รีวิว The Legend of Zelda : Link's Awakening การผจญภัยของลิงก์ กับการไขปริศนาเพื่อเอาตัวรอดหลังติดเกาะ

รีวิวเกม The Legend of Zelda : Link's Awakening

เปลี่ยนแนวมาเป็นเล่นเกมผจญภัยไขปริศนากันบ้าง กับหนึ่งในเกมแฟรนไชส์เซลด้าที่ขึ้นแท่นเกมที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล The Legend of Zelda : Link's Awakening ซึ่งบางสิ่งบางอย่างในเกมภาคนี้ กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของอีเวนต์ประจำเกมซีรีส์เซลด้าในเวลาต่อมาด้วย เช่น การตกปลา การเรียนรู้บทเพลงใหม่จากโอคารินา ที่ภายหลังได้ไปอยู่ในเกมเซลด้าในภาค The Legend of Zelda : Ocarina of Time ส่วนตัวเกมในภาคนี้จะออกมาเป็นอย่างไรหลังได้รับการรีเมคกันบ้าง ตามไปอ่านต่อด้านล่างได้เลยค่ะ

เกี่ยวกับเกม The Legend of Zelda : Link's Awakening

เกม The Legend of Zelda : Link's Awakening ถูกวางขายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) บนเครื่อง Game Boy (แบบขาวดำ) หลังจากนั้นก็ได้มีการปรับปรุงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ด้วยการเปลี่ยนโฉมภาพภายในเกมให้ดูทันสมัยและมีคาแรคเตอร์คล้ายกับของเล่น และเพิ่มฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้เล่นสามารถปรับแต่งดันเจี้ยนแล้วนำมาเล่นเองได้ นำกลับมาขายใหม่ภายใต้ชื่อ Link's Awakening DX ในปี ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) บนเครื่อง Game Boy Color

Credit: https://theduxa.blogspot.com/2011/11/title-legend-of-zelda-links-awakening.html

เกมนี้เป็นเกมแนวแอ็คชันผจญภัยแบบสองมิติและใช้การมองในมุมสูง (2D Adventure) มีการไขปริศนาเพื่อผ่านไปยังพื้นที่ถัดไปและแน่นอนว่าต้องมีอุปสรรคต่างๆ เข้ามาขัดขวาง ไม่ว่าจะเป็นบรรดามอนสเตอร์ในรูปแบบต่างๆ, พื้นที่ที่ไม่สามารถผ่านได้ด้วยวิธีการปกติทั่วไป, และเหตุการณ์พิเศษที่ต้องตามตัวละครอื่นมาช่วย เป็นต้น

เนื้อเรื่องของเกม The Legend of Zelda : Link's Awakening

เนื้อเรื่องของเกม The Legend of Zelda : Link's Awakening จะไม่ต่อเนื่องจากเกมอื่นๆ ในแฟรนไชส์เลย แต่จะไปเริ่มต้นที่การเล่าว่า Link ตัวเอกของเราได้มาติดเกาะอยู่ที่ Koholint Island และได้ชาวเมืองบนเกาะช่วยไว้ ซึ่งต่อมาก็ได้ค้นพบว่า หากต้องการที่จะออกจากเกาะดังกล่าวแล้วล่ะก็ จำเป็นจะต้องค้นหาเครื่องดนตรีให้ครบทั้ง 8 ชิ้น เพื่อปลุก Wind Fish ขึ้นมา หลังจากนั้นจึงจะสามารถออกจากเกาะได้ 

สำหรับใครที่เคยเล่นเกมภาคที่ลงเครื่องเก่าๆ มาก่อน เนื้อเรื่องยังคงเดิม แต่มีการเปลี่ยนกิมมิคในบางฉากนิดหน่อย ส่วนใครที่ไม่เคยเล่นมาก่อนเลย ตัวเนื้อเรื่องนั้นค่อนข้างเป็นเส้นตรง ไม่มีการเซอร์ไพรส์หรือ Plot Twist อะไรมากมาย แต่สิ่งที่ทำให้เราสนุกไปกับการเล่นคือการผจญภัยและไขปริศนาในระหว่างการเดินทาง (ที่เราจะพูดถึงในส่วนถัดไป) ซึ่งในระหว่างทางก็จะมีการเปิดเผยเนื้อเรื่องเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ว่าแต่ละตัวละครเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ ก็ช่วยให้เราพอปะติดปะต่อเรื่องได้ ตัวร้ายก็คือตัวร้าย คนดีก็คือคนดี จะไม่มีการหักหลังเกิดขึ้นในเกมนี้นะ

การดำเนินเรื่องถือว่ามีความน่าสนใจ (ถ้าไม่นับว่าไขปริศนาไม่ได้แล้วเซ็งเลยพาลหมดอารมณ์ไม่อ่านไดอะล็อกน่ะนะ) เพราะตอนแรกเราจะได้รู้เรื่องแค่ว่าพระเอกลอยมาติดเกาะ และต้องไปปลุก Wind Fish ขึ้นมาถึงจะออกจากเกาะได้ แต่พอเล่นไปเรื่อยๆ เราจะได้ค้นพบว่า การติดเกาะในครั้งนี้ เหมือนจะมีใครบางคนหรืออะไรบางอย่าง จัดฉากเหตุการณ์ในครั้งนี้ขึ้นมา และคอยบงการศัตรูบนเกาะให้โจมตีเรา โดยความจริงจะเปิดเผยในช่วงท้ายของเกม ในส่วนนี้ ถือว่าทีมผู้พัฒนาสามารถทำการบ้านมาดี สามารถเล่นกับความสงสัยและความกระหายใคร่รู้ของคนเล่นได้ไม่น้อย

หนึ่งในฉากที่เป็นส่วนของเนื้อเรื่อง

ระบบการเล่นของเกม The Legend of Zelda : Link's Awakening

รูปแบบการเล่นของเกม The Legend of Zelda : Link's Awakening จะเน้นไปที่การแก้ไขปริศนามากกว่าการผจญภัย ถึงแม้ว่าเราจะต้องใช้การเดินทางผ่านไปยังที่ต่างๆ ไปเจอมอนสเตอร์ กับดัก พื้นที่ที่ต่างกันในรูปแบบต่างๆ แต่ก็ใช่ว่ามันจะจบลงแค่การตีมอนทั่วไป เพราะเสน่ห์ของเกมนี้อยู่ที่การมีปริศนาให้ใช้สมองแก้กันทั้งในและนอกดันเจี้ยน ซึ่งบางครั้งถ้าเราไปต่อไม่ได้ ก็เป็นไปได้ว่าเราอาจจะยังไม่ได้เครื่องไม้เครื่องมือที่ต้องปลดล็อกมาใช้ก่อนจึงจะผ่านไปได้ หรือไม่ ก็อาจจะเป็นเราที่เรียงลำดับความสำคัญของการใช้กุญแจผิดไปก็เป็นได้

จะผ่านพื้นที่สีฟ้าได้ก็ต้องสับสวิทช์ พอสับสวิทช์พื้นสีส้มก็จะยกขึ้น สับกันสนุกเลยทีนี้

ถึงแม้ว่าแผนที่ฟิลด์ภายนอกจะดูกว้าง แต่ก็ไม่ได้มีความซับซ้อนเท่าในดันเจี้ยน ซึ่งช่วงแรก ดันเจี้ยนจะมีแค่ปริศนาแบบง่ายๆ พอได้บริหารสมองกันนิดหน่อย แต่พอเริ่มเข้าช่วงหลังของเกมเท่านั้นแหละ ผู้เขียนถึงกับกุมขมับต้องหาเฉลยมาช่วยเลยทีเดียว (ยอมแพ้จริงจัง) ฉะนั้นแล้ว ถ้าคุณชอบเรื่องการแก้ปริศนาที่ซับซ้อน การซื้อเกมนี้มาเล่นเป็นอะไรที่คุ้มค่าแน่นอน

หลังๆ บันไดเยอะซะจนต้องทำเครื่องหมายไว้เลย ไม่งั้นก็มุดขึ้นมุดลงจนไม่ต้องไปไหนกันละ

