ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
ไทยแวร์รีวิว
 

รีวิว CallApp แอปพลิเคชันระบุเบอร์โทร บล็อกเบอร์แปลก

CallApp แอปพลิเคชันระบุเบอร์โทร บล็อกเบอร์แปลก
ภาพจาก : https://www.freepik.com/free-vector/mobile-phone-with-love-sign-cartoon-icon-illustration_12158352.htm
เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 15,490
เขียนโดย :
0 %E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7+CallApp+%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A3+%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%81
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

รีวิว CallApp แอปพลิเคชันระบุเบอร์โทร บล็อกเบอร์แปลก

เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยประสบกับปัญหาปวดหัวกับ Telesales สายตื้อที่โทรเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งจากบริษัทประกันภัย, บัตรเครดิต, โปรโมชันจากค่ายมือถือต่าง ๆ รวมทั้งบางครั้งก็พบเจอกับเบอร์สแปมหรือสายของมิจฉาชีพที่โทรเข้ามาก่อกวนจนทำให้หงุดหงิดอยู่บ่อย ๆ ซึ่งถ้าเป็นช่วงก่อนหน้านี้หลายคนก็คงเลือกที่จะปฏิเสธเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาเพื่อเลี่ยงปัญหากวนใจเหล่านี้

แต่ในยุคที่การซื้อของออนไลน์เฟื่องฟูและธุรกิจอาหารแบบเดลิเวอรีกำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ การเลี่ยงรับสายจากเบอร์แปลกนั้นก็กลายเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ไปเสียแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้หลาย ๆ ครั้งเวลาที่โทรศัพท์ดังก็ทำเอาดีใจเก้อ เพราะสายที่คิดว่าโทรมาจากบริการส่งอาหารที่กดสั่งไปไม่นานกลับกลายเป็น Telesales ที่โทรมาเสนอขายประกันไปเสียอย่างนั้น

ดังนั้นหากมีตัวช่วยที่ทำให้เราสามารถรับรู้ได้ว่าสายที่โทรเข้ามานั้นเป็นเบอร์จากไหนก่อนที่จะกดรับสายก็คงจะดีไม่น้อย และแอปพลิเคชันอย่าง CallApp ก็น่าจะเข้ามาช่วยให้ผู้ใช้หลาย ๆ คนรู้สึกเบาใจกับการกดรับโทรศัพท์มากยิ่งขึ้นได้นั่นเอง

เนื้อหาภายในบทความ

แอปพลิเคชัน CallApp คืออะไร ?

แอปพลิเคชัน CallApp เป็นแอปพลิเคชันสำหรับผู้ใช้ Android (ยังไม่เปิดให้บริการในระบบ iOS) ที่สามารถระบุเบอร์โทรของผู้ที่โทรเข้ามาได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถที่จะหลบเลี่ยงการรับโทรศัพท์จากสายที่ไม่ต้องการได้ อีกทั้งยังมีฟังก์ชันการทำงานอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่เพียงเท่านั้น แอปพลิเคชัน CallApp นี้ยังเปิดผู้ใช้ Android สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานกันได้แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย (หรือหากจะสมัครสมาชิกเพื่อใช้งานฟีเจอร์เพิ่มเติมก็สามารถทำได้เช่นกัน)

แอปพลิเคชัน CallApp คืออะไร ?

ดาวน์โหลด และลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชัน CallApp

ผู้ใช้สามารถเข้าไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน CallApp ภายใน Google Play Store มาติดตั้งและใช้งานได้แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ในส่วนของผู้ใช้ iOS ก็น่าจะต้องผิดหวังกันเล็กน้อย เพราะ CallApp นี้เป็นแอปพลิเคชันที่เปิดใช้งานเฉพาะในระบบ Android เท่านั้น

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน CallApp ได้ที่ :

ซึ่งหลังจากติดตั้งเสร็จเรียบร้อยก็ให้ทำการลงทะเบียน โดยสามารถเลือกลงทะเบียนได้ทั้งการลงทะเบียนด้วยเบอร์โทร, Gmail และ Facebook โดยการลงทะเบียนผู้ใช้จะต้องอนุญาตให้ CallApp เข้าถึงรายชื่อผู้ติดต่อและข้อมูลการโทรภายในเครื่อง จากนั้นกรอกรหัสยืนยันที่ได้รับจาก SMS ก็จะสามารถตั้งค่าการโทรผ่าน CallApp เป็นหลักเพื่อใช้งานฟีเจอร์ภายในแอปพลิเคชันได้แล้ว (ส่วนการเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ก็สามารถเลือกกดเชื่อมต่อหรือไม่ก็ได้ตามความต้องการของผู้ใช้)

สไลด์รูปภาพ

 ดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชัน CallAppดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชัน CallAppดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชัน CallAppดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชัน CallAppดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชัน CallAppดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชัน CallAppดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชัน CallAppดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชัน CallAppดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชัน CallApp

Caller ID ระบุเบอร์สายเรียกเข้าแบบอัตโนมัติบนแอป CallApp

โดยปกติแล้วเรามักจะทราบว่าบุคคลที่โทรเข้ามาเป็นใครจากรายชื่อที่บันทึกเอาไว้ในเครื่อง แต่ด้วยฟีเจอร์ Caller ID ของ แอปพลิเคชัน CallApp นี้ก็จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถทราบที่มาของเบอร์แปลกที่ไม่ได้บันทึกไว้ในเครื่องได้จากฐานข้อมูลในระบบของแอปพลิเคชันนี้ ทำให้สามารถหลบเลี่ยงการรับสายจากบริษัทต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี หรือหากเป็นเบอร์ส่วนตัวของผู้ใช้คนอื่น ๆ ที่ไม่มีข้อมูลในระบบก็จะขึ้นเลขหมายตามปกติ

สไลด์รูปภาพ

 Caller ID ระบุเบอร์สายเรียกเข้าแบบอัตโนมัติCaller ID ระบุเบอร์สายเรียกเข้าแบบอัตโนมัติ

แต่หากผู้ใช้คนใดต้องการเพิ่มข้อมูลเบอร์โทรในระบบของ CallApp เกี่ยวกับเบอร์แปลก ๆ เช่น เบอร์ของมิจฉาชีพ เบอร์สแปม หรือเบอร์พนักงานส่งของ ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการกดเข้าไปที่หมายเลขที่ต้องการ จากนั้นก็จะเห็นว่ามีเมนู “Tell us who it is (บอกกับเราว่าเขาคือใคร)” ปรากฎขึ้นมา (หรือหากไม่มีเมนูนี้ก็ให้แตะที่ตัวหมายเลข) แล้วเพิ่มข้อมูลของหมายเลขนั้น ๆ ลงในระบบได้ทั้งเบอร์ส่วนตัว (Private) และเบอร์ของบริษัท (Business) แล้วกดบันทึก ซึ่งหากเป็นเบอร์ของบริษัทต่าง ๆ ก็สามารถแจ้งสแปมได้ในทันที

สไลด์รูปภาพ

 เพิ่มข้อมูลเบอร์โทรในระบบ CallAppเพิ่มข้อมูลเบอร์โทรในระบบ CallAppเพิ่มข้อมูลเบอร์โทรในระบบ CallAppเพิ่มข้อมูลเบอร์โทรในระบบ CallAppเพิ่มข้อมูลเบอร์โทรในระบบ CallApp

เมื่อบันทึกข้อมูลลงระบบของ CallApp เรียบร้อยแล้ว ครั้งถัดไปที่ได้รับสายจากเบอร์เดิมก็จะขึ้นชื่อที่เราบันทึกเอาไว้ในระบบ รวมทั้งผู้ใช้ CallApp คนอื่น ๆ ก็จะรับทราบข้อมูลดังกล่าวนี้ด้วยเช่นกัน ทำให้ลดความลังเลใจในการรับโทรศัพท์ของหลาย ๆ คนได้เป็นอย่างดี

ซึ่งจากที่ลองใช้เองแล้วก็รู้สึกว่าเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ค่อนข้างมาก เพราะตอนที่มีเบอร์โทรเข้าก็ทราบได้ทันทีว่าต้นสายเป็นใครโดยที่ยังไม่ได้กดรับ อีกทั้งหากผู้ใช้หลาย ๆ คนร่วมกันลงข้อมูลในระบบก็น่าจะช่วยให้การเลี่ยงเบอร์สแปมหรือเบอร์ขายตรงได้ง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว (แต่แนะนำว่าตอนลงข้อมูลในระบบระบุเป็นชื่อบริการหรือชื่อบริษัทน่าจะดีกว่า เพราะตอนลองเช็คประวัติคนโทรเข้ามาเราก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าคุณเบิร์ดคือใคร... แต่เดาเอาว่าน่าจะเป็นบริการส่งของสักเจ้าแหละนะ)

Caller ID ระบุเบอร์สายเรียกเข้าแบบอัตโนมัติ

ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจบนแอป CallApp

นอกเหนือไปจาก Caller ID หรือฟีเจอร์ระบุเบอร์โทรที่เป็นฟีเจอร์เด่นของแอปพลิเคชัน CallApp แล้ว ภายในแอปพลิเคชันก็ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

Call Blocker (การบล็อกเบอร์)

สำหรับใครที่ต้องการบล็อกเบอร์ที่โทรเข้ามากวนใจบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเบอร์สแปม หรือเบอร์เสนอขายสินค้าและบริการต่าง ๆ ก็สามารถสร้าง Block List ขึ้นเพื่อบล็อกเบอร์โทรนั้น ๆ ได้ตามต้องการ ทั้งการบล็อกเบอร์ส่วนตัว, เบอร์ไม่ระบุชื่อผู้โทร หรือเบอร์ของบริษัทต่าง ๆ โดยหากเป็นเบอร์ที่ผู้ใช้แจ้งเข้ามาว่าเป็นเบอร์สแปมเป็นจำนวนมาก มันก็จะบล็อกเบอร์นั้นให้แบบอัตโนมัติด้วย

ซึ่งการบล็อกเบอร์โทรนี้ ผู้ใช้ก็จะสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการแตะเบอร์ที่ต้องการบนประวัติการโทร แล้วไปที่ “เมนูเพิ่มเติม” จากนั้นเลือก “Block (บล็อก)” แล้ว “กด OK (ตกลง)” ก็จะมีรายชื่อและเบอร์โทรปรากฏขึ้นบน Block List แล้ว

สไลด์รูปภาพ

 Call Blocker (การบล็อกเบอร์)Call Blocker (การบล็อกเบอร์)Call Blocker (การบล็อกเบอร์)Call Blocker (การบล็อกเบอร์)

หรือหากเพิ่มเบอร์ที่ต้องการบล็อกใน Block List โดยตรงก็สามารถไปที่ “เมนู Spam” > “Block List (คนที่บล็อกการโทร)” > “Add new entry (เพิ่มรายการใหม่)” ก็จะสามารถเลือกเพิ่มเบอร์ที่ต้องการบล็อกได้ทั้งจาก Contact (รายชื่อผู้ติดต่อ), เบอร์ขึ้นต้น - ลงท้าย, หรือการกรอกเบอร์ที่ต้องการได้ (ส่วนการปลดบล็อกก็ให้ไปที่ “เมนู Spam” แล้วแตะที่ “Block List (คนที่บล็อกการโทร)” จากนั้นกดลบก็เป็นอันสำเร็จ)

สไลด์รูปภาพ

 Call Blocker (การบล็อกเบอร์)Call Blocker (การบล็อกเบอร์)Call Blocker (การบล็อกเบอร์)Call Blocker (การบล็อกเบอร์)

Call Recorder (การบันทึกสาย)

ไม่เพียงแต่จะช่วยจัดการกับปัญหาการก่อกวนของเบอร์แปลกได้เท่านั้น แต่ CallApp ยังสามารถบันทึกสายการสนทนาได้ทั้งการรับเข้าและโทรออกเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ไม่พลาดรายละเอียดสำคัญในการสนทนาได้อีกด้วย 

โดยผู้ใช้จะต้องเข้าไปเปิดการทำงานของฟีเจอร์นี้ที่ “เมนู Rec (บันทึก)” จากนั้นอ่านข้อตกลงในการใช้งานและกดอนุญาตให้ทำงานร่วมกับ Accessibility (การช่วยเหลือการเข้าถึง) ของสมาร์ทโฟนเพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ (ทดลองใช้บน Samsung ให้แตะที่ “Installed services (บริการที่ติดตั้ง)” > “CallApp” แล้วกดอนุญาต) จากนั้นจะสามารถเลือกปรับแต่งค่าการบันทึกสายได้ตามต้องการภายใน “เมนู Setting (การตั้งค่า)”

สไลด์รูปภาพ

 Call Recorder (การบันทึกสาย)Call Recorder (การบันทึกสาย)Call Recorder (การบันทึกสาย)Call Recorder (การบันทึกสาย)Call Recorder (การบันทึกสาย)Call Recorder (การบันทึกสาย)Call Recorder (การบันทึกสาย)

ซึ่งหลังจากที่เปิดการทำงานของการบันทึกสายเรียบร้อยแล้ว เมื่อผู้ใช้กดโทรออก (หรือรับสาย) ก็จะมีไอคอนรูปไมค์ปรากฏขึ้น และสามารถแตะที่ “ไอคอนรูปไมค์” เพื่อบันทึกการสนทนาได้เลย แต่ก่อนจะใช้ฟีเจอร์นี้ก็ควรแจ้งคนปลายสายก่อนว่าจะขออัดเสียงการคุยด้วยนะ ไม่งั้นอาจไปละเมิดสิทธิของคนอื่นโดยไม่รู้ตัวได้

สไลด์รูปภาพ

 Call Recorder (การบันทึกสาย)Call Recorder (การบันทึกสาย)Call Recorder (การบันทึกสาย)Call Recorder (การบันทึกสาย)Call Recorder (การบันทึกสาย)

Incognito Mode (โหมดไม่ระบุตัวตน)

สำหรับโหมดไม่ระบุตัวตนของ CallApp ก็จะมีลักษณะคล้ายกับการใช้งาน Browser ต่าง ๆ ที่ข้อมูลการใช้งานจะไม่ถูกบันทึกไว้ในระบบทั้งประวัติการโทรเข้า - ออก และการแจ้งเตือน SMS จากเบอร์โทรที่เลือกเปิดใช้งานในโหมดนี้ โดยผู้ใช้จะต้องกดไปที่รายชื่อผู้ติดต่อที่ต้องการ แล้วแตะที่ “เมนูเพิ่มเติม” มุมขวาบนของหน้าจอ จากนั้นกดเปิดโหมด “Incognito (ไม่ระบุตัวตน)” ก็จะสามารถใช้งานโหมดนี้ได้แล้ว

สไลด์รูปภาพ

 Incognito Mode (โหมดไม่ระบุตัวตน)Incognito Mode (โหมดไม่ระบุตัวตน)Incognito Mode (โหมดไม่ระบุตัวตน)Incognito Mode (โหมดไม่ระบุตัวตน)

Contact (รายชื่อผู้ติดต่อ)

รายชื่อใน Contact (รายชื่อผู้ติดต่อ) ภายใน CallApp นี้จะต่างออกไปจาก Contact บนสมาร์ทโฟนทั่วไป เพราะไม่เพียงแต่จะปรากฎชื่อตามที่บันทึกเอาไว้ในระบบ (หรือตามรายชื่อที่ผู้ใช้ตั้งเอง) และเบอร์โทรศัพท์ของคนนั้น ๆ และประวัติการโทรแล้ว มันยังมีข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายมือถือที่บุคคลนั้นใช้ และ Social Feeds ที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Facebook, Twitter หรือ LinkedIn เพื่อติดต่อพูดคุยกันผ่านช่องทางอื่น ๆ นอกเหนือไปจากการโทรได้อีกด้วย แต่ในส่วนนี้ผู้ใช้ทั้ง 2 ฝั่งจะต้องเชื่อมต่อบัญชีเข้ากับ CallApp เสียก่อน

สไลด์รูปภาพ

 Contact (รายชื่อผู้ติดต่อ)Contact (รายชื่อผู้ติดต่อ)

ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ใช้ยังสามารถเพิ่มโน๊ตข้อมูลเพิ่มเติม, ตั้ง Meeting กำหนดการโทร, เปิดโหมดไม่ระบุตัวตน, ตั้ง Reminder เชื่อมกับปฏิทิน, Backup ข้อมูลประวัติการโทร หรือแชร์ Location และข้อมูล Contact ได้อีกด้วย

Analytics & Insights (การวิเคราะห์ข้อมูลประวัติการโทร)

ภายในเมนูนี้จะมีการระบุช่วงเวลาที่เราใช้งานโทรศัพท์เอาไว้อย่างละเอียด ทำให้ผู้ใช้สามารถทราบเวลาที่ใช้ในการพูดคุยโทรศัพท์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นสายทั้งหมด, สายโทรเข้า, โทรออก และจำนวนสายที่ไม่ได้รับต่าง ๆ โดยข้อมูลดังกล่าวนี้สามารถเลือกดูได้ทั้งหมด 3 ช่วงเวลา ได้แก่ 7 วันที่ผ่านมา, 1 เดือน และตลอดระยะเวลาการใช้งาน

สไลด์รูปภาพ

 Analytics & Insights (การวิเคราะห์ข้อมูลประวัติการโทร)Analytics & Insights (การวิเคราะห์ข้อมูลประวัติการโทร)Analytics & Insights (การวิเคราะห์ข้อมูลประวัติการโทร)Analytics & Insights (การวิเคราะห์ข้อมูลประวัติการโทร)

Car Mode (การใช้งานขณะขับรถ)

ฟีเจอร์ Car Mode ของ CallApp นี้ทำให้ผู้ใช้สามารถรับสายไปได้พร้อม ๆ กับการใช้งานแอปพลิเคชันนำทาง ทำให้นอกจากจะพูดคุยขณะขับรถได้แล้ว ผู้ใช้ยังสามารถขับรถตามเส้นทางเดิมได้อย่างไม่ต้องกังวลว่าจะเลี้ยวผิดหรือขับเลยที่หมายแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อผู้ใช้ทำการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันเข้ากับระบบ Bluetooth ในรถ ระบบก็จะเปิดการทำงานของฟีเจอร์นี้ให้โดยอัตโนมัติ

Theme (ธีมการใช้งาน)

ผู้ใช้สามารถเลือกเปลี่ยนธีมการใช้งานเบื้องต้นได้ 2 รูปแบบ คือ Dark Theme และ Light Theme โดยกดไปที่เมนูเพิ่มเติม “≡” แล้วเลื่อนลงไปด้านล่างสุดและกดเปลี่ยนสีได้เลย แต่หากต้องการเปลี่ยนธีมรูปแบบอื่น ๆ ก็สามารถไปที่ร้านค้าและซื้อธีมเพิ่มเติมมาใช้งานได้

สไลด์รูปภาพ

 Theme (ธีมการใช้งาน)Theme (ธีมการใช้งาน)Theme (ธีมการใช้งาน)

Personal Video Ringtone (การตั้งวิดีโอเรียกเข้าแบบเฉพาะบุคคล)

สำหรับใครที่เบื่อกับเสียงเรียกเข้าและรูปภาพคนโทรเข้าแบบเดิม ๆ ก็สามารถซื้อฟีเจอร์ Personal Video Ringtone หรือวิดีโอเรียกเข้าแบบเฉพาะบุคคลนี้เพิ่มเติมในแอปพลิเคชัน (ราคา 58 บาท) มาใช้งานได้ โดยหลังจากทำการซื้อฟีเจอร์เรียบร้อยก็จะสามารถเลือกตั้งวิดีโอเรียกเข้าได้ที่ความยาวสูงสุดถึง 15 วินาที และตั้งค่าปุ่มกดรับสายได้ตามต้องการอีกด้วย

สไลด์รูปภาพ

 Personal Video Ringtone (การตั้งวิดีโอเรียกเข้าแบบเฉพาะบุคคล)Personal Video Ringtone (การตั้งวิดีโอเรียกเข้าแบบเฉพาะบุคคล)Personal Video Ringtone (การตั้งวิดีโอเรียกเข้าแบบเฉพาะบุคคล)

ฟีเจอร์อื่น ๆ บนแอป CallApp Premium

ฟีเจอร์ด้านบนนี้เป็นฟีเจอร์ที่ทางแอปพลิเคชัน CallApp เปิดให้ใช้งานกันแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่หากผู้ใช้ต้องการอัปเกรดการใช้งานเวอร์ชันพรีเมียมที่ไม่มีโฆษณากวนใจและปลดล็อกฟีเจอร์อื่น ๆ เพิ่มเติมก็สามารถสมัครได้ทั้ง

  • สมาชิกรายเดือน (เดือนละ 32 บาท)
  • สมาชิกรายปี (ปีละ 175 บาท เฉลี่ยเดือนละ 14.58 บาท)
  • สมาชิกแบบตลอดชีพ (250 บาท)

CallApp Premium

ในส่วนของฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาก็ได้แก่

Analytics & Insights (การวิเคราะห์ข้อมูลประวัติการโทรเชิงลึก)

นอกจากสถิติการโทรโดยรวมในเมนู Stats แล้ว ผู้ใช้ CallApp Premium จะสามารถเรียกดูข้อมูลเชิงลึกในการใช้งานโทรศัพท์ของตนเองเป็นรายบุคคลได้ในเมนู Insights ทำให้สามารถทราบรายละเอียดและระยะเวลาการพูดคุยกันกับผู้อื่นได้

Analytics & Insights (การวิเคราะห์ข้อมูลประวัติการโทรเชิงลึก)

Who Viewed My Profile

ผู้ใช้ CallApp Premium จะสามารถเรียกดูสถิติและรายชื่อของคนที่กดเข้ามาดูโปรไฟล์ของเราบน CallApp ได้ อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าให้แอปพลิเคชันทำการแจ้งเตือนทุกครั้งที่มีคนกดเข้ามาดูโปรไฟล์ของเราได้ และทราบที่มาว่าผู้ใช้คนอื่นเข้ามาดูโปรไฟล์ของเราผ่านแอปพลิเคชันหรือบริการใดได้อีกด้วย

Who Viewed My Profile

Backup (การสำรองข้อมูล)

ภายใน CallApp Premium จะมี "เมนู Backup" ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บประวัติและสำรองข้อมูลการโทร, รายชื่อผู้ติดต่อ, วิดีโอเรียกเรียกเข้า และการสนทนาที่บันทึกเอาไว้เชื่อมเข้ากับบริการ Cloud ภายนอกได้ทั้งบริการของ Dropbox และ Google Drive โดยสามารถเลือกสำรองข้อมูลได้ตั้งแต่ 2 วัน, 14 วัน และสูงสุดที่ 1 เดือน

ความคิดเห็นจาก Thaiware เกี่ยวกับแอปพลิเคชัน CallApp

แอปพลิเคชัน CallApp นี้น่าจะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหากวนใจของผู้ใช้หลาย ๆ คนได้ดีทีเดียว แม้ว่าในเบื้องต้นอาจจะยังไม่สามารถระบุเบอร์โทรได้ทุกสาย แต่หากมีผู้ใช้จำนวนมากที่เข้ามาช่วยอัปเดตข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ในระบบแล้วก็น่าจะช่วยให้ปัญหานี้เบาลงไปได้ รวมไปถึงฟีเจอร์อื่น ๆ ภายในแอปพลิเคชันก็มีประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว


ที่มา : callapp.com

 
0 %E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7+CallApp+%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A3+%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%81
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
สมาชิก : Member    สมาชิก
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่..
 
 
 

รีวิวที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น