สำหรับ Google Chrome และ Microsoft Edge ล้วนแต่เป็น เว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ที่พัฒนาอยู่บนพื้นฐานของ Chromium เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ก็มีคุณสมบัติในการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่งหากจะมองแบบกว้าง ๆ ก็พอจะกล่าวโดยสังเขปได้ว่า Chrome พัฒนามาให้สนับสนุนกับระบบนิเวศของ Google ในขณะที่ Edge นั้นเป็นผลิตภัณฑ์จาก Microsoft
เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ที่ Microsoft ได้เปิดตัว Edge เวอร์ชัน Chromium ออกมา มันมีการอัปเดตปรับปรุงตลอดช่วงที่ผ่านมา แม้ว่า Edge จะใช้ Chromium เป็นพื้นฐานในการทำงาน แต่ว่าทิศทางที่ Microsoft เลือกพัฒนามาก็มีความแตกต่างไปจาก Chrome อยู่มากพอสมควร การจะตอบว่าตัวไหนดีกว่ากัน เราควรมาทำความเข้าใจก่อนว่า Google Chrome กับ Microsoft Edge มันแตกต่างกันอย่างไร ?
แม้ทั้งคู่จะพัฒนาด้วย Chromium เหมือนกัน แต่มันมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งเราจะมาเปรียบเทียบกันใน 5 ด้าน ดังต่อไปนี้
สำหรับ ส่วนประสานงานกับผู้ใช้ (User Interface) ของเว็บเบราว์เซอร์นั้นค่อนข้างมีความสำคัญมาก เพราะเราต้องใช้มันในการท่องอินเทอร์เน็ต เครื่องมือ, ปุ่ม ฯลฯ ที่มีในเว็บเบราว์เซอร์จะส่งผลต่อประสบการณ์ในการใช้งานต่อผู้ใช้โดยตรง เราก็ต้องมาพิจารณาเทียบกันว่า Google Chrome กับ Microsoft Edge มันให้อะไรเรามาบ้าง เช่น ภาษาที่รองรับ, คำแนะนำ, เครื่องมือที่มีให้ใช้ ฯลฯ
Google Chrome กับ Microsoft Edge มีการทำงานที่คล้ายคลึงกัน แต่มันก็ได้รับการพัฒนาให้มีลูกเล่นที่แตกต่างกัน ซึ่งมันส่งผลกระทบต่อการบริหารทรัพยากรระบบ ให้ใช้งานไม่เท่ากันด้วย
Sync เป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่สำคัญของเว็บเบราว์เซอร์ในยุคนี้ มันช่วยให้ข้อมูลบุ๊คมาร์ค, ประวัติการใช้งาน, รหัสผ่าน หรือแม้แต่ข้อมูลของแท็บที่ถูกปิดแล้ว ถูก Sync ไปยังทุกอุปกรณ์ที่คุณมีอยู่ เพื่อสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าคุณจะใช้งานเว็บเบราว์เซอร์จากอุปกรณ์ไหนก็ตาม
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญเลย หากมันทำงานช้า ตอบสนองไม่ทันใจ ผู้ใช้จะเซ็งจนต้องมองหาเว็บเบราว์เซอร์ตัวใหม่มาใช้แทนได้เลย ไม่มีใครชื่นชอบการรอ ผู้ใช้ต้องการคลิกแล้ว ทำงานปั๊ปกันทั้งนั้นแหละ นอกจากความเร็วแล้วก็ต้องมีความเสถียรด้วย ไม่แครช ไม่ค้างบ่อย
ในยุคที่ธุรกรรมจำนวนมากเกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ต ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้กลายเป็นของมีค่าที่ถูกนำไปทำกำไร หรือแสวงหาผลประโยชน์ด้านการตลาดได้ ผู้ใช้จึงหันมาเอาใจใส่กับความเป็นส่วนตัวกันมากขึ้น ซึ่งเว็บเบราว์เซอร์เป็นหนึ่งในช่องทางหลักที่เราใช้ในการทำธุรกรรม
