Edge เป็นเว็บเบราว์เซอร์ใหม่ของ Microsoft ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเว็บเบราว์เซอร์หลักแทน Internet Explorer ที่อยู่มาอย่างยาวนาน มีการพัฒนาเอนจินใหม่ที่ใช้ชื่อว่า EdgeHTML ขึ้นมาใช้ เพื่อให้รองรับการแสดงผลกับเว็บไซต์สมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยลูกเล่นในการใช้งาน ซึ่งเอาจริงๆ มันก็ทำงานได้ดี และมีประสิทธิภาพที่ดีพอๆ กับ Chrome เลยล่ะ อย่างไรก็ตาม ปัญหาเพียงอย่างเดียวของมัน คือ ผู้ใช้ก็ยังเลือกใช้งาน Chrome กันเป็นหลักอยู่ดี
ล่าสุดทาง Microsoft เลยเปลี่ยนแผน ในเมื่อผู้คนชินกับ Chrome กันนักใช่ไหม งั้นเราทำ Edge ใหม่จาก Chromium เลยละกัน ซึ่ง Chromium เป็นซอฟต์แวร์แบบ Open-source ของ Google ที่ Google ใช้ในการสร้าง Chrome) โดย Microsoft Edge Chromium เพิ่งจะถูกปล่อยออกมาให้ใช้งานอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมานี่เอง หลังจากซุ่มพัฒนามาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561
Microsoft Edge Chromium จะดีขนาดไหน ลองมาเปิดประสบการณ์ใหม่กันสักหน่อยดีกว่า
ดาวน์โหลด Microsoft Edge Chromium ได้ที่ : https://www.microsoft.com/en-us/edge?icid=SMC-IA-4501095
หลังจากติดตั้ง Microsoft Edge Chromium เสร็จแล้ว เมื่อเปิดใช้งานครั้งแรก มันจะถามเราว่าต้องการดึงข้อมูล และการตั้งค่าจาก Chrome มาใช้ด้วยเลยไหม แล้วก็จะมีให้ตั้งค่านิดหน่อย รวมถึงการ Login เพื่อทำการ Sync ข้อมูลกับบัญชีของ Microsoft ด้วย
พวกแถบ Bookmarks ต่างๆ ถูกยกมาให้เหมือนตอนอยู่ยน Chrome เป๊ะ พูดง่ายๆ ว่า การย้ายมาใช้งาน Edge ง่ายมาก ไม่ต้องเจออะไรวุ่นวายมากนัก
เครื่องมือค้นหาถูกตั้งค่าเริ่มต้นมาเป็น Bing ซึ่งบอกตามตรงว่า ค้นหาได้ผลลัพธ์ได้ไม่ตรงกับใจเหมือน Google สักเท่าไหร่ แต่โชคดีที่เราสามารถเปลี่ยนได้นะ ซึ่งบอกตามตรงว่าขั้นตอนแอบลึกลับพอสมควร เหมือน Microsoft อยากให้เราใช้ Bing มากกว่า โดยการเปลี่ยนให้เราพิมพ์ลงไปในช่อง Address ว่า edge://settings/searchEngines สามารถ Copy ไปวางได้เลย แล้วเลือก Google ให้เป็นเว็บเริ่มต้นครับ
หน้าแรกของตัวเว็บเบราว์เซอร์ สามารถปรับแต่งการแสดงผลได้ในระดับหนึ่ง หน้าตาคล้ายๆ กับ Chrome นี่แหละ แต่มีเพิ่มข่าวสารเข้ามาด้านล่าง ให้เลื่อนลงไปอ่านได้ แต่ไม่รู้ว่าข่าวที่แสดงดึงมาจากไหน พวก Clickbait เยอะเลย โชคดีที่สามารถเลือกปิดได้
Microsoft พยายามทำ Edge เวอร์ชันนี้ให้เรียบง่าย และมีหน้าตาไม่แตกต่างจาก Chrome มากนัก ซึ่งในแง่ดีแล้ว มันช่วยให้เราเริ่มต้นใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ตัวใหม่นี้ได้อย่างรวดเร็ว มันต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆ
แต่มันก็ทำให้เรามีคำถามขึ้นมาในใจว่า "ถ้าเหมือน Chrome แล้วทำไมเราจะต้องย้ายมาใช้ล่ะ?"
อย่างที่เราบอกไว้ในย่อหน้าที่แล้ว Edge Chromium มีความคล้ายกับ Chrome มาก จนเกิดเป็นคำถามว่า "แล้วตูจะเปลี่ยนมาใช้ทำไมให้ยุ่งยากล่ะ?" แต่หลังจากลองสัมผัสดู ก็พบว่ามันมีลูกเล่นน่าสนใจอยู่นะ
คุณสมบัตินี้ เหมือนกับชื่อของมันเลย Edge อนุญาตให้เราสร้าง Profiles (บัญชี) สำหรับใช้งาน Edge ร่วมกับผู้อื่นได้โดยที่ไม่ต้องสร้างบัญชีใหม่บน Windows 10
โดยข้อมูลในบัญชีจะมีการแยกออกจากกัน ไม่ว่าจะเป็น หน้ารายการโปรด, รหัสผ่าน, ข้อมูลการชำระเงิน, ที่อยู่, ประวัติการเข้าชม, ส่วนขยาย ฯลฯ ซึ่งเราสามารถสร้างขึ้นมากี่บัญชีก็ได้ ต่อให้มีคนใช้เป็นคุณแค่คนเดียว ระบบนี้ก็ช่วยแยกงานกับชีวิตส่วนตัวได้อย่างชัดเจน
ตัว Profiles มีให้เลือกสร้าง 2 รูปแบบ คือ Local profile ที่จะอยู่แค่ในเครื่องที่สร้างเท่านั้น กับ Cloud profile ที่จะ Sync ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ให้อัตโนมัติ
Microsoft Edge มาพร้อมกับระบบปกป้องความเป็นส่วนตัวแบบใหม่ที่ถูกเรียกว่า Tracking prevention มันสามารถปกป้องผู้ใช้จากการถูกติดตามบนโลกอินเทอร์เน็ตได้
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมพอเราค้นหาสินค้าชนิดหนึ่งบนอินเทอร์เน็ต แล้วจากนั้นเราจะเห็นโฆษณาขายสินค้าดังกล่าว ในทุกเว็บไซต์ที่คุณเข้าหลังจากนั้น มันเป็นผลที่เกิดจากการ Tracking บนเว็บไซต์นี่แหละ |
เวลาที่เราเข้าเว็บไซต์ต่างๆ ตัวระบบ Online tracker จะทำการเก็บข้อมูลสิ่งที่คุณสนใจจากเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชม, ลิงก์ที่คุณคลิก ฯลฯ ซึ่งมันมีเก็บไว้ใน Cookies ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกในไปใช้โดยพวกบริษัทโฆษณา เพื่อยิงโฆษณามาแสดงผลให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ที่มากขึ้น (หากเป็นวง Getsunova คงจะตั้งชื่อเพลงว่า ความต้องการที่ไม่ต้องการ)
Tracking prevention ใน Edge จะถูกตั้งค่าใช้งานมาตั้งแต่แรกเริ่ม และมีตัวเลือกให้เราตั้งค่าระดับการป้องกันอย่างละเอียด ซึ่งต้องชมว่าออกแบบมาเข้าใจง่ายมากเลยทีเดียว
หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายคนยังไม่ไปจาก Chrome ก็คือ ติดใจส่วนขยาย เบราว์เซอร์ตัวอื่นอาจจะดีกว่า แต่ถ้าไม่มีส่วนขยายให้ใช้ บางคนก็เลือกที่จะไม่ย้ายไปไหน ดูเหมือน Microsoft จะเข้าใจในประเด็นนี้ดี Edge เวอร์ชันนี้จึงสามารถติดตั้งส่วนขยายของ Chrome ได้ด้วย
โดยแม้ว่า Edge เวอร์ชันนี้จะมีตัวดาวน์โหลดส่วนขยายของ Microsoft ให้ใช้ แต่เราก็สามารถเข้าไปยัง Chrome Web Store เพื่อติดตั้งได้ด้วยเช่นกัน
Progressive Web Apps (PWA) เป็นเทคโนโลยีเว็บไซต์แบบใหม่ที่จะให้ผู้ใช้ติดตั้งเว็บไซต์ลงบนเครื่อง เพื่อทำงานได้เหมือนกับเป็นแอปพลิเคชันตัวหนึ่งบน Windows 10 เลย ซึ่ง Microsoft ก็รองรับการทำงานของ PWA ด้วยเช่นกัน
จุดเด่นของ PWA คือ มันสามารถทำงานแบบออฟไลน์, ส่งหน้าต่างแจ้งเตือน, ติดตั้งอย่างรวดเร็ว และอัปเดตข้อมูลกับเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า Edge จะอนุญาตให้คุณติดตั้งทุกเว็บไซต์เป็น PWA ได้ แต่พวกฟังก์ชันต่างๆ ก็ขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาเว็บไซต์อยู่ดีนะ
โหมดสำหรับอ่าน (Reader mode) เป็นของที่เราเฝ้ารอให้ Chrome ทำมาอย่างยาวนาน ทำให้เวลาที่ต้องการอ่านบนเว็บไซต์ยาวๆ เราเลือกที่จะอ่านบน Safari แทน เพราะมันมีโหมดสำหรับอ่านให้ใช้
ซึ่งเราพบว่า ใน Microsoft Edge มีให้ใช้! สำหรับคนที่ไม่รู้จัก มันเป็นโหมดที่จะปรับการแสดงผลของหน้าเว็บไซต์ให้อ่านง่ายยิ่งขึ้น เหลือเฉพาะข้อความ และภาพประกอบเท่านั้น ทำให้อ่านง่ายกว่าเดิมมาก
นอกจากนี้ Edge ยังทำระบบปรับฟอนต์ และเปลี่ยนสีพื้นหลังมาให้ด้วย ไม่ใช่แค่ทำมาให้ใช้ แต่ทำมาดีเสียด้วย เสียดายยังไม่มีให้ปรับฟอนต์ แต่เท่านี้ก็ถือว่าดีงามมากแล้ว
ถึงแม้ว่าการเปิดไฟล์ PDF จะเป็นฟังก์ชันพื้นฐานที่เบราว์เซอร์ในสมัยนี้ทำได้กันอยู่แล้ว แต่ใน Microsoft Edge มันจะมีความแตกต่างไปสักเล็กน้อย
โดยมันมีเครื่องมือสำหรับเขียนลงไปในตัว PDF ให้ใช้ด้วย ทำให้เราสามารถเซนต์เอกสาร, หรือจดโน้ตเล็กๆ น้อยๆ ลงไปบน PDF ได้เลยโดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่ม สามารถบันทึกไฟล์ที่วาดแล้วเป็น PDF ต่อได้ทันที สะดวกมากๆ
Collection เป็นฟังก์ชันใหม่ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาของ Microsoft เปิดให้ทดลองแค่ในผู้ใช้บางส่วนเท่านั้น ใครไม่มีไม่ต้องตกใจ เดี๋ยวในอนาคตก็ได้ใช้
มันมีไว้สำหรับเก็บสะสมภาพ, ข้อความ, วิดีโอ ฯลฯ จากบนเว็บไซต์ โดยเราสามารถลากมันมาใส่ในกล่อง Collection ได้เลย ซึ่งเราสามารถตั้งกลุ่มแยกประเภทให้กับรายการใน Collection ได้ด้วย
นอกเหนือจากการเก็บรวบ เรายังสามารถ Export ข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ไปยัง Excel หรือ Word ได้ด้วย ทำให้เราประยุกต์ใช้ฟังก์ชันนี้ในงานหลายๆ อย่างได้หลากหลายมาก
ในอดีต Edge จะถูกอัปเดตพร้อมกับตัวระบบปฏิบัติการ Windows 10 แต่ใน Edge Chromium การอัปเดตจะแยกออกเป็นเอกเทศ ได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องรอรอบอัปเดตเหมือนแต่ก่อน อีกทั้งยังรองรับการทำงานแบบข้ามแพลตฟอร์มทั้ง macOS, iOS, Android และ Linux
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ เริ่มสนใจ Edge เวอร์ชันใหม่กันบ้างหรือยังครับ ส่วนตัวรู้สึกประทับใจอยู่นะ ดีกว่าที่คาดเอาไว้มากๆ เลยล่ะ
หมายเหตุ รีวิวนี้แปลมาจากบทความต่างประเทศ และมีแทรกประสบการณ์การใช้งานส่วนตัวของผู้เขียนประกอบร่วมด้วย
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |
ความคิดเห็นที่ 1
7 พฤษภาคม 2563 17:10:06
|
|||||||||||
แรกๆก็ใช้ดีอยู่ แต่ตอนหล้ง[...]
หรือว่าผมใช้ไม่เป้นมั้งครับ
|
|||||||||||