นอกจากการแก้ปริศนาจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากในเกมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการพูดคุยกับบรรดา NPC ตามฉาก เพราะบางตัวที่ดูไม่สำคัญ อาจกลายมาเป็นคนสำคัญในอนาคต เช่น ตัวละครที่อยู่ในบ้านแล้วพูดทำนองว่า อยากได้ของชิ้นนั้นชิ้นนี้มาก เพราะมันไม่ได้พูดขึ้นมาลอยๆ เฉยๆ แต่เราจะต้องมาคุยกับ NPC ตัวนี้ใหม่อีกครั้งในอนาคตแน่นอน เพราะของที่จะช่วยให้เราผ่านด่านที่ติดขัดไปได้ก็จะมาจากตัวละครเหล่านี้นี่แหละ

ของที่ได้มาอาจดูไม่มีอะไร แต่จริงๆ แล้วเอาไปแลกเป็นของอย่างอื่นที่มีประโยชน์ในอนาคตได้

การพลาดในเกมนี้ไม่โหดร้ายกับผู้เล่นเหมือนเกมอื่นทั่วไปที่เรามักจะเข้าใจว่า การพลาดตกเหวหรือตกรูใดๆ ก็ตามนั้นทำให้ตัวละครเสียชีวิตไปเลย เพราะการพลาดดังกล่าวจะเป็นเพียงแค่การลดหัวใจที่มีอยู่ลงเท่านั้น และสามารถเติมใหม่ได้ง่ายๆ เพียงแค่กำจัดศัตรูหรือถางหญ้าตามรายทางก็มีโอกาสดรอปหัวใจออกมาแล้ว จะตายจริง ก็ต่อเมื่อหัวใจลดลงจนหมดเท่านั้น จึงจะต้องไปเริ่มใหม่จากจุดที่เซฟไว้ (มีเซฟอัตโนมัติและจุดที่เราเซฟเองให้เลือก) ซึ่งถ้าเราสามารถเก็บ Piece of Heart หรือชิ้นส่วนหัวใจมาเพิ่มได้มากขึ้น เราก็จะมีจำนวนดวงหัวใจเยอะขึ้น ทำให้อยู่ทนขึ้นไปโดยปริยาย

กราฟิกของเกม The Legend of Zelda : Link's Awakening

กราฟิกของเกม The Legend of Zelda : Link's Awakening เน้นการใช้สีสันที่สดใสฉูดฉาดมาเป็นจุดเด่นของเกม นับว่าเป็นการปรับปรุงแบบยกเครื่องกราฟิกให้กับเกมสุดคลาสสิกจากภาคเก่าที่เคยทำไว้บน Game Boy ได้ดี เพราะในเครื่องเก่า เราจะเห็นเพียงแค่ภาพแบบพิกเซลแตกๆ ตามประสาภาพ 8-บิต ของยุคบุกเบิกเครื่องเกมพกพา ทำให้ได้อรรถรสจากเกมเพลย์เป็นหลัก แต่ด้วยการนำกลับมาทำใหม่อีกครั้งพร้อมปรับปรุงกราฟิกให้ทันสมัยขึ้น ก็ช่วยให้เติมเต็มอรรถรสและความรู้สึกในการเล่นได้ดียิ่งขึ้น เห็นภาพและทางไปต่อชัดเจนมากขึ้นด้วย

และเมื่อเป็นเกม Nintendo ทำเอง ย่อมมีอิสระในการจับตัวละครจากเกมอื่นๆ มาใส่ไว้ในเกมนี้ด้วยเช่นกัน เช่น บรรดาเห็ดและดอกไม้ไฟจากเกม Mario ที่กลายมาเป็นศัตรูในเกมนี้ ก็ถือว่าเป็นกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกใส่มาเพื่อเอาใจแฟนเกม และทำให้ได้ลุ้นต่อไปอีกว่าเราจะไปเจอศัตรูจากเกมไหนโผล่มาอีกรึเปล่า

การทำมุมมองจากด้านบนแบบ 2 มิติ สามารถทำออกมาได้ดีไม่ขัดตา สามารถแสดงระยะทางและแยกแยะเส้นทางต่างๆ ได้อย่างชัดเจน การแยกสีเพื่อแสดงความตื้น - ลึกของน้ำทำได้ดี เพียงแต่ช่วงแรกๆ เราอาจจะประเมินไม่ได้ว่า พื้นน้ำตรงไหนลงได้หรือลงไม่ได้ ต้องลองตกลงไปในน้ำกันดูสักหน่อยว่าตรงนั้นมันสามารถไปต่อได้หรือเปล่า

พื้นน้ำบริเวณด้านหน้า ตัวเอกจะลงไปไม่ได้จนกว่าจะได้ตีนกบมาใส่นะ

มีสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนค้นพบในระหว่างการผจญภัยภายในเกม The Legend of Zelda : Link's Awakening คือการที่ตัวละครเดินทางข้ามฉากจากพื้นที่หนึ่งไปอีกพื้นที่หนึ่งแล้วเกิดอาการกระตุก หรือในทางเทคนิคก็คือเฟรมเรตตกนั่นเอง

จากความรู้สึกของผู้เขียนแล้ว ส่วนตัวมองว่าเกมที่มีภาพกราฟิกประมาณนี้ไม่ควรเกิดอาการกระตุกขึ้นเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการต่อ Dock ด้วยแล้ว ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเพราะเล่นแบบพกพา แต่พอต่อ Dock ออกทีวีมาก็ยังคงมีอาการเดียวกันอยู่ ดังนั้น จึงค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าการกระตุกดังกล่าวเป็นที่ตัวเกม แต่ปัญหานี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ หรอกนะคะ นานๆ จะเจอสักทีนึง

ตอนโหลดเข้าหมู่บ้านมาอาจเจอปัญหากระตุกได้

ความคิดเห็นเกี่ยวกับเกม The Legend of Zelda : Link's Awakening

คะแนนด้านบนจะเห็นได้ว่า ในส่วนของ Story มีการหักไปหนึ่งแต้มเพราะพล็อตเรื่อง ถึงแม้ว่าระหว่างทางจะมีการดำเนินเรื่องที่มีอะไรให้ติดตามได้เรื่อยๆ แต่ก็อย่างที่บอกไปค่ะ ว่าพล็อตเรื่องค่อนข้างเป็นเส้นตรงไม่มีอะไรหวือหวา ก็เลยดูจืดชืดไปหน่อยในตอนสรุปช่วงท้าย

สำหรับ Gameplay ที่ถูกหักไปนั้นเป็นเรื่องของพัซเซิลหรือปริศนาภายในเกมที่บางครั้งมีความซับซ้อนจนเกินไป และคำใบ้ที่ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาแบบเรียลไทม์ได้ เช่น พอเราโทรศัพท์ขอคำใบ้ถึงทางไปต่อ โทรศัพท์จะบอกว่าให้เราลงไปเมืองหิน แต่โทรศัพท์จะไม่บอกว่า ต้องไปหาเครื่องมือบริเวณไหนก่อนเพื่อเข้าสู่เมืองหิน เป็นต้น ซึ่งปัญหานี้มักพบเจอได้บ่อยถ้าคุณเพิ่งจบดันเจี้ยนแล้วทิ้งตัวละครไว้ที่ฟิลด์ด้านนอก หลังจากนั้นก็ไปทำธุระอะไรอย่างอื่นก่อน พอกลับมาอีกทีก็จำไม่ได้แล้วว่าเล่นไปถึงไหนและต้องไปไหนต่อ เป็นต้น

แต่ในภาพรวมแล้ว เกม The Legend of Zelda : Link's Awakening ถือเป็นเกมน้ำดีที่หยิบมาเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่เก่าไปตามเวลาเหมือนเกมอื่นๆ ทั่วไป และไม่อ้างอิงกับไทม์ไลน์เวลาของภาคไหนในแฟรนไชส์เซลด้าทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นใครที่ไม่เคยเล่นเซลด้ามาก่อน (เหมือนผู้เขียน) ก็สามารถสนุกไปกับเกมนี้ได้ไม่มีปัญหา