ก่อนจะมารีวิว Samsung Galaxy Note10+ ให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน ผมต้องบอกก่อนนะครับว่าผมก็เป็นคนนึงที่ชอบถ่ายภาพและเคยใช้มือถือตระกูล Note มาก่อนคือ Note 3 LTE ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมประทับใจกับปากกาบน Note เพราะมันใช้เขียนและจดวาดรูปในขณะที่มือถือตัวอื่นๆ ไม่มีใครเทียบเท่าได้ในขณะนั้น
และในครั้งนี้ผมได้มีโอกาสสัมผัสมือถือ Galaxy Note จาก Samsung อีกครั้ง ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ลองใช้งานกล้องและปากกา ว่าจะพัฒนากันไปขนาดไหนแล้วบ้าง ซึ่งในบทความนี้ผมก็จะมาพูดถึงเรื่องการใช้งานทั่วๆ ไป และประสบการณ์ภาพถ่ายทั้งดีและไม่ดีที่ผมได้จากมือถือ Samsung Galaxy Note10+ ตัวนี้ จะเป็นยังไงมาอ่านกันได้เลยครับ
เริ่มจากตรงนี้ก่อน ปกติแล้วเวลาไปเที่ยวไหนผมต้องพกกล้อง DSLR บวกเลนส์อีก 3 ตัวไปตลอด เพราะว่าอยากได้ภาพดีๆ แต่ในใจจริงแล้วเราก็อยากพกไปแค่กล้องตัวเดียวกับเลนส์ที่ไว้ใจได้ เพื่อจะได้ถ่ายภาพสวยๆ ได้ดั่งใจ และไม่พลาดโอกาสที่จะเก็บภาพที่เราได้เห็น
ในตรงนี้ Note10+ มันช่วยได้มากๆ ผมชอบที่มันสลับเปลี่ยนมุมกล้องได้ง่าย มีเลนส์ 3 ตัวให้เลือก เราจะถ่ายเก็บมุมกว้างแค่ไหน ซูมยังไง ก็ทำได้หมด เรียกว่าได้มุมกล้องมาแบบพอดีๆ ใช้ได้ในหลายสถานการณ์เลย
"จากที่ใช้มือถือกล้องเดียวมาตลอด พอได้สัมผัสมือถือสามเลนส์บอกเลยว่าผมชอบจุดนี้มาก"
อย่างภาพทางด้านล่างนี้ ถ่ายจากเลนส์ 3 ระยะ ทั้งกว้างสุด (Ultra-Wide) กว้าง (Wide) และ ไกล (Tele) ก็จะได้ภาพอย่างที่เห็น
คุณภาพในตอนแรกที่เห็นผมประทับใจมากเลยล่ะ ไม่คิดว่ากล้องมือถือจะมาไกลขนาดนี้ ถ่ายได้สวยแบบไม่ปรับแต่งเลย (ภาพทุกๆ ใบไม่ได้ผ่านการปรับแต่งเพิ่มเติม ถ่ายแล้วจบหลังกล้อง เพราะแอปฯ มันปรับมาให้อยู่แล้วครับ) ซูมภาพจัดเฟรมได้แบบไม่ต้องขยับตัวก็ได้
ภาพด้านล่างนี้ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน (Night Mode) ซึ่งเป็นโหมดที่ใช้สำหรับถ่ายภาพกลางคืนโดยเฉพาะ พอหาสถานที่ได้ จัดมุมให้พร้อม ถือมือถือให้นิ่ง ก็กดถ่ายภาพได้เลย โดยภาพทุกใบที่ถ่ายไม่ใช้ขาตั้งกล้อง ถือด้วยมือ (Hand-Held) ทุกรูปก็สามารถถ่ายได้ เพียงแต่ต้องถือให้นิ่งที่สุดในขณะที่ถ่าย (หรือจะใช้เทคนิคหามุมพิงวางแขนแล้วถ่ายก็นิ่งขึ้นได้นะ)
"ตอนถ่าย สภาพแสงจริงคือมืดมาก แต่ภาพที่ได้จาก Night Mode ออกมาสวยเลยล่ะครับ "
ทิปส์ : การถ่ายภาพกลางคืนให้ได้ผลดี ควรถ่ายในที่ๆ มีแหล่งกำเนิดแสง หรือ แสงเพียงพอต่อการถ่ายภาพ
เรียกได้ว่า เป็นเทคโนโลยีที่เจ๋งของวงการกล้องมือถือเลยล่ะ กล้องที่ปรับรูรับแสงได้เป็นฟีเจอร์มาจากรุ่น S9/S9+ และได้ใส่มาใน Note10+ ถ้าถามว่ามันดียังไง? คือการที่รูรับแสงของกล้องมือถือมันเปลี่ยนให้แคบหรือกว้างขึ้นได้ ทำให้เลนส์สามารถปรับสภาพให้เหมาะกับแสงในสภาวะต่างๆ เช่น F1.5 ช่วยให้เก็บแสงได้ดึขึ้นในสภาพที่มืด หรือ F2.4 เก็บรายละเอียดได้ดีในสภาพแสงที่สว่างได้นั่นเอง นอกจากนี้รูรับแสงกว้างยังทำให้มีโบเก้ที่ใหญ่ขึ้นด้วย (ถึงแม้จะไม่มากเท่ากล้องใหญ่ก็ตาม)
(ภาพแสดงขนาดโบเก้ ของรูรับแสงทั้งสองแบบ)
ส่วนนี้ก็จะเป็นภาพบางส่วนจากกล้องที่ถ่ายตอนกลางวัน ซึ่งผมว่าการโฟกัสก็ทำได้ไวอยู่ในระดับที่ดี จะมีแต่ก็เรื่องเวลาที่กล้องโฟกัส จะไม่สามารถล็อกแสงได้ ต้องปรับใหม่ตลอด หากถ่ายในโหมดปกติให้ได้แสงที่ต้องการก็จะทำได้ยากสักหน่อย ส่วนเรื่องระยะการซูม การเก็บภาพ จัดเฟรม ด้วยการซูมก็ทำได้โดยง่าย แตะซูมได้ 3 ระยะ แทบจะไม่ต้องเดินถอยจากจุดที่เราถ่ายภาพเลย
การซูมระยะใกล้ ถ่ายอาหารซูมเจาะแบบ Close-up ก็ทำได้ง่าย สีสันออกมาก็สดใสด้วยฟีเจอร์คาดเดาภาพ อย่างเช่น หากเราถ่ายภาพวิว กล้องก็จะรู้ว่าเราถ่ายภาพวิวอยู่ จะถ่าย คน / สิ่งของ / เมือง / อาหาร หลายๆ อย่างกล้องก็สามารถปรับค่าให้เหมาะกับภาพที่เราต้องการถ่ายได้
แถมยังมีฟีเจอร์อีกอย่างนึง นั่นก็คือ ฟีเจอร์แนะนำมุมถ่ายภาพ (Shot Suggestion) ซึ่งเวลาที่เราถ่ายภาพ เมื่อเราเล็งภาพ ตัวกล้องจะวิเคราะห์หามุม ว่าควรวางองค์ประกอบภาพอย่างไร โดยจะขึ้นจุดแนะนำ Best Shot บนหน้าจอ (จุดสีเหลือง)ให้ได้มุมที่เหมาะกับรูปภาพนั้นๆ
มันช่วยได้มากสำหรับคนที่อยากถ่ายภาพ แต่ไม่รู้จะวางมุมกล้องอย่างไรดี ฟีเจอร์นี้ก็เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเราชอบภาพแบบไหน อยากถ่ายอย่างไร เราถ่ายเองในแบบที่เราชอบดีที่สุดครับ
โหมดนี้เป็น โหมดสำหรับถ่ายภาพแบบปรับตั้งค่าเอง (Manual) ที่สามารถบันทึกไฟล์ภาพดิบ (Raw) จากกล้อง Note10+ ได้ โดยการตั้งค่าต่างๆ ก็จะสามารถปรับได้ตามด้านล่างนี้
(สามารถคลิกเข้าไปดูได้ครับ)
ผมได้ลองถ่ายภาพบันทึกภาพแบบไฟล์ RAW มาซึ่ง ตอนที่ถ่ายตัวกล้องจะบันทึกภาพออกมาเป็นสองไฟล์ ดังนี้
RAW* | JPG |
ภาพทางด้านซ้าย RAW (นามสกุล DNG) จะเป็นภาพที่ยังไม่ถูกการปรับแต่งใดๆ จากกล้อง ส่วนทางด้านขวา (JPG) จะเป็นภาพที่ถูกปรับแต่งจากในแอปฯ กล้องมาแล้ว ถือว่าตัวกล้องจัดการแต่งไฟล์ภาพ JPG (ขวา) ออกมาได้ดีกว่าต้นฉบับเสียอีก
ส่วนด้านล่างนี้จะเป็นไฟล์ภาพ RAW ที่ถูกแต่งออกมาแล้วผ่าน Lightroom นะครับ (แต่เนื่องจากหน้าเว็บอัปโหลดไฟล์เต็มไม่ได้) จึงแสดงได้แค่ตัวอย่างภาพในขนาด 50% จากไฟล์ต้นฉบับครับ
(ไฟล์ภาพ Raw ที่แต่งแล้ว)
*ขนาดไฟล์ Raw บนเว็บถูกแปลงเป็น JPG จึงเป็นการแสดงเพียงตัวอย่างภาพเท่านั้น
