จุดที่เราชอบ
| จุดที่เราไม่ชอบ
|
เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ทุกปี ผู้ผลิตจะต้องมีการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ออกมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่น่าสนใจ สำหรับวงการทีวี ในปีนี้ LG ได้เปิดตัวทีวีระดับพรีเมี่ยมไลน์อัพใหม่ออกมา ใช้ชื่อว่า LG SUPER UHD TV ประกอบไปด้วย SK9500, SK8500 และ SK8000 โดยจุดเด่นของ LG SUPER UHD TV อยู่ที่ใช้เทคโนโลยีหน้าจอแบบ Nano Cell Display ที่ช่วยให้หน้าจอมีสีสันที่แม่นยำ คมชัดทุกมุมมอง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การจะเลือกทีวีมาตั้งในบ้าน ดีไซน์ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้ลูกเล่นที่มันมีให้ มันไม่ใช่ตั้งแล้วจบเหมือนแต่ก่อน สมัยนี้มันต้องให้ความรู้สึกว่าเมื่อมันอยู่ในห้องแล้วทำให้ห้องดูดีขึ้นด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทีวีกลายเป็นเหมือนของแต่งห้องไปแล้ว
LG SUPER UHD TV 65SK9500 มาพร้อมกับขอบจอบางเฉียบ ขอบจอมีความหนาเท่ากันทั้ง 4 ด้าน ทำให้มันดูมีความสมดุลสวยงาม
ขาตั้งเหล็กทรงพระจันทร์เสี้ยว มีชื่อเรียกเท่ๆ ว่า Crescent stand จะวางมุมไหนก็ลงตัวสวยงาม ไม่ว่าห้องเราจะตกแต่งแบบไหน ก็น่าจะหาที่วางให้ดูดีได้ไม่ยาก ขามีความกว้างพอสมควร ดูมีความแข็งแรงไม่ล้มง่ายๆแน่นอน (ถ้าไม่อยากใช้ขาตั้ง ด้านหลังรองรับการเชื่อมต่อกับที่ยึดผนังแบบ VESA ด้วยนะ)
ตัวเครื่องทำมาได้บางมากทีเดียวสำหรับทีวีรุ่นใหญ่ขนาดนี้ ฝาหลังเป็นพลาสติกที่ทำลายลากเส้นมาเพิ่มความสวยงาม จุดนี้เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยให้แม้ว่าเราจะมองมันจากด้านหลังก็ไม่ดูน่าเกลียดแต่อย่างใด ขอบหน้าจอถ้าผมเข้าใจไม่ผิดน่าจะเป็นโพลิคาร์บอเนต ส่วนขอบนอกมีลายเส้นทองแดงโดยรอบเพิ่มความหรูหรา
พอร์ตเชื่อมต่อทั้งหมดจะอยู่ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง และอยู่ลึกเข้าไปจากขอบของหน้าจอพอสมควร จุดนี้เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ มันทำให้เราต้อง "เอื้อมมือ" ลึกมาก และหากวางไว้ติดกับผนัง จะทำให้การต่อสายไปยังช่องเหล่านี้ยากพอสมควร จึงแนะนำให้เสียบสายให้เรียบร้อยก่อนนำทีวีแขวนผนัง
พอร์ตที่มีให้ก็ครบครัน ตามแบบฉบับของทีวียุคใหม่ ให้ HDMI มา 3 ช่อง (มีช่องที่รองรับ ARC (Audio Return Channel ใช้ส่งสัญญาณเสียงไป-กลับได้ในช่องเดียว) ให้มาช่องหนึ่ง , USB 3 ช่อง, ช่องต่อสายแลน,ช่อง AV IN, ช่องเสียบเสาอากาศ และช่อง Optical Digital
ลำโพงอยู่ใต้หน้าจอ (ในรูปคือเราจับทีวีนอนลง) พลังเสียง 40 วัตต์ ดังและมีมิติดีมากๆ โดยไม่ต้องพึ่งลำโพงเสริม
ทีวีรุ่นนี้มีเทคโนโลยีที่ทำให้มันให้ภาพระดับพรีเมี่ยมอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Nano Cell Display, Full Array Dimming Pro, Dolyby Atmos, Dolby Vision ฯลฯ
Nano Cell Display จะใช้อนุภาคนาโนที่สามารถ "ดูดซับ" ความยาวคลื่นที่ "เกิน" จากความต้องการ เพื่อให้เหลือเฉพาะแค่ความยาวคลื่นที่ใช้งานเท่านั้น ช่วยให้ค่าสีแดง และสีเขียว มีความบริสุทธิ์มากขึ้น ส่งผลให้ภาพที่ออกมาสวยงามยิ่งกว่าเดิม
