ข้อดี
| ข้อสังเกต
|
ตระกูล Huawei Mate 20 series เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงอีกรุ่นหนึ่งที่ได้แยกจำหน่ายหลายโมเดลด้วยกัน ทั้ง Mate 20 Pro ที่มีประสิทธิภาพและลูกเล่นใหม่ๆ จัดเต็ม, Mate 20 X ที่มาพร้อมหน้าจอใหญ่ แบตฯ อึด ปากกา M-Pen และ Mate 20 ที่ลดสเปคหน้าจอหรือกล้องลงเล็กน้อย ตัดลูกเล่นใหม่ๆ อย่างเช่น การสแกนนิ้วบนหน้าจอหรือการเปลี่ยนตัวเองเป็นแท่นชาร์จไร้สายให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ แต่ก็มาพร้อมราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นเพียง 24,990 บาท ซึ่งในรีวิวนี้ เราจะมาชมกันว่า ถึงแม้ Huawei Mate 20 จะเป็นเรือธงที่สเปคอาจจะไม่ได้เทียบเท่ากับอีก 2 รุ่น แต่จะยังน่าใจงานอยู่ไหม?
สเปคของ Huawei Mate 20
ไหนๆ ก็มาทั้งกล่องแล้ว มาสำรวจกล่องแพ็คเกจของ Huawei Mate 20 กันซักหน่อย ตัวกล่องที่บรรจุสมาร์ทโฟนเรือธงในรุ่นนี้มีสีดำด้าน สกรีนโลโก้ด้วยหมึกสีเงินสะท้อนแสง ซึ่งต้องหามุมถ่ายดีๆ ไม่งั้นสีหมึกจะจมหายไปกับสีกล่องเลย
เปิดออกมาจะเจอกับสมาร์ทโฟน Huawei Mate 20 อยู่ด้านบน โดยปกติแล้วจะมีฟิล์มสเปคต่างๆ ติดอยู่บนหน้าจอ แต่อันนี้เราแกะไปเรียบร้อยแล้วจ้า ส่วนหน้าจอของหัวเว่ยรุ่นนี้ ก็มีฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้ว ไม่ต้องกังวลว่าซื้อวันแรก จะต้องรีบไปหาร้านติดฟิล์ม ติดกระจก
เปิดมา ก็จะมีอุปกรณเสริมต่างๆ เป็นชั้นๆ กล่องตรงกลางเป็นกล่องบรรจุเคสใสและเข็มจิ้มถาดซิม ส่วนชั้นล่างสุดประกอบไปด้วยอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ, สาย USB-C และ หูฟังสมอลทอล์คแบบอินเอียร์
เคสใสที่แถมมา เป็นซิลิโคนเนื้อนิ่ม เจาะรูใหญ่ๆ สำหรับเป็นที่อยู่ของเลนส์กล้องหลังอันมหึมาและเซ็นเซอร์สแกนนิ้วด้านหลังไว้ในช่องเดียวกัน ช่องพอร์ตต่างๆ ทั้งช่องเสียบหูฟัง ช่อง USB-C เป็นช่องเพียวๆ ไม่มีจุกอะไรปิด
ตัวอะแดปเตอร์ Huawei SuperCharge กำลังไฟ 0.75A เป็นหัวปลั๊กแบบ Type-C หรือปลั๊กยุโรป ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเราไม่ชอบหัวปลั๊กแบบนี้เลย เวลาเสียบชาร์จกับเต้าเสียบที่รองรับหัวปลั๊กหลายๆ แบบ อะแดปเตอร์ประเภทนี้ จะหลวมบ้าง หลุดบ้าง
Huawei Mate 20 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ซึ่งมีขนาดหน้าจอใหญ่กว่า Mate 20 Pro เล็กน้อย (กลายเป็นว่า เครื่องรุ่นเล็กกว่าไม่จำเป็นต้องมีขนาดจอเล็กกว่าเสมอไป) แต่ใช้จอแบบ IPS LCD ไม่ได้ใช้ AMOLED เหมือนอย่างอีก 2 รุ่น แต่สีที่แสดงผลก็ดูเข้ม สดใส ออกเน้นไปทางสว่างๆ หน่อย
ด้านบนของหน้าจอ มี Notch ทรงหยดน้ำที่เพิ่มพื้นที่ให้กับไอคอนแจ้งเตือนได้แสดงมากขึ้นกว่ารุ่น P20 และ Mate 20 Pro ที่ใช้ Notch เป็นรอยบากสี่เหลี่ยม
ด้านหลังของ Mate 20 ที่ได้รับมา เป็นวัสดุผิวเงาสีทไวไลท์ (Twilight) เช่นเดียวกับรุ่น P20 Pro แต่สีด้านล่างจะไม่ออกเป็นสีเขียว กลายเป็นสีดำแทน ซึ่งพื้นผิวนี้จะต้องโดนแสงเต็มๆ ถึงจะโชว์สีสวยๆ ออกมา อยู่ในที่มืดๆ สีทไวไลท์นี้จะดูมืดมากเลยทีเดียว
เปรียบเทียบ Mate 20 สีทไวไลท์ระหว่างพื้นผิวที่โดนแสงเต็มๆ กับไม่โดนแสง
เลนส์กล้องหลัง 3 เลนส์ ดีไซน์แบบไฟหน้ารถ Porsche เป็นอะไรที่เด่นมากๆ ในตอนนี้ ถือไปไหนก็รู้เลยว่าเป็น Huawei Mate 20 Series แน่นอน และสำหรับรุ่นนี้ มีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วอยู่ด้านหลังของตัวเครื่อง เท่ากับว่าไม่มีการสแกนนิ้วบนหน้าจอให้ได้ใช้งานกันจ้า
ปุ่มต่างๆ สำหรับใช้งาน อยู่ทางด้านขวาของตัวเครื่อง ทั้งปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่มพาวเวอร์ โดยปุ่มพาวเวอร์ได้ใช้ขอบสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์เช่นเดิม แต่ดูไม่ค่อยโดดเด่นและสังเกตได้ยากอยู่
อีกด้านเป็นถาดซิมขนาด nanoSIM และ Nano Memory การ์ดความจำใหม่ของทาง Huawei ที่มีขนาดเท่ากับ nanoSIM ที่เพิ่งเริ่มใช้ในรุ่นนี้ ทำให้ถาดซิมใหม่นี้มีช่องเท่ากัน ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่การ์ด NM นี้ คงหาซื้อยากหน่อย ในตอนนี้ต้องซื้อกับทางหัวเว่ยเท่านั้น
Huiwei Mate 20 มาพร้อมกับ Android 9.0 พร้อมด้วย EMUI 9.0 ที่มาพร้อมกับหน้าโฮมสกรีนแบบไม่มี App Drawer แยกไว้เก็บแอปฯ ต่างหาก (ทุกแอปฯ ถูกเก็บไว้บนหน้าโฮมทั้งหมดและสามารถสร้างโฟลเดอร์ได้) ลากหน้าจอลง จะพบกับหน้า Control Panel ที่กำหนดไว้ และแจ้งเตือน Notification ต่างๆ และใช้ Navigation Keys ในการใช้งาน
จุดสังเกตเล็กๆ จากการเปิดเครื่องครั้งแรก ตัวมือถือจะมีแอปฯ แบบ Pre-install แถมมาให้เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Messenger, Netflix, Camera 360 รวมทั้งเกมส์ต่างๆ ซึ่งตรงนี้ เราสามารถลบออกได้หมดนะครับ ไม่ต้องกังวลว่าเห็นแอปฯ แปลกๆ เยอะ เครื่องที่เราซื้อมาเป็นมือสองรึเปล่า? ไม่ใช่นะครับ
บนระบบปฏิบัติการ EMUI 9.0 ใหม่นี้ มีดีไซน์ที่ออกแบบมาให้ใช้งานบนสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ๆ ง่ายขึ้น คือพวกปุ่มคำสั่งส่วนใหญ่จะอยู่ด้านล่างของหน้าจอ ให้นิ้วมือสามารถเอื้อมไปกดได้ง่ายขณะใช้งานมือเดียว นอกจากนี้ บน EMUI เวอร์ชันใหม่นี้ ยังได้นำระบบ Navigation แบบ Fullscreen ใหม่บน Android Pie มาใช้งานบน Huawei Mate 20 ด้วย
หน้าตั้งค่าปุ่ม Navigation Key
ซึ่งระบบ Navigation แบบ Fullscreen จะซ่อนปุ่ม Navigation Key ทั้งหมด (ปุ่ม Back, Home, Recent) เราสามารถใช้คำสั่งต่างๆ ได้ ด้วยการลากนิ้ว โดยปุ่ม Back จะต้องทำการลากจากขอบซ้าย-ขวาของจอ, ปุ่ม Home ลากนิ้วจากขอบล่างตรงกลางจอ, เข้า Recent App ด้วยการลากนิ้วจากขอบล่างตรงกลางจอและค้างเอาไว้, เรียก Google Assistant ด้วยการลากนิ้วจากขอบล่างบริเวณด้านข้างหน้าจอ
โดยโหมด Fullscreen นี้ จะทำให้การแสดงผลต่างๆ ทำได้เต็มจอ ไม่มีปุ่ม Navi มากวนใจให้เผลอกดโดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเล่นเกมส์ (แต่กับบางเกมส์ที่ต้องสัมผัสขอบจอเยอะๆ ก็มีปัญหาอยู่เหมือนกันนะ)
Huawei Mate 20 มาพร้อมกับกล้องหลังเลนส์ SUMMILUX-H 3 เลนส์ที่แบ่งออกเป็นระยะต่างๆ ทั้งเลนส์ระยะปกติ เลนส์มุมกว้างและเลนส์ซูม ซึ่งจะมีความแตกต่างระหว่าง Mate 20 กับอีก 2 รุ่น ก็คือ ในรุ่น Mate 20 ระดับการซูมจะแบ่งออกเป็น 0.6x, 1.0x และ 2.0x แต่อีก 2 รุ่น เลนส์ซูมจะสามารถซูมได้ถึง 3.0x ซึ่งสเปคของเลนส์กล้องทั้ง 3 ตัวของ Huawei Mate 20 มีดังนี้
เป็นเลนส์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในซีรีย์ Huawei Mate 20 มีให้ใช้ทั้ง 3 รุ่น ที่เพิ่มระยะการถ่ายจาก 1x มาเป็น 0.6x ซึ่งความกว้างของภาพมีขอบความกว้างเพิ่มขึ้นจากปกติเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว ไม่ว่าจะถ่ายทิวทัศน์ ถ่ายอาคารแคบๆ ถ่ายรูปหมู่ก็เก็บภาพได้ครบถ้วนสบายๆ เลย แต่อาจจะต้องระวังเรื่องของภาพยืดบริเวณขอบที่เป็นปัญหาปกติของเลนส์มุมกว้างซักนิด
มุมกว้างขอบจะถูกยืดแปลกตาหน่อย แต่ก็เก็บรายละเอียดได้ครบ กว้างสะใจ
มีข้อสังเกตนิดๆ ตอนใช้งานเลนส์มุมกว้าง ก็คือช่วงสลับเปลี่ยนจากเลนส์ระยะอื่นๆ มาเลนส์มุมกว้าง เครื่องจะใช้เวลาช่วงอึดใจหนึ่งในการเปลี่ยนระยะเลนส์ ซึ่งอาจจะทำให้ถ่ายช็อตสำคัญๆ ด้วยมุมกว้างไม่ทัน
เป็นข้อด้อยที่ Huawei Mate 20 แพ้พี่ๆ อย่าง Mate 20 X และ Mate 20 Pro ก็คือเลนส์เทเลสามารถซูมได้เพียง 2x เท่านั้น ต่างจากอีก 2 รุ่น ที่สามารถซูมแบบออพติคัลได้ถึง 3x ด้วยกัน แต่ถ้าถามว่าเพียงพอต่อการใช้งานมั้ย? อันนี้ก็อยู่ที่จุดประสงค์ในการใช้งานด้วยแหละครับ
โดยส่วนตัวแล้ว เรามักจะใช้เลนส์ซูมในการถ่ายรูปบุคคล (พอร์ตเทรต) ซึ่งระยะ 2x ของ Mate 20 นี้ เป็นระยะที่กำลังสวยและถ่ายง่าย ถ้าซูมมากกว่านี้ การจะถ่ายนางแบบครึ่งตัวต้องถอยหลังให้ห่างจากแบบไปอีกไกลเลย อีกเรื่องก็คือเลนส์กล้องยิ่งซูมเยอะ ยิ่งเล็งยาก ขยับนิดเดียว เป้าหมายที่เราเล็งไว้ก็หายไปจากกรอบแล้ว
แต่ถ้าการถ่ายรูปต้องการซูมไกลๆ อย่างเช่น ถ่ายศิลปินที่ชื่นชอบในงานคอนเสิร์ต การมีกล้องมือถือที่ซูมได้เยอะๆ ติดตัวไว้ ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ
ซูมถ่ายรูปจากเรือข้ามฟากมายังตึกริมน้ำ เห็นตัวอักษรบนตึกอย่างชัดเจน
ตัวอย่างภาพเปรียบเทียบเลนส์ 3 ระยะของ Huawei Mate 20
คนที่มีความรู้กล้องในระดับหนึ่งจะทราบว่า การที่กล้องมือถือสามารถถ่ายภาพละลายฉากหลังได้ ไม่ได้มาจากตัวเลนส์กล้องเหมือนอย่างกล้องถ่ายรูป แต่มาจากซอฟต์แวร์ที่ตัดตัวแบบออกจากฉากหลังแล้วทำการเบลอฉากหลังแทน ซึ่งซอฟต์แวร์กล้องบนมือถือ ก็สร้างภาพหน้าชัดหลังเบลอได้เนียนขึ้นเรื่อยๆ มา ซึ่งใน Mate 20 รุ่นนี้ นอกจากการปรับละลายหลังแล้ว เราสามารถเปลี่ยนโบเก้ในโหมดถ่ายภาพบุคคล (เอฟเฟคถ่ายภาพที่เกิดจากการถ่ายดวงไฟนอกจุดโฟกัส) ให้กลายเป็นทรงอื่นๆ นอกจากวงกลมได้ ไม่ว่าจะเป็น หัวใจ วงรี หรือสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด
โบเก้รูปทรงต่างๆ ซึ่งไม่ค่อยคมชัดเท่าไหร่ ได้เป็นอารมณ์น่ารักดี
โหมดถ่ายกลางคืนนี่ประทับใจไม่รู้ลืมตั้งแต่ Huawei P20 ซึ่งโดยปกติแล้ว การถ่ายกลางคืนให้คมชัดและแสงรบกวนน้อยที่สุดบนกล้องถ่ายรูป จำเป็นต้องมีขาตั้งกล้องเพื่อให้เปิดชัตเตอร์ได้นานๆ โดยให้กล้องนิ่งที่สุด แต่สำหรับโหมดถ่ายกลางคืนของกล้องบนมือถือ Huawei Mate 20 เราก็ต้องเปิดชัตเตอร์นานประมาณ 10 วินาทีเช่นกัน เพื่อให้ได้ภาพที่สว่างชัดตอนกลางคืน แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องเลย ใช้มือถือให้นิ่ง (ซึ่งอาจจะมีการสั่นไหวบ้าง) แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ภาพชัดเป๊ะได้อย่างประทับใจ
รูปด้านล่างนี้ ลองเปรียบเทียบระหว่างโหมดถ่ายกลางคืน กับโหมดถ่ายภาพปกติให้ชมกัน โดยในโหมดถ่ายภาพกลางคืนจะมีข้อดีตรงที่ ภาพในบริเวณมืดจะถูกเปิดรายละเอียดให้สว่างขึ้นมา รวมทั้งใช้ ISO ต่ำทำให้จุดรบกวนน้อย แต่การถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ รายละเอียดในโทนมืดจะไม่ถูกเปิดออกมา ทำให้แสงไฟรถบนท้องถนนเด่นขึ้นมา แต่ก็มีข้อเสียที่จุดรบกวนเยอะ อันนี้ก็ต้องอยู่ที่การใช้งาน ว่าภาพที่ถ่ายจะเหมาะกับโหมดแบบไหน
โหมดมาโครเป็นหนึ่งใน Master AI ที่กล้องจะใช้ระบบ AI ตั้งค่าการถ่ายรูปให้เหมาะสมกับภาพ โดยที่เราไม่สามารดเปิดเองได้ ต้องตั้งกล้องให้ใกล้ของที่จะถ่ายที่สุด แล้ว AI ของกล้องจะเลือกโหมดซูเปอร์มาโครให้เอง
สำหรับระยะการถ่ายซูเปอร์มาโครนั้นจะทำได้ใกล้พอสมควร แต่ก็ไม่ใกล้ขนาดที่ว่าสามารถขยายมดหรือแมลงตัวเล็กๆ ให้หน้าใหญ่เต็มเฟรมภาพได้อย่างเลนส์มาโครบนกล้องถ่ายรูป แต่ก็สามารถถ่ายดอกไม้เล็กๆ อย่างดอกเข็ม ให้มีขนาดใหญ่ (ดังภาพด้านล่าง) ได้ หรือถ่ายเพชรก็จะเห็นเหลี่ยมเพชรชัดเจน แต่ระยะใกล้สุด ไม่สามารถซูมจนเห็นเหลี่ยมเพชรเต็มๆ ได้
อีกข้อสังเกตหนึ่งก็คือ การถ่ายซูเปอร์มาโครจะใช้ได้กับการซูมแบบ 1x และ 0.6x เท่านั้น ในการซูม 2x ด้วยเลนส์เทเล ไม่สามารถใช้โหมดมาโครได้
ถ่ายซูเปอร์มาโครด้วยระยะ 0.6x ก็จะได้มุมกว้างหน่อยด้วยขนาดดอกไม้ที่ไม่ต่างจากเดิม
ด้วยเทคโนโลยี AI กล้องจึงไม่ได้มีความสามารถเพียงการถ่ายรูปเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถใช้ตรวจจับวัตถุต่างๆ ได้ด้วย โดยหากเราเปิดโหมด HiVision นี้ในแอปฯ กล้องของ Huawei Mate 20 เราจะสามารถใช้ฟีเจอร์อย่างอื่นบนกล้องได้อีก 4 รูปแบบ ได้แก่ แปลภาษา, สแกน QR Code, ค้นหาสินค้าออนไลน์จากภาพ และวัดปริมาณแคลอรี่ของจานอาหารนั้นๆ
สำหรับการแปลภาษาผ่านกล้อง จะมีภาษาให้เลือกใช้งาน 10 ภาษาด้วยกัน และไม่มีภาษาไทยให้ใช้งานนะครับ อันนี้เราลองเลือกให้กล้องจับภาษาอัตโนมัติแล้วแปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษดู ผลปรากฏว่า กล้องไม่ได้มองว่าฟอนต์ไทยเป็นภาษาไทย แปลออกมาเละเลย เท่ากับว่า ถ้าจะใช้งานฟีเจอร์นี้ ต้องครอบคลุม 10 ภาษาที่มีไปก่อน
ส่วน QR Code ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ สำหรับ Huawei ก็จะยิง QR Code ผ่าน HiVision ก็ได้ หรือถ่ายรูปก่อนแล้วค่อยเปิดก็ได้ แต่กล้องของสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ในตลาด แค่ส่องกล้องก็สามารถเปิด QR Code ได้เลย ส่วนตัวเราว่าแบบนั้นสะดวกกว่านะ