เอาล่ะมาต่อกันที่เซ็นเซอร์ใหม่ของกล้อง Note10+ กัน กล้องตัวนี้เป็นเซ็นเซอร์ ToF DepthVision ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามา โดยมันจะทำหน้าที่ในการตรวจจับระยะชัดลึก - ชัดตื้น และ หน้าชัดหลังเบลอได้ และที่จะเห็นได้ชัดๆ ก็คือในโหมด Live Focus ใช้ถ่ายภาพบุคคล (Portrait) ทำให้หน้าชัดหลังเบลอ เพิ่มโบเก้ เพิ่มหลังละลาย ได้ตามที่เราต้องการ
พอได้ลองใช้จริง สำหรับผมยังไม่ค่อยชอบโหมด Live Focus นี้สักเท่าไหร่ เพราะว่าเรื่องระยะของการถ่ายภาพนั้นทำได้อย่างจำกัด หากจะถ่ายให้เอฟเฟคในโหมดนี้ทำงาน จำเป็นจะต้องเข้าไปใกล้ๆ ตัวแบบในระยะ 0.5-1 เมตร บวกกับมุมกล้องจะถูกบีบเข้าไป ทำให้หามุมได้ยาก หรือ อาจจะเป็นเพราะยังไม่ชิน ก็เป็นได้ แต่ถ้าใครที่ชอบการถ่ายภาพคนที่ได้เอฟเฟคแบบกล้องโปรแล้วล่ะก็ ลองปรับๆ ดูระหว่าง ระดับ 2-5 ไม่ให้ฉากละลายหรือโบเก้เยอะเกินจำเป็น ก็ทำให้ภาพสวยได้เหมาะกันนะครับ
(นายแบบจำเป็นของเราในวันนี้)
ถ้า Live Focus โฟกัสผิดจุดละก็ ... จะได้ภาพประมาณนี้
(วิดีโอทดสอบ Video Live Focus)
วิดีโอนี้ก็จะเป็นตัวอย่างตอนที่เปิดใช้งานโหมด Video Live Focus นะครับ จะมีโหมดให้เลือกใช้ในตอนนี้ทั้งหมด 4 โหมด Blur, Big Circle, Glitch และ Color Point นะครับ มีตัวเลือกให้ปรับระดับได้ ส่วนผลที่ได้ยังไม่ประทับใจเท่าไหร่ หลังยังเบลอไม่หมด และจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อตัวแบบต้องอยู่ใกล้มากๆ ถอยไปไกลหรือมองไม่เห็นหน้าโหมดนี้จะไม่ทำงาน
ความสามารถใหม่ใน S Pen ที่มันสามารถ โบกตะวัดแล้ว "ซูมมมมมมมม" ได้อย่างที่หลายๆ คนเล่นว่ามันเหมือนร่ายเวทย์ นี่สนุกดีเหมือนกันนะครับ ทำได้โดยกดที่ปากกาก่อน และทำการโบกหมุนเป็นวงกลม (หมุนซ้าย = ซูมเข้า) (หมุนขวา = ซูมออก)
สำหรับการซูมในกล้อง Note10+ ได้ 2 แบบ คือ Optical Zoom ได้ 2 เท่า และแบบ Digital Zoom นั้นได้ถึง 10 เท่า ส่วนคุณภาพที่ได้จากการซูมโดยรวมก็ถือว่าไม่น่าเกลียด ในช่วงเวลาที่เร่งรีบ หรือต้องการถ่ายภาพระยะไกลมากๆ ภาพที่ถ่ายออกมายังสามารถเห็นได้รายละเอียดได้ แต่ไม่ถึงขนาดที่คมชัดทั้งภาพ
ด้านล่างนี้จะเป็นตัวอย่างวิดีโอจากกล้อง Note10+ ที่ถ่ายตอนกลางวันและกลางคืนมาให้ได้ชมกัน เรื่องกันสั่นและคุณภาพก็ทำได้ดีครับ ไม่แย่จนเกินไปในที่แสงน้อยก็ยังสามารถถ่ายได้ แต่ถ้ามีแสงยังไงก็ถ่ายได้ดีกว่าลื่นกว่าครับ
(ตัวอย่างวิดีโอ Note10+)
จากนี้ก็จะเป็นการรีวิวเครื่องและเล่าประสบการณ์การใช้งาน รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ ที่มีใน Note10+ ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันนะครับว่าเจ้า Note10+ มันมีอะไรบ้าง และจากที่ผมได้ใช้มารู้สึกอย่างไร