ภาพประกอบจาก : https://www.lg.com/au/SuperUHD/nano-cell-technology.html#NanoCellTechnology_1
นอกเหนือจาก Nano Cell Display จะช่วยภาพที่ได้มีสีสันที่สดใสแม่นยำแล้ว มันยังช่วยให้มองเห็นสีได้ในมุมมองที่กว้างขึ้นกว่าจอแบบเดิมอีกด้วย พูดง่ายๆ จะนั่งมองทีวีจากมุมไหนภาพก็สวยเหมือนกันตลอด ต่างจากจอแบบเก่าที่หากมองจากมุมข้างๆ มักจะมีสีที่เพี้ยนไปจากเดิม
ภาพประกอบจาก : https://www.lg.com/uk/lgsuperuhd/technology.jsp#wide-viewing-angle
สำหรับทีวีจาก LG ที่เราได้มีโอกาสสัมผัสในรีวิวนี้จะเป็นรุ่น 65SK9500 ซึ่งเป็นรุ่นระดับสูงสุดอยู่ในตระกูล SK95 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Full Array Dimming Pro ด้วย ซึ่งมีอยู่แค่ในตระกูล SK95 เท่านั้น (SK85 จะเป็น Full Array Dimming)
Full Array Dimming Pro เป็นเทคโนโลยีในส่วนของการควบคุมความสว่างของหลอดไฟ มันจะกระจายอยู่ทั่วหน้าจอ ทำหน้าที่ควบคุมแสง และความดำ ช่วยให้แสดงภาพได้อย่างคมชัด
โดยปกติแล้วเวลาจอแสดงภาพ ส่วนที่มีภาพหลอดกำเนิดแสงด้านหลังจะทำงาน ซึ่งถ้าเป็นจอทั่วไปแล้วล่ะก็ มันจะสว่างเกือบทั้งแถบเลยล่ะ แต่ด้วย Full Array Dimming Pro มันจะสว่างเฉพาะในส่วนที่มีภาพเท่านั้น นั่นทำให้ Contrast ของภาพดีกว่าเดิมมาก ส่วนที่ควรสว่างยังคงสว่าง แต่ส่วนที่มืดจะดูดำสนิทกว่าจอที่ไม่มีเทคโนโลยี Full Array Dimming Pro
ในส่วนของการประมวลผลภาพ ใน LG 65SK9500 จะใช้ชิปประมวลผลอัจฉริยะ Alpha 7 Intelligent Processor ชิปตัวนี้จะทำหน้าที่ปรับปรุงรายละเอียดของภาพบนจอให้ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านความคมชัด และสีสัน ให้ดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม
ภาพประกอบจาก : https://www.lg.com/in/tvs/lg-75SK8000PTA
LG SUPER UHD TV 65SK9500 ยังรองรับ 4K Cinema HDR และ Dolby Vision ด้วย โดยในส่วนของการเล่น HDR นั้น ทีวีรุ่นนี้รองรับไฟล์ HDR ได้ถึง 4 รูปแบบ คือ Dolby Vision, Advanced HDR by Technicolor, HDR10 Pro แบะ HLG Pro เพื่อให้รับชมภาพยนตร์เรื่องโปรดได้อรรถรสอย่างเต็มอิ่ม
เมื่อด้านภาพสมบูรณ์แบบแล้ว เรื่องเสียงก็ต้องจัดเต็มเช่นกัน รองรับ Dolby Atmos จำลองระบบเสียง 360 องศาแบบในโรงภาพยนตร์มาไว้ภายในบ้าน
แน่นอนว่าทีวีระดับนี้จะเป็นทีวีธรรมดาคงไม่ใช่ LG 65SK9500 รุ่นนี้ได้มีการพัฒนาให้มีความฉลาดมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการทำงานด้วย มีชื่อเรียกเก๋ๆ ว่า ThinQ AI
ThinQ AI ช่วยให้เราสามารถรองรับการค้นหา และสั่งงานด้วยเสียงได้ ซึ่งรองรับรูปแบบคำสั่งอย่างหลากหลาย อย่างเช่น สั่งเปิดรายการที่ต้องการ, สั่งปิดเครื่องหลังรายการจบ, ส่งค้นวิดีโอที่อยากดู ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสั่งงานนะครับ แต่ว่าความเจ๋งของมันอยู่ที่ เราไม่จำเป็นต้องพูดสำเนียงเป๊ะๆ เหมือนเจ้าของภาษาก็ได้ ตัว AI จะมีการเรียนรู้จดจำสำเนียงบ้านๆ ของเราจนฟังเข้าใจได้ และแม้ว่ารูปแบบคำสั่งจะเป็นภาษาอังกฤษ แต่เราสามารถพูดคำค้นหาเป็นภาษาไทยได้นะ
สมาร์ททีวีของ LG ยังคงมีหน้าตาเหมือนเดิม แถบเมนูต่างๆ จะร้อยเรียงอยู่ที่ขอบจอด้านล่าง มีแอปฯ ยอดนิยมอย่าง Netflix และ YouTube ให้มาด้วย หรือจะฟังเพลงจาก Spotify ก็มีแอปฯ ให้ใช้นะ ซึ่งตัวแอปฯ เราสามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งเพิ่มได้จาก LG Content Store ซึ่งก็มีทั้งแอปฯ และเกมส์ให้เลือกดาวน์โหลดเพิ่มอยู่พอสมควร
และทีเด็ดที่พิเศษสุดๆ เลยสำหรับสมาร์ททีวีรุ่นนี้ก็คือ ThinQ AI ซึ่งรองรับการสั่งงานทีวี และค้นหาคอนเทนต์ด้วยเสียง รองรับคำสั่งพื้นฐานเป็นภาษาอังกฤษ เช่น การปิดทีวี การควบคุมเสียง การตั้งค่าต่าง ๆ ไปจนถึงการเชื่อมต่อและค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต
ตัวอย่างคำสั่งก็อย่างเช่น
จะเห็นได้ว่ารูปแบบภาษาจะเป็นธรรมชาติเหมือนภาษาพูดปกติเลย ทั้งนี้แม้ว่าตัวคำสั่งจะเป็นภาษาอังกฤษ แต่เราสามารถสั่งให้ค้นหาข้อมูล หรือค้นหาวิดีโอเป็นภาษาไทยได้นะครับ (วิธีการเปลี่ยนเสียงจาก Eng to TH คือ TV Setting >> General > Language > Voice > TH)
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้
เป็นอีกหนึ่งความสามารถที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ได้เป็นอย่างมาก คือ เราสามารถที่จะดาวน์โหลดแอปฯ LG TV Plus มาติดตั้งบนสมาร์ทโฟนเพื่อใช้ในการควบคุม LG SUPER UHD TV ของเราได้ โดยนอกจากจะใช้เป็นรีโมทได้แล้ว ยังใช้ในการแชร์คอนเทนท์ในมือถือของเราขึ้นไปเล่นบนทีวีได้ด้วย
แอปฯ LG TV Plus นี้มีให้ใช้งานทั้งบน iOS และ Android และแน่นอนว่าสามารถดาวน์โหลดมาใช้งานกันได้แบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
Magic Remote
สำหรับคนที่ซื้อเมาส์ กับคีย์บอร์ดไร้สายมาใช้กับสมาร์ททีวีแล้ว การควบคุมก็คงไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่มีของที่ว่า แล้วต้องการใช้รีโมทที่ให้มาพร้อมกับทีวีในการควบคุมแล้วล่ะก็ เรายอมรับเลยว่า Magic Remote ของ LG นั้นทำมาได้ดีจริงๆ จับการเคลื่อนไหวได้แม่นยำ และเคลื่อนที่ได้อย่างสมูทสุดๆ แถมมันยังมีไมค์ในตัวเพื่อให้เราสั่งงานด้วยเสียงได้อีกด้วย (ใช้รีโมทแทนไมค์ได้เลย)
ตัวไมค์จะอยู่ที่ด้านบนของรีโมท เท่าที่ลองใช้งาน จับเสียงได้ดีอยู่นะ คือ แม้จะเปิดทีวีเสียงดังๆ อยู่ แต่เวลาเราพูดมันก็จับเฉพาะเสียงเราได้อย่างแม่นยำ
Gallery Mode
หากไม่ได้ชมรายการอะไรอยู่ เราสามารถที่จะเปิด Gallery Mode เพื่อเปลี่ยนทีวีให้เป็นกรอบรูปภาพแสดงงานศิลปะอันสวยงามได้ ซึ่งก็จะมีอัลบัมให้เลือกดาวน์โหลดมาหลายรูปแบบเลย หรือจะใช้รูปของเราเองก็ได้นะ
LG SUPER UHD TV 65SK9500 มีค่าสินสอดอยู่ที่ 109,990 บาท ก็ถือว่าไม่ได้แพงมากนัก สำหรับทีวีระดับพรีเมี่ยม และเมื่อนึกถึงเทคโนโลยีที่ได้มาด้วยแล้ว ใครที่งบถึง เราว่าเป็นรุ่นที่น่าสนใจมากทีเดียว ทั้งระบบเสียง, ระบบภาพ รวมถึงความสามารถด้าน AI ทำให้มันตอบโจทย์การใช้งานสำหรับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |