ต้นปีที่แล้ว เป็นปีทองของอัลตราบุ้คอย่างแท้จริง โน้ตบุ้คประสิทธิภาพสูงและบางน้ำหนักเบา พกพาง่าย ได้ปลุกประแสตลาดโน้ตบุ้คให้กลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง พอปลายปีที่ MicroSoft เปิดตัว Windows 8 อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งแท็บเล็ตอย่าง Surface ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 8 ทำให้เกิดเป็นเทรนด์ Ultrabook ที่สามารถแปลงร่างตัวเองเป็น Tablet ได้ด้วย
เรื่องของเรื่องคือ Windows 8 นั้นจะให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดเมื่อทำงานร่วมกับหน้าจอแบบสัมผัส อัลตราบุ้คก็เลยทำจอแบบสัมผัสออกมา ในเมื่อทำมาแล้วก็เลยดีไซน์ให้แปลงร่างเป็นแท็บเล็ตได้ด้วยซะเลย
เท่าที่สังเกตในท้องตลาดพบว่าจะมี 2 แบบนะครับ คือ Ultrabook ที่แปลงเป็น Tablet ได้ กับอีกแบบคือ Tablet ที่แปลงเป็น Ultrabook ได้ ข้อแตกต่างของทั้งสองคือ แบบหลังโดยมากทุกอย่างจะอยู่ที่ส่วนหน้าจอ และมี Dock ที่เป็นคีย์บอร์ดสำหรับต่อเพื่อทำงานแบบโน้ตบุ้ค ประสิทธิภาพการทำงานจะสู้แบบแรกไม่ได้ แต่แลกมาด้วยน้ำหนักที่เบากว่า
สำหรับ VAIO Duo 11 จาก Sony เป็นอัลตราบุคที่สามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นแท็บเล็ตได้ครับ และแน่นอนว่าสินค้าจาก Sony มักจะมาพร้อมกับกับดีไซน์ที่น่าประทับใจตั้งแต่แรกเห็นอยู่เสมอ มาดูกันครับว่าเจ้า VAIO Duo 11 จะแหล่มขนาดไหน
คุณสมบัติของ VAIO Duo 11
การออกแบบ
VAIO Duo 11 เป็นอัลตราบุคที่เป็นConvertible PC ดด้านหน้าจะเป็นหน้าจอ ดีไซน์คล้ายๆ Xperia Tablet เลยล่ะ เพียงแต่มีปุ่มตรงกลางสำหรับเข้าเมนู Start เท่านั้นเอง ขอบจอหนาแต่ก็ไม่แปลกอะไร เพราะมันเป็น Tablets ด้วย หากขอบจอแคบจะทำให้ใช้งานยากครับ เวลาถือนิ้วของเราอาจจะไม่แตะโดนจอได้ ด้านหน้าจะเป็นกระจกนะครับ สะท้อนแสงพอตัวและติดรอยนิ้วมือง่าย หน้าจอให้สีสรรสดใสและคมชัดทีเดียวครับ ตัวเครื่องมี Gyro เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวให้ด้วย แต่ทำงานเฉพาะเมื่อเป็นแท็บเล็ตนะ
ด้านข้างจะจัดพอร์ทที่จำเป็นต่อการใช้งานมาให้อย่างครบครัน ตัวเครื่องเป็นโลหะอลูมิเนียมทั้งตัว ที่นอกจากจะให้ความสวยงามและดูหรูหราแล้ว ยังทำให้มันดูแข็งแรงอีกด้วย แต่ว่าก็ต้องทำใจด้วยว่ามันหนักกว่าพลาสติกพอควร แต่ผมชอบโลหะนะ หลังๆ สินค้าจาก Sony จะใช้วัสดุแบบนี้หมดเลย ไม่ค่อยใช้พลาสติกแล้ว สังเกตว่าขอบด้านข้างตัวเครื่องจะปาดเฉียงเล่นมุม จุดนี้เป็นดีไซน์ทำให้มันไม่ดูจืดจนเกินไปครับ เวลาแสงส่องจะสะท้อนเท่ดี
ฝั่งซ้ายมือของเครื่องจะมีพอร์ท VGA สำหรับต่อหน้าจอภายนอก มีช่องสำหรับเสียบการ์โหน่วยความจำภายนอก และช่องหูฟัง (อยากบอกว่าเสียงดีเกินคาด ยังกับฟังด้วย Walkman เลยล่ะ)
อีกฝั่งหนึ่ง มีพอร์ท USB 3.0 ให้ 2 ช่อง และช่อง HDMI ปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่องก็อยู่ตรงนี้ด้วยครับ
ด้านหลังโชว์ตะแกรงทองแดงระบายความร้อน แล้วก็ช่องเสียบสายแลน ส่วนรูสีเหลืองนั่นก็คือช่องต่ออแดปเตอร์เพื่อชาร์จไฟครับ
กล้องที่อยู่ด้านหลังของ VAIO Duo 11 อยู่ใต้เครื่องเลย ใช้งานเข้าท่าในโหมดแท็บเล็ต แต่ถ้าทำงานอยู่ในโหมดโน้ตบุ้ค การกยเครื่องขึ้นมาถ่าย มันน่าจะทำให้เราดูเฟลนะ
ข้างใต้ตัวเครื่องจะมีลำโพงแบบสเตอริโอข้างละฝั่ง ฝั่งซ้ายมือจะมีปุ่มเพิ่มลดเสียงด้วย ตรงนี้ไม่เวิร์คเท่าไหร่ ไม่สามารถกดใช้งานได้เลยหากวางอยู่บนโต๊ะ จำเป็นต้องยกเครื่องขึ้นมาหากจะใช้ คงเอาไว้ใช้เวลาถือทำงานในรูปแบบแท็บเล็ตเพียงอย่างเดียวครับ
เจ้า VAIO Duo 11 นั้นไม่สามารถปรับระดับหน้าจอได้ แต่ว่าสามารถปรับความเอียงได้นิดนึงครับ ใต้ตัวเครื่องจะมีขาตั้ง สามารถเปิด/ปิด ได้ครับ
ใต้เครื่องตรงกลางจะมีช่องเล็กๆ อยู่ เอาไว้สำหรับต่ออุปกรณ์เสริม Sheet Battery เพื่อให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นครับ
คีย์บอร์ดปุ่มเล็กไปนิดนึง ค่อนข้างพิมพ์ยาก และน่าเสียดายที่ไม่มี Touchpad คาดว่าเพื่อประหยัดพื้นที่ ทาง Sony ใส่เป็น Trackpad มาให้แทน ใครที่ไม่เคยใช้มาก่อน คงจะเซ็งไม่ใช่น้อย ถึงจะไม่ชอบ Trackpad สักเท่าไหร่ แต่ Something is better than nothing ครับ ก็ดีกว่าไม่มีอะไรให้ใช้ล่ะนะ หากใช้คล่องๆแล้วก็ทำงานได้ดีไม่ต่างจาก Touchpad ครับ
หน้าตาชัดๆ เห็นเล็กๆ แบบนี้ใช้เลื่อนเมาส์ และคลิกได้ในตัวเลยนะครับ
คีย์บอร์ดมีไฟ ตามมาตรฐานสมัยนี้ ไฟสว่างจ้าเลยล่ะ
องศาของหน้าจอตายตัวเท่านี้เป๊ะ ปรับระดับไม่ได้
สำหรับคนที่ห่วงว่าสไลด์แบบนี้มันจะพังง่ายหรือเปล่า ทาง Sony เค้ารับประกันอย่างดีครับ ว่าไม่มีพังแน่นอน ไม่ใช่การสไลด์ธรรมดาๆ นะครับ มันมีนวัตกรรมเลยทีเดียว SOny ใช้ชื่อว่า "Smooth Surf Slider design" ลือกันว่าเพราะกลไกตัวนี้ตัวเดียว ทำให้การผลิตยากมาก จำเป็นต้องประกอบในญี่ปุ่นเลยทีเดียว ลืมบอกว่าเจ้า VAIO Duo 11 นี่ Made in Japan ครับ
เวลาสไลด์ เราแคยกขึ้นมาจากฐานประมาณ 2 นิ้เท่านั้น กดไลจะดีดตัวขึ้นไปเองอย่างนิ่มนวล แต่พอสุดระยะมีเสียงแกร้กเข้าล็อกอย่างแรง เครื่องแอบสั่นเลย แหะๆ
ข้างหลังเวลายกขึ้นมาจะเป็นแบบนี้ครับ มีตรา VAIO เงางาม
เจ้า Sony VAIO Duo 11 รองรับการสั่งงานผ่านปากกาด้วยนะครับ ปากกาต้องใส่ถ่านด้วย เป็นถ่าน AAAA แอบหาซื้อยากนะครับเนี่ย - -"
ปากกาออกแบบมาค่อนข้างดี น้ำหนักกำลังดีเหมาะต่อการเขียนมาก ไม่เบาหรือหนักเกินไป
หน้าจอ Detect ทันทีเมื่อปากกาห่างจากจอไม่เกิน 10 มม. ปากกาสามารถทำได้ทั้งคลิกซ้าย และคลิกขวา ด้วยการกดปุ่มที่ตัวปากกา นอกจากนี้ Sony ใส่ซอฟท์แวร์ในการใช้ปากกาสกรีนแคปเจอร์พื้นที่ที่ต้องการ และโปรแกรมจดโน้ตด้วยลายมือใส่มาให้ด้วย ปากกามีความแม่นยำและทำงานได้ดี
น่าเสียดายที่ VAIO Duo 11 ไม่มีช่องเก็บปากกาในตัว ทำให้การพกพาไม่สะดวกเท่าไหร่นัก
วิดีโอโชว์การสไลด์และทดสอบคุณภาพเสียงของลำโพง
ข้อดี
ข้อเสีย
ความเห็นจาก Thaiware
ในเรื่องสเป็คของ Ultrabook ยุคนี้ ถ้าเป็นเจนฯเดียวกัน สเป็คหลักแทบไม่ต่างกันเลยครับ ก็ชิพอินเทลเจนฯ 3 + กับการ์ดจอ Intel® HD Graphics 4000 เหมือนกันหมด ต่างกันที่แรมและหน่วยความจำภายในเท่านั้น ส่วนที่แตกต่างกันจริงๆ จะเป็นพวกลูกเล่นต่างๆ ที่แต่ละค่ายใส่มาให้ต่างกัน
อย่างเจ้า VAIO Duo 11 ตัวนี้ Sony ได้ใส่เทคโนโลยี Exmor เข้ามาในกล้อง แต่ว่าภาพก็ไม่ต่างจากเจ้าอื่นเท่าไหร่ นอยส์ก็เยอะไม่ดีกว่าเจ้าอื่นสักเท่าไหร่ แต่ที่ค่อนข้างประทับใจคือการฟังเพลงผ่านช่องเสียบหูฟัง ที่ให้พลังเสียงเต็มอิ่มมาก หน้าจอก็คมชัดดีแต่ว่าเงาสะท้อนค่อนข้างเยอะและเป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก แนะนำว่าในการใช้งานควรติดฟิลม์จะดีที่สุด การเปิดปิดเครื่องทำได้เร็วมาก เร็วกว่าทุกแบรนด์ที่เคยใช้มาเลยล่ะ
การใช้งาน ถ้าใช้เป็น Ultrabook นอกสถานที่เป็นหลักไม่ได้เน้นใช้เป็น Tablet มากนักก็สะดวกดี แต่หากหวังจะเอามาใช้นอนกลิ้งดูหนังฟังเพลง อ่าน E-Book เป็นหลักแล้วล่ะก็ ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ เพราะเครื่องค่อนข้างหนักทีเดียว
ราคาเริ่มต้นที่ 45,900 บาท ก็เป็นราคาที่สูงและทำให้ตัดสินใจยากเหมือนกัน ถ้าราคาไม่ใช่ปัญหา VAIO Duo 11 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเป็นเจ้าของ Ultrabook สักเครื่องครับ
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |