จุดที่เราชอบ
| จุดที่เราไม่ชอบ
|
ไม่นานมานี้ (กันยายน 2019) Huawei ได้เปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ในชื่อ HUAWEI WATCH GT 2 ซึ่งก็เป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นที่ 4 แล้ว นับตั้งแต่ที่ HUAWEI เปิดตัวสมาร์ทวอทช์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2015 สำหรับสมาร์ทวอทช์รุ่นล่าสุดนี้ Huawei ยังคงเลือกใช้ระบบปฏิบัติการ LiteOS ที่พัฒนาขึ้นมาเองอยู่เหมือนกับ WATCH GT รุ่นก่อนหน้า ภายนอกหน้าตาก็คล้ายคลึงกับของเดิมแค่ดูเล็กกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ซอฟต์แวร์ภายในได้รับการอัปเดตความสามารถหลายอย่างเลยล่ะ จุดขายที่น่าสนใจของ WATCH GT 2 อยู่ที่อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ทาง Huawei เคลมมาว่าสามารถใช้งานได้นานถึง 14 วัน ต่อการชาร์จเพียงรอบเดียว
HUAWEI WATCH GT 2 จะน่าใช้ขนาดไหน เราจะมาป้ายยาให้คุณผู้อ่านได้เคลิ้มเอง
คุณสมบัติที่น่าสนใจของ HUAWEI WATCH GT 2
ก่อนจะไปแกะกล่อง เรามาลองดูคุณสมบัติเบื้องต้นของสมาร์ทวอทช์เรือนนี้กันเสียหน่อย (ในรีวิวนี้จะเป็นรุ่น 46 มม.)
ขนาดตัวเรือน | รุ่น 46 มม.: 45.9 x 45.9 x 10.7 มม. น้ำหนัก 41 กรัม รุ่น 42 มม.: 41.8 x 41.8 x 9.4 มม. 29 กรัม |
หน้าจอ | รุ่น 46 มม.: หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว 454 x 454 HD รุ่น 42 มม.: หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.2 นิ้ว 390 x 390 HD |
ระบบปฏิบัติการ | LiteOS |
การรองรับ | Android 4.4 หรือใหม่กว่า / iOS 9.0 หรือใหม่กว่า |
ซีพียู | Kirin A1 |
หน่วยความจำภายใน | 4 GB (ใช้ได้จริงประมาณ 2.1GB) |
แรม | รุ่น 46 มม.: 32 MB รุ่น 42 มม.: 16 MB |
แบตเตอรี่ | รุ่น 46 มม.: Li-Ion 455 mAh (ใช้งานได้ประมาณ 14 วัน) รุ่น 42 มม.: Li-Ion 215 mAh (ใช้งานได้ประมาณ 7 วัน) |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.1, LE, EDR |
เซ็นเซอร์ | Accelerometer, Ambient light sensor, Air pressure, GLONASS, GNSS, GPS, Gyroscope, Optical heart rate, Geomagnetic |
กันน้ำ | มาตรฐาน 5 ATM water resistance (50 เมตร ใส่ว่ายน้ำได้ แต่ไม่เหมาะกับการดำน้ำ) |
HUAWEI WATCH GT 2 มาในกล่องสีดำสวยหรูเลยล่ะ อุปกรณ์ภายในกล่องจัดเก็บมาอย่างเป็นระเบียบ ภายในกล่องจะมีอุปกรณ์ให้ดังนี้
HUAWEI WATCH GT 2 เป็นสมาร์ทวอทช์ที่ดีไซน์ค่อนข้างเรียบง่าย หน้าปัดเป็นวงกลม ขอบหน้าปัดมีสกรีนตัวเลขให้เหมือนกับเป็น Slide rule ให้หมุนได้ (ขอบหน้าปัดที่หมุนได้เพื่อจับเวลา, คำนวณค่า ฯลฯ ) แต่ความจริงแค่สกรีนมาหลอกตาเฉยๆ นะ ไม่สามารถหมุนได้
หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว แสดงผลได้ชัดเจน สามารถสีดำได้มืดสนิท และดูคมชัดมาก แม้ว่าจะใช้งานกลางแจ้งก็ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งมันแสดงผลแบบ Always-on ได้ด้วยนะ แล้วก็จอ
ด้านหลังของตัวเรือนมีขั้วแม่เหล็กชาร์จแบตเตอรี่ และเซ็นเซอร์วัดชีพจร ชาร์จไฟผ่านแท่นชาร์จแม่เหล็กที่ให้มาในกล่อง ส่วนตัวไม่ค่อยชอบการชาร์จแบบนี้เท่าไหร่ อยากให้ชาร์จแบบไร้สายผ่าน Qi (standard) ได้มากกว่า
สังเกตว่าตรงเซ็นเซอร์จะนูนสูงขึ้นมาจากตัวเรือนนิดหน่อย คาดว่าเพื่อให้มันสัมผัสแนบไปกับข้อมือมากขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้การวัดอัตราการเต้นของชีพจรมีความแม่นยำมากขึ้น
รูปไมค์ และรูลำโพงถูกซ่อนเอาไว้ที่ด้านข้างของตัวเรือน ช่วยเราสามารถคุยโทรศัพท์ผ่านนาฬิกาได้เลย (ลำโพงเสียงดังมาก) มีปุ่มกดอยู่สองปุ่ม ปุ่มบนทำหน้าที่เปิด/ปิดเครื่อง แล้วก็ใช้สำหรับกดเพื่อเข้า/ออกหน้าเมนูด้วย ส่วนปุ่มล่างนี้ใช้สำหรับเลือกโหมดด้านสุขภาพ (Health tracking) /ออกกำลังกาย (Workouts)
***รีวิวนี้เป็นความเห็นจากการใช้ HUAWEI WATCH GT 2 (เฟิร์มแวร์ 1.0.1.16) กับ iPhone XS (iOS 13.1.3) ที่เป็นเวอร์ชันล่าสุด ณ วันที่ 24/10/62)***
ในส่วนนี้เราขอแบ่งการใช้งานออกเป็น 2 ส่วนนะ ส่วนแรกคือการใช้งานเป็นสมาร์ทวอทช์ (Smart Watch) ส่วนที่สองคือการใช้งานเป็น Fitness Tracking
การใช้งานในฐานะสมาร์ทวอทช์
HUAWEI WATCH GT 2 ใช้ระบบปฏิบัติการ LiteOS เป็นระบบปฏิบัติการที่ Huawei พัฒนาขึ้นมาแบบ Open source (BSD 3-Clause license) สำหรับใช้งานบนอุปกรณ์ประเภท IoT โดยเฉพาะ มีจุดเด่นที่ทำงานได้รวดเร็วแต่ใช้พลังงานในการทำงานต่ำมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่ทาง Huawei หยิบมันมาใช้ในสมาร์ทวอทช์ HUAWEI WATCH GT 2
อ่าน : ข้อเสียของ Wear OS
การควบคุมค่อนข้างเรียบง่าย ปัดลงเพื่อเข้าหน้าต่างตั้งค่า ปัดขวาหรือซ้าย เพื่อดูข้อมูลสถานะต่างๆ และปัดขึ้นเพื่อดูหน้าต่างแจ้งเตือน
หน้าปัดนาฬิกามีให้เลือกพอประมาณ ไม่สามารถดาวน์โหลดเพิ่มได้เองนะ และไม่สามารถตั้งรูปภาพที่ต้องการเป็นพื้นหลังได้ด้วย ต้องใช้หน้าปัดที่มีให้เลือกมาแต่เดิมเท่านั้น
HUAWEI WATCH GT 2 มีความสามารถที่สมาร์ทวอทช์พึงมี อย่างระบบแจ้งเตือนที่ Sync จากสมาร์ทโฟน หรือการควบคุมเพลง ทั้งนี้ พวกข้อความแจ้งเตือนเราสามารถอ่านได้อย่างเดียวนะ แต่ไม่สามารถตอบกลับได้ และเราก็พบว่าเฟิร์มแวร์เวอร์ชัน 1.0.1.16 นี้ยังไม่รองรับภาษาไทยนะครับ ข้อมูลทั้งหมดไม่ว่าจะชื่อเพลง, ข้อความ, ชื่อคนโทรเข้าออก ฯลฯ ที่เป็นภาษาไทยจะไม่สามารถแสดงผลได้
สามารถรับสาย โทรเข้าออก และคุยที่ตัวนาฬิกาได้เลย ลำโพงเสียงดังเกินคาด และไมค์จับสัญญาณเสียงได้อย่างชัดเจน อันที่จริงลำโพงออกจะเสียงดังไปด้วยซ้ำ บางทีอยู่ในที่สาธารณะก็แอบเขินบ้าง มีขัดใจอยู่บ้างตรงที่เราไม่สามารถแตะโทรออกจากหน้าต่างแจ้งเตือนได้ (Notification center) เราต้องกดโทรจากเมนู Contacts เท่านั้น
การเข้าถึงแอปฯ ในนาฬิกา หรือเลือกเมนูออกกำลังกายเหมือนง่าย แต่ใช้งานจริงลำบากกว่าที่คิด เนื่องจากเราไม่สามารถเรียงลำดับใหม่ได้ สมมติเมนูที่เราชอบใช้งานประจำอยู่ล่างสุด เราก็ต้องเลื่อนจอไปล่างสุดทุกรอบ
การใช้งานทั่วไปน่าพึงพอใจ แต่ด้วยความที่เป็น LiteOS ซึ่งเรายอมรับว่ามันลื่นกว่า Wear OS พอสมควร แต่ก็ทำให้เราเสียโอกาสในการติดตั้งแอปฯ ไป เนื่องจากมันไม่มี Google Play Store แม้แอปฯ บนสมาร์ทวอทช์ส่วนใหญ่จะไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ แต่บางทีเราก็แอบอยากใช้งานมันบ้างนะ เช่น ดูทางบน Google Maps อะไรงี้
การควบคุมเพลงบนสมาร์ทโฟน หากเป็น iPhone "ไม่สามารถทำได้" เลยไม่ว่าจะฟังผ่านแอปฯ ไหนก็ตาม (บน Android ทำได้) ทำได้แค่ควบคุมเพลงที่เราใส่เอาไว้ในตัวนาฬิกาเท่านั้น
อีกหนึ่งความสามารถสุดสามัญที่ขาดหายไป คือ มันมีฟังก์ชั่นไฟฉาย, สั่งค้นหาตำแหน่งโทรศัพท์, เข็มทิศ, โทรออก ฯลฯ แต่ทำไมไม่ใส่ฟังก์ชั่นพื้นฐานของสมาร์ทวอทช์อย่างรีโมทชัตเตอร์สำหรับกดถ่ายรูปมาให้ด้วยก็ไม่รู้
การใช้งานในฐานะ Finess Traking
แม้ความสามารถในฐานะสมาร์ทวอทช์จะค่อนข้างจำกัด แต่สำหรับด้านสุขภาพ และออกกำลังกาย HUAWEI WATCH GT 2 ทำมาได้ดีทีเดียว คุณสมบัติด้านการออกกำลังกาย มีให้เลือกครบครัน สามารถใช้งานเป็น Fitness tracking ได้อย่างสบายๆ GPS ในตัวก็จับสัญญาณได้ค่อนข้างแม่นยำ
เราสามารถแตะดูพลังงานที่เราเผาผลาญ, ระยะทาง, การนับก้าว, การเดินขึ้นบันได ได้อย่างละเอียด โดยมันสรุปข้อมูลให้เราดูเป็นรายชั่วโมง, รายวัน และรายสัปดาห์ ซึ่งสามารถดูข้อมูลเหล่านี้ได้จากตัวนาฬิกาโดยเลย
เราสามารถเลือกโหมดออกกำลังกายได้ง่ายๆ ด้วยการกดไปที่ปุ่มขวาล่าง แล้วเลือกกิจกรรมที่ต้องการได้ทันที น่าเสียดายที่เราต้องเลือกเองใหม่ทุกครั้งที่ต้องการตรวจจับ มันไม่สามารถเริ่มวัดค่าให้เราอัตโนมัติได้เองนะ
มีโหมดให้เลือกดังนี้ คือ Running courses, Outdoor run, Indoor run, Outdoor walk, Outdoor cycle, Indoor cycle, Pool swim, Open water, Climb, Hike, Trail run, Triathlon, Elliptical, Rower และอื่นๆ โดยพวกกิจกรรมการแจ้ง (Outdoor) จะจับสัญญาณ GPS ด้วย ทำให้การวัดพิกัดค่อนข้างแม่นยำมากทีเดียว
ทุกกิจกรรมเราสามารถตั้งค่าเป้าหมาย, กำหนดระยะเวลา อะไรพวกนี้ได้ด้วยนะ ทำ User Interface มาดี เข้าใจง่าย
อีกหนึ่งคุณสมบัติเด่นของ HUAWEI WATCH GT 2 คือ การตรวจจับการนอนหลับ TruSleep 2.0 ที่ HUAWEI ระบุว่านาฬิกาจะวัดอัตราการเต้นของหัวใจ วิเคราะห์การหายใจ และให้คะแนนคุณภาพการนอนหลับโดยรวมได้ไปพร้อมกัน เท่าที่เราลองตรวจสอบเวลานอนดูก็ค่อนข้างตรงนะ
HUAWEI WATCH GT 2 จะทำงานร่วมกับแอป HUAWEI HEALTH บนสมาร์ทโฟนในการตั้งค่า และดูข้อมูลต่างๆ ซึ่งตัวแอปฯ ทำออกมาได้เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
ตัวแอปฯ จะแบ่งหน้าแรก ออกเป็นส่วนๆ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า Cards โดยจะมีให้เลือกแสดงผลอยู่ 5 ค่า คือ Fitness, Weight, Traing plan, Heart rate และ Sleep เราสามารถเลือกว่าจะให้มี Cards ไหนแสดงผลบ้างได้ด้วย ตามความต้องการของผู้ใช้
ข้อมูลจะถูกเก็บอย่างละเอียด แยกวันเวลาอย่างชัดเจน เราอยากรู้ข้อมูลส่วนไหนก็แค่แตะเข้าไปใน Cards นั้นได้เลย
ทาง Huawei เคลมว่าสามารถใช้งานได้ 2 สัปดาห์ ต่อการชาร์จ 1 รอบ (เฉพาะรุ่น 46 มม.) แต่จากการลองใช้งานของเราแล้ว หากเราเปิดการแสดงผลหน้าจอแบบ Always-on และใช้คุณสมบัติด้านออกกำลังกายที่มีการจับ GPS ด้วยทุกวัน เราจะใช้งานมันได้ประมาณ 4-5 วัน เท่านั้น โดยลดประมาณวันละ 5-15% แล้วแต่ความโหดในการใช้งาน แต่นั่นก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วนะ เมื่อเทียบกับ Apple Watch ที่แบตเตอรี่ใช้งานได้แค่ประมาณ 18 ชั่วโมงเท่านั้น (Apple Watch Series 5)
ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ประมาณ 2 ชั่วโมง ถือว่าเร็วพอสมควร น่าเสียดายที่การชาร์จต้องทำผ่านแท่นชาร์จที่ให้มาเท่านั้น ไม่สามารถชาร์จผ่านพวกแท่นชาร์จไร้สาย Qi (standard) ได้
HUAWEI WATCH GT 2 เป็นสมาร์ทวอทช์ที่มีจุดเด่นตรงความอึดของแบตเตอรี่ที่ใช้ได้เป็นสัปดาห์ต่อการชาร์จหนึ่งรอบ และ GPS ที่แม่นยำ ทำให้การใช้งานด้าน Fitness Tracking ทำได้ดีมาก ระบบตรวจจับคุณภาพการนอนก็ค่อนข้างน่าประทับใจ บอกข้อมูลอย่างละเอียด รู้เลยว่าคืนไหนเรานอนไม่พอ ด้านฮาร์ดแวร์แล้วตัวนาฬิกาถือว่าดีเยี่ยม งานประกอบดี ดีไซน์สวยงาม หน้าจอคมชัด แต่มีติดตรงซอฟต์แวร์ที่เราคิดว่ายังให้ประสบการณ์ได้ด้านการใช้งานได้ไม่ดีเท่าไหร่ การเข้าถึงเมนูต่างๆ น่าจะทำได้ดีกว่านี้ ในแง่ของความเป็นสมาร์ทวอทช์เรายังไม่ค่อยประทับใจ แต่ในแง่ของ Fitness Traking แล้ว ถือว่ามันทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |