กล้องติดรถยนต์ DDPAI Z50 เป็นกล้องติดรถยนต์จากแบรนด์ท็อปสัญชาติจีน ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022) ตัวนี้เป็นรุ่นที่สานต่อความสำเร็จจากรุ่น Z40 มีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นเลนส์ องศารับภาพและรูรับแสงที่กว้างขึ้น อัปเกรดเซ็นเซอร์กล้องเป็น Sony IMX415 จนสามารถบันทึกวิดีโอด้วยความละเอียดสูงสุด 4K ได้แล้ว
นอกจากเรื่องการอัปเกรด DDPAI Z50 ยังมีออปชั่นการเลือกซื้อเหมือนอย่างรุ่น Z40 ดังนี้
แบรนด์ | DDPAI |
โมเดล | Z50 |
สี | ดำ |
Input | 5V/2A |
Wi-Fi และ GPS | Wi-Fi 2.4G และ GPS ในตัวกล้อง |
การบันทึกวิดีโอ | กล้องหน้า :
|
กล้องหลัง :
| |
เลนส์ | กล้องหน้า :
|
กล้องหลัง :
| |
G-sensor |
|
หน่วยความจำ |
|
มาพูดถึงลักษณะทางกายภาพของตัวกล้อง DDPAI Z50 กันก่อน ตัวกล้องหน้าดีไซน์สวยเลย วัสดุผิวด้าน ตอบรับกับหน้าจอ LCD ขนาด 2.3 นิ้ว มีปุ่มควบคุมอยู่ใต้หน้าจอ 4 ปุ่มด้วยกัน กระบอกเลนส์อยู่ด้านล่างสุด สามารถปรับองศาในแนวตั้งได้นิดหน่อยประมาณ 35 องศา ด้านหลังเป็นแผ่นกาว 3M สำหรับติดแนบไปกับกระจกรถ ซึ่งถ้าใครกลัวว่ากาว 3M จะไปดึงฟิล์มรถ หรือทิ้งรอยไว้ไว้ที่กระจกตอนแกะ ภายในกล่องจะมีสติ๊กเกอร์สุญญากาศไว้รองกับกระจกรถก่อนติดกาว 3M ได้ด้วย
สายจ่ายไฟเป็นฝั่งที่อยู่กับตัวกล้องเป็น USB-C ต่อกับรถด้วย USB-A และมีอะแดปเตอร์สำหรับต่อช่องจุดบุหรี่มาให้ด้วย อันนี้เลือกแล้วแต่สะดวกได้เลย แต่ถ้าต้องการใช้โหมดจอดรถ (Parking mode) จะต้องต่อผ่านอุปกรณ์ Hardwire Kit (สายไฟตรง) ที่ต้องซื้อเพิ่มในราคา 589 บาทครับ
ตัวกล้องหลังเป็นรุ่น RC1 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับรุ่นที่แล้ว ก็มีสายเชื่อมต่อขนาด 20 ฟุต สามารถลากสายไปติดรถยนต์ขนาด SUV, Jeep หรือ รถกระบะได้เลย ตัวกล้องสามารถติดนอกตัวรถได้ หันด้านเลนส์ไว้ฝั่งซ้าย แต่เราสามารถกลับด้านภาพกล้องหลังได้ในแอปฯ ในกรณีที่ติดผิดฝั่ง
ตัว Hardwire Kit ของ DDPAI จะประกอบไปด้วยสายไฟ 3 เส้น ได้แก่ DCC, ACC และ Ground โดยมีปลั๊กแยกมาให้ 3 แบบสำหรับรถยนต์แต่ละประเภท สำหรับใครที่หาวิธีต่อสายตรงกล้องติดรถยนต์ สามารถติดตามบทความด้านล่างนี้ได้
อ่านเพิ่มเติม : วิธีต่อไฟตรง กล้องติดรถยนต์ สำหรับโหมดจอดรถ (Parking Mode) ให้ทำงานตอนดับเครื่องยนต์
มุมมองของภาพจากเลนส์กล้องตัวนี้อยู่ที่ 140 องศาแบบ FOV ซึ่งก็ครอบคลุมเลนถนนด้านข้างได้เป็นอย่างดี ส่วนกล้องหลังจะมีมุมที่แคบกว่า แต่ก็กว้างพอจะเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาด้านหลังตัวรถ
ส่วนการควบคุมบนตัวกล้อง สามารถทำได้ดังนี้
การใช้งานเข้าเมนูต่าง ๆ บนตัวกล้องค่อนข้างไหลลื่นนะ ไม่มีความหน่วงใด ๆ จะติดก็ตรง องศาหน้าจอค่อนข้างเป็นมุมเงย เพราะเราติดกับกระจกรถ บางทีหันขึ้นไปแดดก็แยงตาพอดี เราเลยชอบที่จะเช็ตค่าต่าง ๆ ผ่านตัวแอปฯ มากกว่า
แอปฯ ที่ใช้งานร่วมกับกล้อง มีชื่อว่า "แอป DDPAI" โหลดจากสโตร์ได้ทั้ง iOS และ Android เชื่อมต่อง่ายมาก ต่อ Wi-Fi Direct ของกล้อง (กล้องเปิด Wi-Fi Direct ตลอดเวลา) แล้วกด Connection ในหน้า Devices ภายในแอปฯ ก็จะเชื่อมต่อเรียบร้อย (ระหว่างเชื่อมต่อกับแอปฯ เราจะกดปุ่มต่าง ๆ ที่กล้องไม่ได้เลย)
ตัวแอปฯ ทำมาค่อนข้างดีนะ ในหน้าแรกจะเป็นการพรีวิวการบันทึกวิดีโอบนกล้องแบบ Real-time เลย (ดีเลย์ประมาณ 1 วินาที) เราสามารถลากเส้น Timeline เพื่อดูวิดีโอที่บันทึกก่อนหน้าได้ทันที ซึ่งในบางช่วงจะโชว์จุดมาร์กสีแดงและสีเหลืองด้วย ซึ่งแทนการบันทึกฉุกเฉิน (เวลาตรวจจับแรงสั่นสะเทือน) และการบันทึกระหว่างจอดรถ (โหมด Parking)
ในหน้านี้ ถ้าเราใช้รุ่น GPS จะมีข้อมูลพวกความเร็วช่วงนั้น ๆ ที่เราขับ ความเร็วเฉลี่ยที่ใช้ เวลาที่ขับ รวมทั้งตำแหน่งที่เราอยู่ในช่วงวิดีโอนั้น ๆ แสดงผลผ่าน Google / Apple Maps ได้ด้วย
การดาวน์โหลดไฟล์ก็ค่อนข้างสะดวกเลย ถ้าเราดูวิดีโอย้อนหลังในช่วงเวลานั้น ๆ อยู่ แล้วกดดาวน์โหลด ตัวเลือกก็จะค้างว่า "คุณกำลังดู.." ไฟล์วิดีโอนี้อยู่ สามารถกดโหลดได้เลย ไม่ต้องมาหาอีกรอบ แต่การดาวน์โหลดด้วย Wi-Fi Direct ยังใช้เวลาอยู่พอสมควรนะ คลิปถูกแบ่งเป็นไฟล์ละ 1 นาที ถ้าโหลดไฟล์ 1080p ของกล้องหลังไม่เกิน 30 วินาที ส่วน 4K จากกล้องหน้าก็หลายนาทีอยู่
หนึ่งในฟีเจอร์ชูโรงของกล้องตัวนี้เลยก็คือ ADAS (Advanced Driver Assistant System) เป็นระบบเตือนผู้ช่วยคนขับรถ ในสถานการณ์ที่รถติด หรือหยุดรอไฟจราจร โดยกล้องจะจับการเคลื่อนไหวของรถคันหน้า เมื่อรถเริ่มขยับ กล้องจะส่งสัญญาณเตือนเราว่า "Vehicle ahead started." เพื่อให้เตือนให้เราออกรถ
ก่อนทดสอบเราไม่คิดว่าฟีเจอร์นี้จะมีประโยชน์เท่าไหร่ แต่เอาจริง ๆ มันมีประโยชน์กว่าที่คิด เวลารถติด หรือไฟแดงนาน ๆ เราอาจจะเหม่อลอยบ้าง การมีกล้องคอยเตือน ช่วยให้เรากลับมาโฟกัสขับรถได้ดีพอควรเลย
แต่ในบางกรณี ระบบ ADAS จะ Sensitive เกินไป เช่นมอเตอร์ไซค์ที่เลาะข้างรถเรา ก็ถูกจับการเคลื่อนไหวเช่นกัน หรือบางทีตรงสี่แยกเราอยู่หน้าสุด ก็จะไปจับรถที่วิ่งในเลนขวางแทน อันนี้ต้องตั้งสติพิจารณาเอาด้วยนะ ไม่ใช่เชื่อกล้องอย่างเดียว
โหมดจอดรถจะเป็นการสแตนบายกล้องระหว่างที่เราดับเครื่องยนต์ ซึ่งถ้าต่อกับ USB หรือช่องจุดบุหรี่จะใช้งานไม้ได้นะครับ ต้องต่อตรงกับแบตเตอรี่เท่านั้น จึงทำให้ตัวกล้องได้ไฟเลี้ยงตลอดเวลา สแตนบายบันทึกภาพได้ถึง 24 ชั่วโมง
จุดที่เราชอบคือ ตัวเลือกในการบันทึกระหว่างจอดรถ เราสามารถเลือกได้ 3 รูปแบบด้วยกันดังนี้
แต่ละตัวเลือกก็จะมีข้อดีของมันเอง แต่ถ้าเราแนะนำจะเป็นการบันทึกแบบ Time-lapse เพราะจะได้เก็บทุก Moment เหมือนตัวเลือก Normal แต่ได้ขนาดไฟล์ที่เล็กกว่า (ความเร็วของการบันทึกแบบ Time-lapse เป็น 25x)
คลิป Time-lapse ช่วงจอดรถ
จริง ๆ แล้วไม่ใช่แค่ 24 ชั่วโมงนะ แต่เราสามารถบันทึกไปได้ถึง 48 ชั่วโมงเลย (มีตัวเลือก 12, 24 และ 48 ชั่วโมงให้เลือก) แต่ก็ต้องดูหน่วยความจำที่เราใช้งานด้วย ว่าความจุพอหรือไม่ ?