จอที่ทำออกมาใน Note10+ เป็นเทคโนโลยี AMOLED ขนาด 6.8 นิ้ว รองรับ HDR10+ สีสันสดใส เฉดสีกว้างและลึก ดีไซน์จอเป็นแบบ Infinity – O Display ไร้ขอบดูได้เต็มจอไม่สะดุดตาจริง ถือว่าเกะกะน้อยกว่ามือถือแบบมี Notch (ติ่ง) รุ่นแรกๆ ส่วนพื้นที่จอมีมากขึ้น แต่ก็มีนิ้วเผลอไปโดนขอบบ้างระหว่างจับ เพราะว่ามันบางเกินไป
ส่วนด้านหลังตัวเครื่องสี Aura Glow เป็นกระจก Gorilla Glass 6 ดีไซน์สีเงาๆ เห็นว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงประกายสีต่างๆ สีจะเปลี่ยนไปตามมุมที่แสงสะท้อน ยอมรับว่าสวยไปอีกแบบ แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่ชอบใส่เคสล่ะก็ รอยนิ้วมือเพียบครับ
ใครที่ใช้งานสองซิม ก็ใส่ได้เลยสบายๆ แต่ถ้าต้องการใส่ SD CARD เพิ่มความจุ จะต้องถอด SIM 2 ออกครับถึงจะใส่ SD CARD ได้ เพราะเป็นระบบ Hybrid SIM
(ใส่ Nano SIM ได้สองอัน รองรับ Micro SDCard แทน SIM 2)
รองรับ Ultrasonic Fingerprint Scanner (สแกนนิ้วใต้จอ) กับ Face Recognition (สแกนใบหน้า) ให้ผู้ใช้งานอย่างเราๆ ใช้ล็อกเครื่อง *สแกนนิ้วก็ไม่ได้เร็วหรือช้าจนเกินไป อยู่ในระดับปกติครับ ส่วนระบบสแกนใบหน้าสแกนได้เร็วกว่ารุ่นก่อนๆ
*ผลการใช้งานอาจจะแตกต่างไปตามนิ้วมือผู้ใช้และสภาพการใช้งาน อาทิ ขนาดนิ้วมือ / ลายมือผู้ใช้ / เหงื่อ
ที่ชาร์จที่แถมมาในกล่อง จะเป็นที่ชาร์จแบบ 25W Super Fast Charging นะครับ แบตฯ 4300 mAh ชาร์จชั่วโมงกว่าๆ ก็เต็มแล้ว ถ้าใช้งานไม่หนักก็ใช้ได้เกือบๆ สองวันเลย ส่วนการชาร์จแบบ 45W ที่โฆษณามา อันนั้นเราต้องซื้อแยกครับ จะชาร์จได้เร็วกว่า
(ขอบคุณรูปภาพจาก : samsung.com)
หน้าตา One UI ของตัว Note10+ ถูกออกแบบใหม่ ทำออกมาเรียบๆ สบายตาดีครับ เข้าถึงข้อมูลต่างๆ ก็ดูง่าย ถือว่าออกแบบมาได้ดี แถมมี Night Mode มองได้ในที่แสงน้อย ไม่แสบตา ใครที่ใช้งานตอนมืดๆ ก็ถูกใจกันเลย (รวมถึงผมด้วย)
(เปิด/ปิด Night Mode ได้ใน Setting >> Display >> เลือก Night Mode
ถึงตัวเครื่องที่ขายในไทยจะเป็น CPU Exynos 9825 ไม่ใช่มังกรแดง Snapdragon แต่ความเร็วในการใช้งาน ก็ลื่นไม่แพ้กัน แถมมีแรม 12GB เปิดใช้งานหลายๆ แอปฯ เล่นเกมส์หนักๆ ก็ลื่นไม่ติดขัดหรือกระตุกบ่อยให้กวนใจเลย (มีน้อยมาก)
ใครที่คิดจะซื้อไปเล่นเกมส์บอกได้ว่าหมดห่วงครับ ทั้งเล่นทั้งบันทึกหน้าจอ หรือ สตรีมเกมส์ไปพร้อมๆ กันก็ยังได้สมกับเป็นมือถือ High-End ในยุคนี้
ข้อได้เปรียบที่ Note10+ มีในบรรดามือถือคือ ปากกา S Pen ใช้จดงานวาดรูปได้สะดวก จะเขียนบันทึกอะไรก็ง่าย แถมยังมีฟีเจอร์สั่งการด้วย Air Action ตะวัดโบกมือ ซูมกล้อง เปลี่ยนกล้อง เลื่อนภาพลดเสียงได้ เรียกว่าเป็นปากกาเป็นจุดเด่นที่มีใน Note10+ ได้เลย แต่เรื่องขนาดของปากกาตอนเขียน ผมก็ยังรู้สึกว่า
"ยังรู้สึกเล็กเหมือนเดิม ไม่ชินเหมือนปากกาขนาดปกติ"
ในแง่ของขนาดที่พกสะดวกขนาดบางเสียบเข้าตัวเครื่องได้ ดึงออกมาได้ได้ง่าย และเสียบกลับเข้าไปได้สะดวก ก็เป็นข้อดีที่เก็บได้ เพราะถ้าแยกกันอาจจะหายได้ง่ายกว่า (เคยทำปากกาค่ายผลไม้หายมาแล้วครับ... เพราะเก็บไว้คนละที่)
พอลองเอาทดสอบใช้จริงๆ ในจดบันทึกโน้ตในงานแถลงข่าว หรือ ระหว่างประชุม ตัวปากกาก็ทำได้ดีครับ เขียนจดได้สะดวก จะเปิดโน้ตจด หรือ ดึงปากกาแล้วจดลงบนหน้าจอแบบ Off-Screen ขณะจอดับก็ทำได้
แล้วยังมีฟังก์ชันแปลงตัวหนังสือให้กลายเป็นข้อความ Text นำไปใช้งานต่อได้อีกด้วย (แต่ต้องเขียนให้อ่านออกในระดับนึง ตัวแอปฯ Samsung Note ถึงจะสามารถแปลงข้อความได้ครับ)
เหมือนจะหายไปแต่มันถูกย่อรวมให้อยู่กับปุ่ม Power แทนครับ (ไม่เป็นปุ่มแยกเหมือนแต่ก่อน) ปกติตอนใช้งานเครื่อง ก็ไม่ค่อยได้คุยกับ Bixby สักเท่าไหร่ เพราะโดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าระบบ Voice Command หรือ Voice Assistance ประเภทนี้ยังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร สั่งการบางอย่างไปก็ยังไม่สามารถใช้ได้หากไม่มีคำสั่งนั้นๆ ในระบบ
ส่วนในกล่อง Note10+ มีอะไรบ้าง สามารถดูได้ตามรายละเอียดทางด้านล่างนี้ได้เลยครับ
สี
ขนาดจอ
ความจำ
ความจุ
| กล้องหน้า
กล้องหลัง
แบตเตอรี่
|
ถ้าพูดถึงข้อดีของ Note10+ สำหรับผมนั้น มันมีดีที่จอใหญ่ ทำให้ดูหนังได้เต็มอรรถรส ใช้เล่นเฟซบุ๊ค ท่องเว็บไซต์ อ่านหนังสือก็สบายตา แต่ในขณะเดียวกัน "ความใหญ่เนี่ยแหละที่เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียเพราะจอใหญ่เครื่องก็ใหญ่ตาม" ทำให้การจับถือมือเดียวทำได้ลำบาก ถือทีไรก็ยังไม่ชินระวังหล่นตลอด แต่ถ้ายอมรับข้อนี้ได้จอใหญ่ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
ปากกา S Pen ก็ฉลาดขึ้น มีลูกเล่นใหม่ๆ ให้ผู้ใช้ Note ได้ใช้งานกันถือว่าไม่น่าเบื่อ ซึ่ง Note ก็ยังคงความเป็น Note ได้ดีในเรื่องปากกา ที่เอามาใช้งานในชีวิตจริงได้ แต่เสียดายปากกาเล็ก จับไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่ครับ นอกนั้นใช้ได้ดีหมด
ส่วนเรื่องกล้อง ถือว่าทำได้ดีเลยในบรรดามือถือระดับ High-End ในตอนนี้ อาจจะไม่ดีเลิศขนาดนั้น แต่โดยรวมถือว่าผ่านครับ จะยกเว้นก็แต่ เรื่องเซ็นเซอร์ DepthVision ผมว่ายังต้องพัฒนา เพราะภาพที่ได้สวยอยู่แต่ยังหลอก ถ้าเทียบกับภาพที่เกิดขึ้นจริงจากเลนส์บนกล้อง DSLR ยังห่างไกลกันอยู่ครับ แต่สักวันอาจจะเลียนแบบได้เทียบเท่ากล้องใหญ่ โดยไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เลยก็เป็นได้
ข้อดี
| ข้อสังเกต
|
|
It was just an ordinary day. |