เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางทีมงาน เก่งกะเกม ได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน Exclusive Hands-on Event ณ อาคารกรมดิษฐ์ เพื่อทดสอบเกมใหม่จากค่าย Konami กับ Contra Rogue Corps บนเครื่อง PlayStation 4 Pro ฉากในเกมจะเป็นอย่างไร แนวทางการเล่นจะเป็นแบบไหน เราจะมาเล่า (เหลา) ให้ฟัง (อ่าน) กันค่ะ
เห็นเกมเพลย์แวบแรก ใครจะรู้บ้างว่านี่คือเกม Contra !?
Contra Rogue Corps คือการจับ Contra (ต่อไปจะเรียก คอนทรา) มาแปลงโฉมยกเครื่องแบบใหม่ (เกือบ) หมดจด เพราะเกมคอนทราที่เรารู้จักกันดีคือการวิ่งผ่านด่านเคลียร์ศัตรูแบบเลื่อนฉากด้านข้างไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็จะมีจุดให้ยิงเก็บปืนแบบใหม่มาใช้จัดการกับศัตรู เคลียร์ไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับบอส เคลียร์บอสเสร็จกลับมาวนลูปฆ่าลูกกระจ๊อกต่อ
Credit: https://www.gamepedia.com/images/feature-images/3919-contra
แต่กับภาคใหม่ที่เราไปทดสอบมาจะไม่ใช่ลูปนี้อีกต่อไป เพราะจะกลายเป็นการเล่นแบบผ่านด่านที่เราสามารถเซฟแล้วเล่นต่อได้ (ของเก่ามันเซฟไม่ได้) แถมยังเป็นการเล่นที่พอเล่นจบปั๊บ จะมีแรงค์การเล่นและคะแนนบอกหลังจบ พร้อมปลดล็อกฉากต่อไปที่จะมีความยากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย (มีมิชชั่นให้เล่นอย่างน้อยๆ ก็ 30+ แน่ๆ)
สรุปคะแนนหลังจบภารกิจ ซึ่งเราสามารถเอาคะแนนไปอัปเกรดอะไรอย่างอื่นต่อได้
เบื้องต้นเกมจะมีตัวละครให้ทั้งหมด 4 ตัว แต่ละตัวจะติดอาวุธพร้อมใช้งานมาให้ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราจะสามารถเลือกเปลี่ยนตัวละครได้ตลอดเวลาตราบเท่าที่ยังอยู่ในหน้าล็อบบี้ตรงกองไฟที่เขียนว่า Characters และเปลี่ยนใส่อาวุธเบื้องต้นได้เลยที่นี่จากใน Inventory
เชื่อว่าหลายคนใช้เวลาหน้านี้นานเหมือนผู้เขียนแน่นอน
ระบบอาวุธในภาคนี้จะแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงกับภาคก่อนๆ หน้า เพราะระบบอาวุธในภาค Rogue Corps จะมีให้เลือกหลากหลาย และตัวละครไม่ได้ถูกล็อกให้ใช้แค่อาวุธประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น แต่สามารถปรับแต่งได้อย่างหลากหลายทั้งอาวุธหลักและอาวุธรอง แถมเมื่อเราปรับเพลินจนลืมความสมดุล ตัวเกมจะมีกล่องแจ้งเตือนขึ้นมาให้ด้วยว่าอาวุธของเราอาจมีปัญหาในการใช้หน้างานนะ ยังยืนยันที่จะใส่ไปทั้งแบบนี้ใช่มั้ย?
