของกระเป๋ารุ่น Joy นะครับ แต่มีข้อดีที่ว่า เราสามารถเปิดหยิบของในกระเป๋าระหว่างกำลังเดินทางได้ เพราะในสองรุ่นก่อนหน้า กระเป๋าสามารถเปิดได้กว้างเหมือนกระเป๋าเดินทาง ทำให้การเปิดหยิบของระหว่างสะพาย กระเป๋าอาจจะเปิดกว้างเกินไปจนของตกหล่นได้
ด้วยความที่ช่องใหญ่สามารถเปิดใช้งานได้ง่ายอยู่แล้ว จึงทำให้รุ่น Joy ไม่มีช่องกระเป๋าเล็กๆ ด้านนอกให้ใช้งาน รวมทั้งช่องใส่ร่มด้านข้างกระเป๋าด้วย จะมีเพียงช่องใส่ปากกาด้านซ้ายของสายสะพายกระเป๋าและ ช่องใส่เอกสารสำคัญด้านหลังกระเป๋าเท่านั้น
ด้านหลังของกระเป๋าถูกเปลี่ยนเป็นเบาะรองหลังที่หนากว่ารุ่นก่อนหน้า (และสวยกว่า) โดยเบาะด้านล่างได้มีช่องสำหรับเก็บเอกสารสำคัญเช่นเดิม
หลังจากที่มีปัญหากระเป๋ากันน้ำ แต่ซิปไม่กันน้ำมา 2 รุ่น รุ่นนี้ได้เปลี่ยนเป็นซิปกันน้ำให้ได้ใช้งานกัน ทีนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะไหลเข้ากระเป๋าแล้ว
ด้านในของรุ่น Joy จะค่อนข้างคล้ายกับรุ่น Basic แต่จะมีต่างกันเล็กน้อย ก็คือ ไม่มีช่องใส่เมาส์ด้านหน้าช่องแบตฯ สำรอง (สาย USB เป็นแบบหัวหัก) และช่องเสียบปากกาด้านซ้ายของกระเป๋าส่วนหน้าได้เปลี่ยนเป็นช่องเดียว (ตามรูปที่ 3/3)
ข้อดี
| ข้อสังเกต
|
ข้อดี
| ข้อสังเกต
|
ข้อดี
| ข้อสังเกต
|
ดูข้อมูลและสั่งซื้อ ClickPack Joy
กระเป๋าทั้ง 3 รุ่นนั้นให้ความสามารถในการใช้งานที่ต้องการอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์สวยๆ, ความปลอดภัยแบบตัวล็อกรหัส TSA, สายล็อกโลหะ, ผิวกระเป๋ากันน้ำ, ช่องต่อแบตฯ สำรอง ส่วนจะเลือกใช้รุ่นไหน ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานปลีกย่อยอื่นๆ เช่น ต้องการจัดเต็มก็เลือกรุ่น Pro งบน้อยลงมาหน่อยก็ใช้ Basic ส่วนสายลุยเน้นความคล่องตัวก็ใช้รุ่น Joy แทน
|
... |