ทั้งคู่มีระบบแท็บให้ใช้งาน โดยเรียงอยู่ที่ขอบด้านบนของตัวเว็บเบราว์เซอร์ มีลูกเล่นในการรวมกลุ่มแท็บ และส่งแท็บไปยังอุปกรณ์อื่นได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม Mcirosoft Edge มีตัวเลือกให้ปรับการแสดงผลแท็บเป็นแนวตั้งที่ด้านข้างได้ ซึ่งดูง่าย และเข้าถึงแท็บที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
Google Chrome ไม่มีคุณสมบัตินี้นตัว แต่สามารถเพิ่มคุณสมบัตินี้เข้ามาได้ด้วยการติดตั้งส่วนขยายจาก Chrome Web Store อย่างไรก็ตาม การทำงานของมันก็อาจจะยังไม่ลื่นไหลเท่าของ Microsoft Edge
ในภาพรวมแล้ว หัวข้อนี้ ถือว่าไม่แตกต่างกันมาก
คุณสมบัติการบันทึก URL ที่ใช้งานประจำ ใน Google Chrome จะเรียกว่า Bookmarks ส่วน Microsoft Edge จะเรียกว่า Favorites แม้ชื่อจะแตกต่างกัน แต่รูปแบบการทำงานก็เหมือนกัน
ทั้งคู่อนุญาตให้รวมรายการ URL ไว้เป็นโฟลเดอร์ แล้วคลิกเลือกใช้งานในรูปแบบเมนูดรอปดาวน์ได้เหมือนกัน แต่ Microsoft Edge มีคุณสมบัติที่เรียกว่า "Collections" ให้ใช้งานเพิ่มเข้ามา โดยผู้ใช้สามารถสร้างกลุ่มคอลเลคชั่นขึ้นมาได้ ภายในนั้นจะสามารถเลือกบันทึกรูปภาพ หรือข้อความได้ด้วย แทนที่จะเป็น URL เพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ คอลเลคชันยังสามารถส่งต่อไปยัง Microsoft Docs, Excel, OneDrive หรือ Pinterest ได้ด้วย
อันที่จริง Google Chrome ก็มีคุณสมบัติคอลเลคชั่น แต่มันทำงานได้ค่อนข้างจำกัด และเน้นกับการบันทึกรูปภาพมากกว่า ในขณะที่ Microsoft Edge สามารถบันทึกได้ทั้ง URL, รูปภาพ และข้อความเลย
ถ้านับเฉพาะธีมเริ่มต้นที่มาพร้อมกับเว็บเบราว์เซอร์เลย Chrome ก็จะมีให้เลือกเพียงโหมด Light กับโหมด Dark ในขณะที่ Edge จะมีธีมสีให้เลือกเยอะกว่า แต่ในความเป็นจริง มันไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก เพราะเราสามารถดาวน์โหลดธีมเพิ่มจาก Chrome Web Store และ Microsoft Edge Store ได้
แม้ธีมใน Microsoft Edge Store จะค่อนข้างน้อย แต่เมื่อ Edge รองรับการติดตั้งส่วนขยายจาก Chrome Web Store ด้วยอยู่แล้ว ในส่วนนี้จึงถือว่าเท่าเทียมกันไปโดยปริยาย
โหมดสำหรับอ่าน หรือโหมด Reader เป็นคุณสมบัติที่มีใน Safari และ Microsoft Edge แต่ Google Chrome ไม่มีให้มา โดยในโหมดนี้จะเป็นการปรับการแสดงผลให้อ่านเนื้อหาได้ง่ายขึ้นเหมือนกับการอ่านนิตยสาร
อย่างไรก็ตาม แม้ Chrome จะไม่มี Reader ให้มาแต่แรก แต่เราสามารถติดตั้ง ส่วนขยาย (Extension) เพิ่มได้ ทำให้ใช้งานได้เหมือนกัน
Google Chrome ใช้ Google เป็น เครื่องมือค้นหา (Search Engine) ในขณะที่ Microsoft Edge ใช้ Bing แต่ทั้งคู่ให้อิสระในการปรับแต่งค่าเริ่มต้นของเสิร์ชเอนจินได้ หัวข้อนี้จึงไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณา
ทั้ง Google Chrome และ Microsoft Edge ต่างมีเวอร์ชัน Android และ iOS ให้ใช้งาน
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม Microsoft Edge ไม่ได้รับความนิยมบนสมาร์ทโฟนเท่าไหร่นัก โดย Chrome ครองตลาดมากถึง 68.79% บนเดสก์ทอป และ 63.72% บนสมาร์ทโฟน ในขณะที่ Edge นั้นมีส่วนแบ่งเพียง 8.1% และ 0.1% ตามลำดับ
แต่ในแง่ของประสิทธิภาพการทำงาน และคุณภาพของแอปพลิเคชันแล้ว ทั้งคู่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละผู้ใช้
ถ้าเป็น Microsoft Edge เวอร์ชันแรก ๆ มันจะมีข้อจำกัดในการ Sync ข้อมูลอยู่บ้าง เช่น ไม่สามารถ Sync ข้อมูลประวัติการใช้งานไปยังทุกอุปกรณ์ได้
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้ ข้อมูลที่สามารถ Sync ได้ ของ Microsoft Edge และ Google Chrome แทบจะไม่แตกต่างกันแล้ว โดยข้อมูลที่ทั้งคู่สามารถ Sync ได้ จะมีดังนี้
ที่แตกต่างกันอยู่เล็กน้อยคือ ผู้ใช้จะต้องเปิดใช้งานคุณสมบัติ Sync ด้วยตนเอง ในขณะที่ Google Chrome จะเปิดการใช้งานคุณสมบัติ Sync เอาไว้ให้เป็นค่าเริ่มต้นอยู่แล้ว
อนึ่ง ในการ Sync ข้อมูลข้ามอุปกรณ์ จะมีข้อสังเกตอยู่เล็กน้อย เนื่องจาก Google Chrome มีบนระบบปฏิบัติการ Windows, macOS, iOS, Android, Linux และ Chrome OS ซึ่ง Microsoft Edge ก็เหมือนกันแต่จะไม่มีเวอร์ชันที่รองรับ Chrome OS
ความเร็ว, การใช้หน่วยความจำ และอัตราการใช้พลังงาน จะเป็นปัจจัยที่เราใช้ตัดสินกันในหัวข้อนี้ โดยเราจะวัดประสิทธิของมันด้วยโปรแกรม Speedometer, JetStream 2 และ Motion Mark
Speedometer เป็นโปรแกรมสำหรับ Benchmark เว็บเบราว์เซอร์โดยเฉพาะ โดยมันจะสุ่มรัน JavaScript application และวัดความเร็วในการตอบสนอง จากการทดสอบ 3 ครั้ง พบว่า Chrome ได้คะแนนนำ 2 ครั้ง ส่วน Edge นำหนึ่งครั้ง เราจึงมองว่ามันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นัก
เว็บเบราว์เซอร์ | Runs per Minute |
---|---|
Google Chrome | 144.9 |
Microsoft Edge | 131 |
JetStream 2 จะเน้นไปในด้านการรันแอปพลิเคชันบนหน้าเว็บไซต์ที่มีความซับซ้อนเป็นพิเศษ การทดสอบนี้พบว่า Microsoft Edge ทำคะแนนได้เยอะกว่าเล็กน้อย
เว็บเบราว์เซอร์ | Runs per Minute |
---|---|
Google Chrome | 130.294 |
Microsoft Edge | 131.755 |
เป็นการทดสอบประสิทธิภาพในการเรนเดอร์กราฟิก แม้ Google Chrome จะได้คะแนนนำ แต่ความห่างของคะแนนก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เว็บเบราว์เซอร์ | Runs per Minute |
---|---|
Google Chrome | 553.38 |
Microsoft Edge | 547.97 |
เราทดสอบด้วยการเปิดวีดีโอสตรีมมิ่งแบบต่อเนื่อง และเปิดหน้าเว็บไซต์ต่อเนื่อง ได้ผลลัพธ์ออกมาดังนี้
เว็บเบราว์เซอร์ | เปิดวีดีโอสตรีมมิ่งแบบต่อเนื่อง | เปิดเว็บไซต์ต่อเนื่อง |
---|---|---|
Google Chrome | 182 นาที | 280 นาที |
Microsoft Edge | 245 นาที | 318 นาที |
โลกอินเทอร์เน็ตนั้นเต็มไปภัยอันตรายหลายอย่าง ทั้ง มัลแวร์ (Malware), ฟิชชิ่ง (Phishing), สแคม (Scam) ฯลฯ เว็บเบราว์เซอร์ที่ดีจึงต้องมีระบบป้องกันเพื่อช่วยปกป้องผู้ใช้งานด้วย
Google นั้นมีชื่อเสียด้านการเก็บข้อมูล เนื่องจากรายได้ของ Google ส่วนใหญ่มาจากการยิงโฆษณา ดังนั้นผลิตภัณฑ์ของ Google จึงพยายามเก็บข้อมูลของผู้ใช้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และ Chrome ก็เป็นหนึ่งในช่องทางเก็บข้อมูลนั้นเช่นกัน
ซึ่งเรื่องนี้ Edge ก็ทำเช่นกัน เพียงแต่ว่า Microsoft ไม่ได้เน้นแสวงหารายได้จากการโฆษณามากเท่า Google เท่านั้นเอง รวมทั้งมีระบบ Anti-tracking ที่ทำงานได้ดีกว่าของ Google ด้วย ดังนั้น ในแง่นี้เรามองว่า Edge ทำได้ดีกว่า Chrome อยู่เล็กน้อย
ในเว็บเบราว์เซอร์ Chrome จะมีการใช้ Google Safe Browsing ในการตรวจสอบเว็บไซต์อันตราย ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เว็บเบราว์เซอร์ Brave, Opera หรือแม้แต่ Firefox ก็ใช้งาน Google Safe Browsing ในการทำงานเช่นกัน แม้ว่ามันจะมีความสามารถในการต่อต้านมัลแวร์ และการฟิชชิ่งน้อยกว่า Microsoft SmartScreen แต่มันก็เป็นเครื่องมือที่สามารถเชื่อถือได้
ส่วน Microsoft Edge เลือกที่จะไม่ใช้ Google Safe Browsing เหมือนเว็บเบราว์เซอร์อื่น ๆ ที่พัฒนาจาก Chromium โดยมันเลือกใช้ Microsoft SmartScreen แทน ซึ่งมีจุดเด่นด้านการป้องกันมัลแวร์ และฟิชชิ่ง จากการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ผลก็ออกมาว่ามันป้องกันได้ดีกว่าจริง ๆ ในจุดนี้ก็เลยต้องยกให้ Microsoft Edge เป็นผู้ชนะไป
ไม่มีใครไวกว่า Google แล้วในการอัปเดตด้านความปลอดภัย โดย Chrome จะได้รับการอัปเดตแทบทุกวัน หรือหลายครั้งภายในวันเดียว เรียกได้ว่าไม่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์ได้ทันใช้ช่องโหว่กันเลย
ในขณะที่ Microsoft Edge จะได้รับการอัปเดตทุกอาทิตย์ บางครั้งก็สองอาทิตย์ หรือสามอาทิตย์ด้วยซ้ำไป มันคงจะดีกว่านี้ หากทาง Microsoft สามารถปล่อยอัปเดตออกมาได้เร็วขึ้น เพื่อลดโอกาสที่แฮกเกอร์จะใช้ช่องโหว่เหล้านั้นในการโจมตี
ในหัวข้อนี้ยากที่จะฟันธงว่าใครเหนือกว่า Microsoft SmartScreen ใน Edge นั้นดีกว่า Google Safe Browsing แต่การอัปเดต Chrome ทำได้ไวกว่ามาก เรียกได้ว่าแลกกันคนละหมัด
ถ้าถามว่า Google Chrome และ Microsoft Edge อะไรดีกว่ากัน ? ก็คงจะตอบคำถามนี้ได้ยาก ทั้งคู่มีจุดแข็งที่แตกต่างกัน ถ้าคุณอยู่ในระบบนิเวศน์ของ Google เป็นหลักใช้บัญชีของ Google บนหลายอุปกรณ์ Chrome ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ ในขณะที่ Edge ด้วยความที่เป็นของ Microsoft อะไรหลาย ๆ อย่างมันเลยผูกกับบัญชีของ Microsoft ที่เราก็น่าจะมีใช้งานกันแค่กับคอมพิวเตอร์ แต่มันก็มีจุดแข็งด้านการใช้ทรัพยากร ว่ากันว่า Microsoft ลดทอนโค้ดที่ไม่สำคัญ และทำหน้าที่ Track ออกไป ทำให้มันทำงานได้เร็วกว่า และใช้ทรัพยากรเครื่องน้อยกว่า ที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือ Edge ใช้แรมน้อยกว่า Chrome
สุดท้ายแล้ว ก็เลือกใช้งานตามความต้องการได้เลย มันดีพอ ๆ กันแหละ แต่ถ้าคอมที่ใช้งานมีแรมน้อยก็อาจจะเทใจไปทาง Edge ละกัน
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |
ความคิดเห็นที่ 1
16 มิถุนายน 2567 16:07:58
|
||
EDGE โหลดyoutube เร็วเข้าบราวเซอร์ใว
cromeกินพื้นที้ ทั้งโทรศัพท์และคอม ดูyoutubeกระตุก |
||