ส่วนเรื่องการกินแบตเตอรี่ระหว่างจอดรถ ไม่ใช่เรื่องน่าห่วง เพราะตัวกล้องมีการจัดการประหยัดพลังงานให้อยู่ รวมทั้งระบบเซฟตี้ตัดไฟด้วย นอกจากนี้เราสามารถเช็คสุขภาพแบตเตอรี่ภายในแอปได้ด้วย
เป็นกิมมิกลูกเล่นภายในตัวแอปฯ ที่ระหว่างเราพรีวิวภาพจากกล้อง เราจะเห็นหน้าปัดแสดงผลข้อมูลต่าง ๆ เป็นแสงสีฟ้าเหมือนอยู่ในหน้าเกม ไม่ว่าจะเป็นความเร็วรถ วันเวลา ทิศทาง เส้นรูทที่วิ่ง ระดับความสูง (ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลจาก GPS)
ยิ่งถ้าเราเปิดกับคลิปวิดีโอที่บันทึกไว้แล้ว จะถูกเพิ่มเอฟเฟคบนท้องถนนด้วย ไม่ว่าจะเป็นเส้นถนนที่เราวิ่ง ความเร็วของรถคันอื่นรอบตัวด้วย
คลิปวิดีโอที่บันทึกมาด้วยความละเอียด 4K มีรายละเอียดชัดสะใจอยู่แล้ว หากเป็นในเวลากลางวันที่แสงสว่างเพียงพอ จะมีทั้งสีสันรถหรือตึกต่าง ๆ ที่สดใส รายละเอียดป้ายบนท้องถนนหรือป้ายทะเบียนที่คมชัด
ส่วนในกลางคืน จะมีความต่างจากกลางวันค่อนข้างชัดเจน จุดรบกวนต่าง ๆ ปรากฏขึ้นมาให้เห็นในบริเวณที่แสงน้อย แต่ตัวกล้องมีทั้งเลนส์อินฟราเรด และเทคโนโลยี AI ทั้ง Realcube กับ NightVIS มาช่วย ทำให้บริเวณที่โดนแสงไฟรถ หรือแสงไฟถนน ยังคงแสดงรายละเอียดได้ดี สีสันสวยงาม ทะเบียนรถยังสามารถอ่านได้ในระยะหนึ่ง แต่ในบางกรณีที่ป้ายถนนหรือทะเบียนรถ สะท้อนแสงเต็ม ๆ ก็ทำให้รายละเอียดหายไปได้เหมือนกัน
ส่วนกล้องหลังนั้นด้วยความที่สเปคต่ำกว่ากล้องหน้าและเป็นเทคโนโลยีเก่าจึงเทียบกันไม่ได้ แต่ก็ถือว่าความละเอียด 1080p ที่มีก็สามารถเก็บบันทึกภาพได้ในระดับหนึ่ง
เรื่องสภาพอากาศมักเป็นปัญหากับอุปกรณ์กล้อง อย่างบ้านเราที่แดดร้อน ๆ ตัวกล้องที่ติดอยู่หน้ากระจกก็หนีไม่พ้นความร้อนแน่ ๆ ปกติแล้วกล้องจะ Error หรือแบตฯ บวม แต่ด้วยที่ DDPAI Z50 ใช้ Super Capacitor เป็นตัวเก็บประจุ จึงทนต่อสภาพอากาศได้มากกว่า ใช้งานได้ตลอดเวลา แต่ความเจ้ากรรมอยู่ที่ MicroSD ที่เราใช้ เกิดปัญหา "SD card error." เป็นพัก ๆ
ช่วงการ์ด Error จะขึ้นไฟสีม่วง และบันทึกคลิปไม่ได้
ซึ่งตรงนี้ DDPAI Z50 มี D2 Save Storage คอยช่วยตรงนี้ หาก SD card เกิดมีปัญหาขึ้นมาระหว่างบันทึก ไฟล์วิดีโอนั้นจะถูกเก็บไว้ชั่วคราวที่ NAND Flash ของกล้อง เมื่อการ์ดเป็นปกติแล้ว ไฟล์จะถูกบันทึกลงการ์ดเช่นเดิม ตรงนี้อุ่นใจไปได้เยอะ แต่ก็ควรเปลี่ยนเป็นการ์ดที่มีคุณภาพนะ ที่ตัวกล้องแนะนำคือการ์ด Class 10 U1
ถึงแม้ว่าจะมีฟังก์ชันอัดวนทับได้ แต่ก็ควรอัปความจุของการ์ดให้เหมาะกับการใช้งานนะ อย่างเราใช้การ์ดความจุ 32GB ขับรถช่วงเช้า ช่วงเย็น จอดรถข้ามคืน บันทึกได้ประมาณวันนิด ๆ เอง พอวันที่ 3 ก็ถูกอัดทับแล้ว
ซึ่งสมมติว่าถ้าเราไปใช้บันทึกโหมดจอดรถแบบ Time-lapse 48 ชั่วโมง (ติดตามเวลาที่บันทึกเท่ากับ 2 ชั่วโมง) ก็จะใช้ความจุ 32GB พอดี ซึ่งก็ตรงกับในเว็บ DDPAI ที่ให้ข้อมูลมาตามด้านล่างนี้นะ ถ้าเราใช้ความจุสูงสุด 128GB ก็จะบันทึกได้นานสุดถึง 8 ชั่วโมง ขับรถไป-กลับ 1 ชั่วโมงก็จะอยู่ได้ 1 สัปดาห์เลยทีเดียว
เรื่องนี้เป็นกิมมิกเบา ๆ ที่คิดว่าหลาย ๆ อุปกรณ์ก็น่าจะมีนะ อันนี้ผู้เขียนดึงไฟล์จากกล้องติดรถยนต์มาคัดในคอมฯ แล้วปรากฏว่า สเปคคอมฯ ผู้เขียน "รันไฟล์ 4K ช้ามาก ๆ" ซึ่งในโฟลเดอร์ของวิดีโอกล้องหน้าจะมี "โฟลเดอร์ Small" อยู่ด้านใน เป็นไฟล์เดียวกันแต่มาในขนาด 720p เอาไว้สำหรับพรีวิวไฟล์ ก็จะทำให้สามารถเช็คไฟล์ได้เร็วขึ้นนะ
"โฟลเดอร์ Small" เก็บไฟล์ขนาด 720p
ในความเห็นของเราแล้ว กล้องติดรถยนต์ DDPAI Z50 ด้านความละเอียดของภาพที่บันทึก ถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐานของเซ็นเซอร์กล้องติดรถยนต์ รายละเอียดในเวลากลางวันถือว่าดีเลยทีเดียว ส่วนในกลางคืนหวังผลได้ในระดับหนึ่ง
ที่ประทับใจจะเป็นในเรื่องของแอป DDPAI ที่เรียกดูวิดีโอต่าง ๆ ได้ง่าย เชื่อมต่อง่าย โหลดง่าย การติดตั้งก็ง่าย มีสติ๊กเกอร์สุญญากาศมาช่วยป้องกันกระจกเป็นรอยด้วย ระบบแจ้งเตือน ADAS ที่เหมือนจะถูกจริตกับการขับรถของเราอยู่ Parking mode ที่อัดยาว ๆ ไปได้ถึง 48 ชั่วโมงเลยทีเดียว รวมทั้ง Sense Reality ที่เป็นเอฟเฟคช่วยแต่งเติมสีสันให้กับคลิปกล้องให้แปลกตา ไม่น่าเบื่อเหมือนกล้องทั่ว ๆ ไป เป็นอีกตัวเลือกกล้องติดรถยนต์ที่น่าใช้ครับ
ถ้าเพื่อน ๆ สนใจ กล้องติดรถยนต์ DDPAI Z50 สามารถสั่งซื้อได้ที่นี่
|
... |