รูปห้อง Workshop, การปรับแต่งอาวุธ, และการแจ้งเตือน
อัปเกรดอาวุธเสร็จมาอัปเกรดตัวละครกันต่อกับระบบ "ปลูกถ่ายอวัยวะ" ที่เราจะต้องทำที่หน้าล็อบบี้โดยการวิ่งไปห้อง Surgery Room ในเมนู Transplantation ซึ่งจะมีให้เลือกตั้งแต่เปลี่ยนสมอง, ดวงตา, โครงกระดูก, ไปจนถึงผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจกันเลยทีเดียว ส่วนจะเปลี่ยนอะไรแล้วได้อะไรบ้างนั้นก็จะมีบอกรายละเอียดแยกไว้ต่างหาก (คงต้องแปลกันสักหน่อย)
รูป Surgery Room ที่อยู่ทางซ้ายของล็อบบี้ และเมนูการปรับแต่ง
นอกเหนือจากการได้มาหลังจบภารกิจ ผู้เล่นก็สามารถนำแต้มคะแนนมาซื้ออวัยวะได้ที่ Black Market หรือ ตลาดมืด (อิงชีวิตจริงกันไปเลย) แล้วนำมาเลือกใส่ได้เช่นเดิม
ภายในเกมจะมีส่วนแยกย่อยในล็อบบี้ที่ชื่อว่า VTOL ที่สามารถกดเข้าไปเพื่อเลือกเมนูในการเล่นได้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นภารกิจคนเดียว, การเล่นแบบ local co-op, และการเล่นกับผู้เล่นอื่นแบบออนไลน์ (ต้องมีสมาชิก PS Plus ในการออนไลน์) โดยภายในงานที่ได้ไปทดลองมา การเล่น 4 คนแบบ local สามารถเล่นได้ราบรื่นดีไม่มีปัญหาการหน่วงหรือกระตุกให้เห็นแต่อย่างใด โดยทีมงานที่เชิญเราไปแอบกระซิบมาว่า "ถ้าเป็นการเล่นแบบ online ร่วมกับคนอื่น จะมีระบบโฟกัสตัวเราโดยเฉพาะ ทำให้สามารถมองหาตัวละครของเราได้ง่ายไม่ปะปนจนตาลาย" (ถ้าอยากรู้ว่าหาตัวละครตัวเองไม่เจอเป็นยังไง ต้องลองไปหาเกมเพลย์ของ Super Smash Bros. Ultimate ใน Switch ดูแล้วจะรู้)
รูปเกมตอนทดสอบแบบเล่น 4 คน และการสรุปคะแนนหลังจบ (เฟลมาเชียว)
การเคลียร์ภารกิจจะไม่ใช่แค่เล่นแล้วจบไป แต่จะมีสถิติและเหรียญรางวัลให้ได้เก็บสะสมกัน ถูกใจสายล่าแต้มและล่าถ้วยไว้อวดเพื่อนแน่นอน
สถิติการเล่นต่างๆ และประวัติการเล่นสามารถมาดูได้ที่นี่
ถึงจะไม่ได้มีความแตกต่างอะไรเรื่องของเวลาในเกม แต่ Konami ก็ใส่ลูกเล่นฉากและแสงในเวลากลางวันและกลางคืนที่แตกต่างกันเข้ามา ซึ่งจะสังเกตได้จากหน้าล็อบบี้ของเราเองที่เวลาตัดฉากออกมาหลังเล่นจบ บางครั้งมืด บางครั้งสว่าง ก็ทำให้ได้อรรถรสในการเล่นที่แตกต่างออกไปอีกแบบ
ป.ล. เวลาในเกมกับเวลาจริงไม่ได้อิงกันแต่อย่างใด
เปรียบเทียบมุมเดียวกันในเวลากลางวันและกลางคืนของเกม
เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากผู้พัฒนาแล้วว่าจะไม่มีการอัปเดทภาษาไทยเพิ่มเข้าตัวเกม ทั้งตอนวางขายและในอนาคตข้างหน้าอย่างแน่นอน ทำให้การเกิดความลำบากต่อผู้เล่นที่ไม่สันทัดภาษาอังกฤษเวลาที่ต้องไปเจอศัพท์ยากเช่นตอนอัปเกรด เพราะจะมีศัพท์ทางการแพทย์ในส่วนของการ 'ผ่าตัดอวัยวะ' ในโหมดปรับแต่งทักษะของตัวละคร
ส่วน 'ห้องผ่าตัด' ที่มีเมนูให้เลือกการปลูกถ่ายอวัยวะและเลือกซื้ออวัยวะภายในจากตลาดมืด
(ฟังดูน่าสยดสยองยังไงพิกล)
จากที่ได้ไปลองเป็นคนดูและเป็นคนเล่นเกมนี้มา ด้วยความที่ผู้เขียนมีภาพและเกมเพลย์ในหัวมาจากภาคเก่าๆ ที่เน้นการเล่นแบบเรียบง่าย ทำให้การปรับเปลี่ยนครั้งใหม่ในภาค Rogue Corps นั้นดูซับซ้อนมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว เพราะมันไม่ใช่แค่การเคลียร์มอนผ่านด่านอีกต่อไป แต่มีเรื่องของการอัปเกรดและดัดแปลงตัวละครเพิ่มเข้ามา ซึ่งทำให้เกมสามารถเล่นได้ยาวๆ ถ้ายังไม่เบื่อไปซะก่อน เพราะต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะได้แต้มเพียงพอในการอัปเกรด ซึ่งในภาคนี้ ผู้เล่นสายฮาร์ดคอร์จะสามารถทำสปีดรันได้ง่ายเพราะเกมจะไม่บังคับให้ฆ่ามอนทุกตัว แต่เราก็จะได้แต้มน้อยลงเช่นกัน ฉะนั้น สำหรับผู้เล่นสายแคชชวลอย่างผู้เขียนแล้ว ถ้าไม่มีเพื่อนเล่นคงจะเล่นไม่สนุกแหงมๆ (เพราะระดับสกิลผู้เขียนต่ำมากในเกมสายนี้ ฮา...)
|
เกมเมอร์หญิงทาสแมว ถ้าอยู่กับแมวแล้วจะน้วยแมวทั้งวัน |