จุดที่ชอบ
| ข้อสังเกต
|
เปิดตัวมาเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว สำหรับหูฟังไร้สาย Truly Wireless แบรนด์หัวเว่ย ที่ในรุ่นนี้มีดีไซน์ที่มินิมอลมากขึ้น มาพร้อมกับเคสชาร์จทรงกลมที่เป็นทรงใหม่อีก และที่สำคัญคือ ชิปเซ็ต Kirin A1 ซึ่งให้ความสามารถประสิทธิภาพสูงที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อ การประหยัดแบตเตอรี่ ไปจนถึงระบบตัดเสียงที่ให้เสียงสนทนาคมชัด กับราคาที่เปิดมาเพียง 4,990 บาท ถือว่าเป็นหูฟังไร้สายอีกรุ่นในตลาดที่แค่เน้นเรื่องเสียงการสนทนา ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อยแล้ว
ถ้าเป็นด้านตัวหูฟังคงไม่ต้องพูดถึงดีไซน์กันมาก ก็เป็นดีไซน์ที่หลายๆ คนไม่ชอบกันเพราะมีแท่งๆ ยื่นออกมาจากหู แต่ก็ใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ในรุ่นนี้มีปรับให้ตัวแท่งด้านข้างกว้างเท่ากันทุกด้าน ดูเรียบง่ายสมดุลขึ้น (ตัวเก่าจะมีด้านหน้าที่หนากว่าด้านข้าง) ส่วนสีก็มาแบบเบสิค 2 สี คือสีขาวและสีดำ ซึ่งเป็นผิวเงาทั้งคู่เปื้อนรอยนิ้วมือได้ง่าย โดยเฉพาะสีดำ หยิบจับ แตะๆ ใช้งานบ่อยๆ จะดูเก่าๆ กรังๆ ทันที
ส่วนตัวเคสชาร์จก็ทำมาในรูปแบบตลับทรงกลม (3 รุ่นที่ออกมา เคสไม่ซ้ำแบบกันเลย) ดูสวยพรีเมี่ยม แต่ผิวก็เหมือนกับตัวหูฟัง คือเปื้อนรอยนิ้วมือง่าย อยากให้สวยต้องเช็ดบ่อยๆ หรือไม่ก็หาเคสซิลิโคนมาใส่ทับให้เรียบร้อย
ที่ประทับใจคือพอร์ตชาร์จเป็น USB Type-C (จริงๆ ก็ใช้ตั้งแต่รุ่นก่อนแล้ว) ซึ่งหูฟังไร้สายหลายๆ รุ่นยังใช้ micro USB อยู่ เอาเป็นว่าก็สะดวกดีสำหรับคนใช้มือถือรุ่นใหม่ๆ ไม่ต้องพกสายชาร์จหลายเส้น พกเส้นเดียวชาร์จได้ทั้งมือถือและหูฟัง หรือจะชาร์จไร้สายก็ได้ ใครใช้ Mate 30 ก็ใช้ Reverse Wireless Charging ได้ (PowerShare ของซัมซุงก็ทำได้นะ)
สำหรับการเชื่อมต่อครั้งแรก ก็เชื่อมต่อหูฟังกับบลูทูธของมือถือแบบปกติ หรือถ้าสะดวกทำตามขั้นตอนในแอปฯ ก็โหลดแอปฯ AI Life มาเปิดเพื่อเชื่อมต่อก็ได้ (ซึ่งสุดท้ายก็ต้องใช้งานกับแอปฯ อยู่ดี) ตรงนี้ขั้นตอนน้อย ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ
ส่วนหลังจากนั้นคือความประทับใจ ด้วยการเชื่อมต่ออัตโนมัติ Pop up & Pair ทุกครั้งที่เราเปิดฝาเคสออก หูฟังก็จะเชื่อมต่อกับมือถือเราอัตโมนัติ จะใช้งานข้างเดียวหรือสองข้างก็อยู่ที่ตัวเราจะเลือกหยิบขึ้นมาใช้เลย ส่วนจะเลิกใช้งานก็ใส่หูฟังเก็บเข้าไปในเคสแล้วปิดฝา ตัวหูฟังก็จะหยุดการเชื่อมต่อกับมือถือโดยอัตโนมัติ
ส่วนความเสถียรในการเชื่อมต่อ เราลองใช้งานระหว่างเดินทางดู ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน บนดิน รถเมล์ ส่วนใหญ่ไม่พบปัญหาเรื่องการหลุดเชื่อมต่ออะไร สามารถฟังเพลงหรือสนทนาได้อย่างต่อเนื่อง จะมีก็เพียงแค่ครั้งเดียว ที่เปลี่ยนขบวนรถไฟฟ้าที่ BTS สถานีสยาม แล้วรถขาดช่วงทำให้มีผู้โดยสารหนาแน่นบริเวณชานชาลา ช่วงเวลานั้นแหละ ที่ทำให้เพลงรันขาดๆ ไปบ้าง ถ้าไปเดินงานเอกซ์โป หรือคอนเสิร์ตที่คนแน่นๆ หน่อยก็อาจจะเกิดปัญหาเดียวกันนี้
Huawei FreeBuds 3 มีทั้งระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้างและการตัดเสียงลม เพื่อให้เสียงสนทนาชัดเจนยิ่งขึ้น ตอนงานเปิดตัวทางหัวเว่ยได้จัดห้องพัดลมให้ได้ทดลองระบบตัดเสียงลมดู ซึ่งก็น่าประทับใจไม่น้อย คู่สายที่สนทนาด้วยต่างบอกว่าไม่ได้ยินเสียงลมเลย แม้เราจะเอาหูฟังไปจ่ออยู่หน้าพัดลมก็ตาม และเสียงสนทนาก็ยังฟังชัด
หากใส่หูฟังเฉยๆ โดยไม่ได้คุยโทรศัพท์หรือฟังเพลงอยู่ และเปิด Active Noise Cancelling เอาไว้ ในหูฟังจะมีเสียงการทำงานของระบบตัดเสียง (เสียงวูม) ซึ่งฟังนานๆ อาจเกิดอาการปวดหัวได้ จึงไม่ควรเปิดทิ้งไว้ หรือไม่ก็ต้องไปลดระดับการตัดเสียงรบกวนภายในแอปฯ เอา ซึ่งทางที่ดีปิดเอาไว้ดีกว่า ประหยัดแบตฯ ด้วย (ซึ่งใครที่ใช้งานกับ iOS จะไม่สามารถลดระดับการตัดเสียงรบกวนได้ เนื่องจาก iPhone ไม่สามารถเชื่อมต่อ FreeBuds 3 กับแอปฯ ได้)
แม้ว่า Active Noise Cancelling สามารถปรับระดับได้หลากหลาย และทำงานได้แบบเรียลไทม์ แต่ก็อาจจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพในที่กลางแจ้งที่เสียงรบกวนไม่ค่อยคงที่ อย่างเช่น ถนนในเมืองที่จอแจ อาจจะมีการตัดเสียงที่ดีเลย์หรือตะกุกตะกักอยู่บ้าง (แต่เอาจริงๆ สภาพแวดล้อมถนนบ้านเรา ไม่ควรใช้งานหูฟังแบบตัดเสียงรบกวนเลย..อันตราย) ถ้าให้แนะนำว่าอยากลองฟีเจอร์นี้ที่ไหน เอาเป็นร้านอาหารหรือรถไฟฟ้าดีกว่า
อีกจุดสังเกตหนึ่งคือ ถ้าปิด Active Noise Cancelling ตัวหูฟังจะไม่ปราณีคู่สายสนทนาเลย เพราะไมค์จะดูดเสียงรอบตัวทุกอย่างส่งไปยังคู่สายสนทนาทั้งหมด ไม่ตัดเสียงหรือเบาเสียงรอบข้างใดๆ ทั้งสิ้น ถือว่าไมค์ทำงานได้ดีเลยล่ะ
พอเป็นหูฟังไร้สายที่เด่นในเรื่องไมค์สนทนาแล้วราคาไม่สูงมาก จึงไม่ได้คาดหวังเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ก็ค่อนข้างประทับใจอยู่ไม่น้อยสำหรับเสียงที่ได้มา โดยโปรไฟล์เสียงของหูฟังจะออกแนวกลางๆ ไม่ได้แหลมใสจนโดดเด่น หรือไปทางทุ้มหนักจนเกินไป โทนเสียงก็มาครบทั้ง เสียงแหลม เสียงกลาง และเสียงเบสที่กระชับ (อาจจะค่อนมาทางเสียงต่ำนิดๆ) ซาวด์สเตจไม่กว้าง ถ้าเพลงมีเครื่องดนตรีเยอะๆ ก็จะอึดอัดอยู่บ้าง แต่โดยรวมฟังเพลงทั่วไป ก็ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาอะไรครับ
HUAWEI FreeBuds 3 ได้ชื่อว่าเป็นหูฟังไร้สายที่มีค่า Latency ต่ำมากๆ กล่าวคือ จะมีปัญหาที่ใช้หูฟังบลูทูธเล่นเกมมือถือแล้วเสียงดีเลย์ตามหลังภาพมาน้อยมากๆ
ซึ่งจากที่เราทดสอบดู เสียงก็ดีเลย์น้อยกว่าหูฟังรุ่นอื่นๆ จริงนั่นแหละ สำหรับการดูวิดีโอทั้งจาก YouTube หรือแอปฯ สตรีมมิ่งต่างๆ แทบจะไม่มีดีเลย์ เสียงวิดีโอค่อนข้างตรงกับปาก (หรือแอบเหลื่อมนิดๆ เพราะเราสังเกตรึเปล่าก็ไม่รู้?) ไม่เสียอรรถรสในการชม ส่วนการเล่นเกมเสียงจะมีดีเลย์อยู่บ้าง ข้อสังเกตคือ หากเป็นเกมที่กินทรัพยากรเครื่องน้อย เสียงก็จะไม่ค่อยดีเลย์ แต่ถ้าเป็นเกมที่กินทรัพยากรเครื่องสูง เสียงก็จะดีเลย์มากหน่อย อย่าง RoV ถึงเสียงจะดีเลย์นิดๆ แต่ก็ยังพอฟังเสียงผ่านหูฟังเล่นได้อยู่บ้าง แต่กับ Call of Duty Mobile ที่เป็นเกม FPS และต้องฟังเสียงปืนนั้น แค่เสียงดีเลย์แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ไม่เหมาะแล้ว แนะนำให้ต่อหูฟังปกติเล่นเกมดีกว่า
หูฟัง FreeBuds 3 จะใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพ จะจับคู่เพียงบลูทูธอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้ร่วมกับแอปฯ AI Life ด้วย ซึ่งเราสามารถเช็คทั้งปริมาณแบตเตอรี่ของหูฟัง (แยกซ้าย-ขวา) ตัวเคสได้ สามารถตั้งคีย์ลัดสำหรับการใช้งาน Double Tap ของหูฟังทั้ง 2 ข้างได้ ไม่ว่าจะเป็นการ เปิด-ปิด Active Noise Canceling, เปิด-ปิดเพลง, เลื่อนเพลง หรือเปิดใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะได้ สามารถปรับระดับการลดเสียงรบกวนได้ รวมทั้งอัปเดตตัวหูฟังได้จากในแอปฯ
จริงๆ หวังเอาไว้ว่าในแอปฯ น่าจะตั้งค่าอะไรได้มากกว่านี้ รวมทั้งคำสั่งและการใช้งาน Double Tap ที่ด้านข้างหูฟัง ก็มีทางเลือกน้อยไปหน่อย (อยากได้การเพิ่ม-ลดเสียง หรือเล่นเพลงก่อนหน้าได้) และอีกเรื่องก็คือ ใครที่ใช้ iOS หมดสิทธิ์ใช้ฟีเจอร์ทั้งหมด เพราะ iPhone สามารถทำได้เพียงต่อหูฟังผ่านบลูทูธเท่านั้น
Double Tap เป็นแอคชั่นเดียวของ FreeBuds 3 ที่เราสามารถควบคุมคำสั่งต่างๆ จากตัวหูฟังได้ และสามารถเลือกคำสั่งแยกหูซ้าย-ขวาได้ (คำสั่งมีให้เลือกจำกัด) ซึ่งการใช้งาน Double Tap สำหรับเรา ต้องใช้การเรียนรู้สักพักเลย จึงจะสามารถกดติดได้ง่ายขึ้น โดยวิธีการคือแตะบริเวณก้านหูฟัง 2 ครั้ง (ตำแหน่งตรงกลางค่อนไปทางด้านบน) ซึ่งเรามักจะแตะเผื่อมากกว่า 2 ครั้ง เพื่อความชัวร์
ถ้ากำลังมองหาหูฟังไร้สายสำหรับใช้งานที่เสียงสนทนาชัดๆ ในราคาจับต้องได้ HUAWEI FreeBuds 3 คงไม่ทำให้ผิดหวังแน่ๆ ครับ เพราะหูฟังไร้สายทรูไวเลสที่มีไมค์คุณภาพดีขนาดที่ว่าใช้สนทนาได้อย่างไม่หงุดหงิดในตลาดตอนนี้ยังหาได้ยาก บวกกับราคาที่ไม่สูงเกินไปแล้วก็ถือว่าน่าเล่นอยู่ไม่น้อย ส่วนเรื่องความบันเทิงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ดูหนัง ฟังเพลง ถ้าไม่ได้โฟกัสเรื่องเสียงมากๆ ถึง HUAWEI Freebuds 3 เสียงจะไม่ได้แตะคุณภาพของหูฟังเทพๆ ที่เสียงใสๆ ซาวด์สเตจกว้างๆ แต่ก็ถือว่าเสียงชัดเบสกระชับ ใช้งานได้ในระดับหนึ่ง เรื่องการเล่นเกมถึงแม้จะดีเลย์น้อยแล้วแต่ก็ไม่เท่าของแบรนด์ Apple ถ้าเล่นจริงจังของฝั่งแอนดรอยด์ แนะนำให้หาหูฟังแบบต่อสายใช้งานเอาดีกว่า
|
... |