การหาสินค้าออนไลน์ ก็จะใช้การเปรียบเทียบรูปกับของที่เราถ่ายเอา ซึ่งถ้าจะให้แม่นๆ หน่อย ก็ต้องหามุมดีๆ ในการเล็งกล้อง ไม่งั้นสินค้าอาจจะผิดจากที่เราตั้งใจไปพอสมควรครับ
สุดท้ายเป็นการคำนวณแคลอรี่อาหาร ซึ่งกล้องก็รู้จักอาหารเยอะเหมือนกันนะ แยกระหว่างก๋วยเตี๋ยวเนื้อกับก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นออกด้วย หรือก๋วยเตี๋ยวต้มยำก็รู้จัก คิดว่าไม่น่ามีปัญหาสำหรับสายสุขภาพที่จะคำนวณแคลอรี่อยู่แล้ว เพราะคงไม่มีอาหารแปลกๆ มาทำให้กล้องเอ๋อซักเท่าไหร่
เป็นฟังก์ชั่นเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า สำหรับ Huawei Mate 20 ที่สามารถต่อสาย HDMI เข้ากับจอขนาดใหญ่ได้ เพื่อใช้งานเป็นการแสดงผลมือถือบนจอขนาดใหญ่ได้ (Screen Mirroring) หรือจะใช้งาน Desktop mode ก็ได้เช่นกัน แต่ว่าในกล่องไม่มีสายแปลง USB-C เป็น HDMI มาให้นะครับ ต้องซื้อเสริมเอา
สำหรับการใช้งานในส่วนของ Desktop mode คือเราสามารถใช้หน้าจอมือถือแทน Trackpad หรือคีย์บอร์ดได้ หรือจะต่อเมาส์หรือคีย์บอร์ดใช้งานเพิ่มเติมก็ได้เช่นกัน (ขึ้นอยู่กับว่าอะแดปเตอร์ที่เราใช้งาน รองรับช่อง USB หรือเปล่า?)
ส่วนแอปฯ ที่สามารถใช้งานบน Desktop mode ก็จะประกอบไปด้วยแอปฯ พื้นฐานทั่วๆ ไป อย่างเช่น แอปฯ เอกสาร จดโน้ต แอปฯ รูปภาพ/วิดีโอ หรือเบราว์เซอร์
สมาร์ทโฟนเรือธงระดับพรีเมี่ยมทุกวันนี้เริ่มเข้าถึงยากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไลน์สินค้าที่ประกอบไปด้วย รุ่นเรือธง รุ่นเรือธงใหญ่กว่า หรือรุ่นเรือธงสเปคพรีเมี่ยม จนทำให้หลายๆ คนกังวลใจว่า เล็งจะซื้อเรือธงแล้ว ควรจะอัพสเปคด้วยเงินอีกครึ่งหมื่นเพื่อให้ได้รุ่นที่พรีเมี่ยมกว่าหรือเปล่า?
ซึ่งสำหรับเราแล้ว Huawei Mate 20 ก็เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ความเป็นเรือธงได้ดีนะ ไม่ว่าจะเป็นความแรงของชิปเซ็ต Kirin 980 ฟีเจอร์ซอฟต์แวร์ต่างๆ หรือฟีเจอร์ของกล้องที่นอกจากการซูม 3x แล้ว ก็ไม่มีอะไรต่างจากอีก 2 รุ่นด้านการใช้งานถ่ายภาพ ส่วนฟีเจอร์ฮาร์ดแวร์อื่นๆ อย่างเช่น ปากกา m-pen บน Mate 20 X, การเป็นแท่นชาร์จให้เครื่องอื่น, การสแกนนิ้วในหน้าจอ หรือหน้าจอ AMOLED ก็อยู่ที่ว่าได้ใช้งานหรือเปล่า? ถ้าไม่ได้ใช้ ก็ไม่จำเป็นต้องอัพขึ้นไปครับ Mate 20 ก็เพียงพอต่อความสนุกในการเล่นกล้องไลก้าไฟหน้ารถปอร์เช่แล้ว
|
... |