สำหรับ LG G2 เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ที่กำลังวางจำหน่ายในคลาดมือถือตอนนี้ และเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ชื่อในตระกูล G ซึ่งรุ่นก่อนๆ นั้นใช้ชื่อ Optimus G นั่นเอง สิ่งที่โดดเด่น น่าสนใจ และไม่เหมือนสมาร์ทโฟนตัวอื่นในตลาดตอนนี้ของ LG G2 นั่นคือ "Rear Key" ปุ่ม Power และปรับระดับเสียงด้านหลัง นอกจากนี้หน้าจอขนาดใหญ่คมชัดถึง 5.2 นิ้ว (1080p) และ LG G2 ยังเป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกที่ประกาศใช้ชิป Snapdragon 800 สุดแรง รวมถึงกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซลที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Optical Image Stabilization ช่วยลดอาการเบลอ หรือสั่นไหว และแบตเตอรี่ที่ให้มาแบบไม่กั๊กขนาด 3,000 mAh
จัดว่า LG G2 เป็นสมาร์ทโฟนระดับเดียวกับ Samsung Galaxy S4, Note 3, Sony Xperia Z1 และ HTC One ซึ่งใครที่เล็งมือถือรุ่นเหล่านี้ไว้ ลองอ่าน รีวิว LG G2 นี้ก่อนครับ เผื่อจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
สเปคตัวเครื่อง LG G2 สุดแรง !
แกะกล่อง LG G2 มาดูกันว่ามีอะไรในกล่องบ้าง
กล่องตัวเครื่อง LG G2 ดูเรียบๆ ไม่มีอะไร และเปื้อนง่ายไปหน่อย แต่ด้านข้างกล่องมีเขียนบอกไว้ว่าเป็นกล่องที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ ซึ่งผมว่าก็ดีแล้วล่ะ เพราะหลังจากแกะกล่องมาก็เก็บไว้ตลอด แทบไม่ได้ใช้เลย
พลาสติกที่แปะด้านหน้าโชว์ฟีเจอร์เด่น ได้แก่ Knock On, ชิปประมวลผล Quad-core ความเร็ว 2.26 GHz, หน้าจอ LCD คมชัด Full HD IPS ขนาด 5.2 นิ้ว, กล้องความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล พร้อมฟีเจอร์ OIS และแบตเตอรี่ 3,000 mAh
อุปกรณ์ภายในกล่องมีหูฟัง QuadBeat 2, คู่มือการใช้งานเริ่มต้น, เข็มเปิดถาดใส่ซิมการ์ดรูปตัว G, อแดปเตอร์ และสายชาร์จ microUSB
อย่างที่บอก LG G2 ได้ย้ายปุ่มทั้งหมดมาไว้ที่ด้านหลัง โดยเรียกว่า Rear Key ซึ่งมีปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง และปุ่มเปิดปิดเครื่อง นอกจากนี้ยังมีกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED ตัวกล้องทำงานได้ดีเลยทีเดียว โฟกัสจับไว ภาพไม่ค่อยสั่น หรือเบลอเท่าไหร่
ด้านล่างเป็นสัญลักษณ์ LG เงา สวยงาม และแน่นอน MADE IN KOREA
ตัวเครื่อง LG G2 จับถนัดมือ หน้าจอสดจริงๆ สดแบบไม่โอเว่อร์จนเกินไป และปุ่ม Front Touch นั้นได้รวมไว้อยู่ในหน้าจอ ซึ่งเราสามารถปรับแต่ง เลือกรูปแบบได้ในภายหลัง
มาดูบริเวณด้านบนกัน มีกล้องหน้าความละเอียด 2.1 ล้านพิกเซล, เซนเซอร์, ไฟแสดงสถานะซ่อนอยู่กลมกลืนไปกับสีเครื่อง และลำโพงสนทนา
ส่วนด้านล่างมีโลโก้แอลจีอยู่ สำหรับปุ่ม Front Touch นั้นแอลจีได้นำไปรวมในหน้าจอให้เราสัมผัสในรูปแบบทัชสกรีน
บริเวณด้านซ้ายเป็นช่องสำหรับเสียบเข็มเพื่อดึงถาด microSIM ออกมานั่นเอง
ข้างล่างตัวเครื่องเป็นช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. ลำโพงคู่สองฝั่ง และช่องเสียบ microUSB
ส่วนด้านขวาไม่มีอะไรโดดเด่น จะเห็นได้ว่ารุ่นนี้ไม่มีขอบจอเลยครับ บางเฉียบ
และสุดท้ายด้านบนเป็นอินฟราเรด เพื่อใช้แทนรีโมต และไมค์ตัดเสียงรบกวน
วิดีโอทดลองใช้ Knock On เปิดปิดหน้าจอด้วยการกดสองครั้งติดบนหน้าจอ ถ้าดูจากคลิปที่จริงไม่ต้องกดแรงก็ได้ครับ แค่เบาๆ ก็ติดแล้ว (มือผมหนักไปหน่อย ฮาา)
สรุปด้านการออกแบบ สมาร์ทโฟน LG G2
ปุ่ม Rear Key ด้านหลังดูเป็นเอกลักษณ์ ตัวเครื่องมุมโค้ง จับถนัดมือดี ในส่วนของสเปคนั้นก็จัดเต็มให้มาแบบไม่กั๊กทั้งชิปประมวลผล Snapdragon 800 ที่ทำให้ทำงานได้แรงสุดๆ ประกอบกับหน้าจอที่คมชัด ดูสมจริง และกล้องก็ตอบสนองได้ไวเลยทีเดียว โดยรวมถือว่า LG G2 ออกแบบมาได้ค่อนค้างลงตัว ถึงแม้ว่าส่วนตัวผมจะไม่ชอบพลาสติกก็ตาม
หน้าตาผู้ใช้งาน LG G2 (User Interface)
User Interface ของแอลจี พักหลังเน้นให้ใช้งานง่าย สวยงาม เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนกับ UI ของค่ายอื่นๆ ในหน้า App Drawer จัดเรียงไอคอนแอปได้อย่างอิสระ, หน้าโฮมสกรีนเพิ่ม หรือเปลี่ยนหน้า Default และหน้า Multitasks ใช้ง่ายดีนะ เข้าหน้า Task Manager หรือเคลียร์แอปทั้งหมดได้ทันที
หน้าตาของเครื่องเล่นเพลง และวิดีโอ ซึ่งเราสามารถ Extended หน้าวิดีโอเป็นขนาดเล็ก และเปลี่ยนไปเล่นแอปอื่นได้
เครื่องเล่นวิดีโอมีลูกเล่นเยอะดีนะ ไม่ต้องไปลงแอปอื่นจาก Play Store เลย เช่น สามารถ Capture ภาพหน้าจอ, ปรับขนาดวิดีโอ, ซูมเฉพาะจุด, Pop-up วิดีโอเพื่อไปเล่นหน้าอื่น (เหมือนภาพด้านบน) หรือแชร์ไปเล่นบนอุปกรณ์อื่นได้
สำหรับแอปที่ติดมากับเครื่อง LG G2 ใช้ประโยชน์ได้จริงนะ ยกตัวอย่างเช่น File Manager เอาไว้จัดการไฟล์, Safety Care ใช้รีโมตเครื่อง หรือ LG Smart World ที่เปรียบเหมือนกับคลังแอปพลิเคชันอีกทางเลือกหนึ่ง
แอป Life Square และระบบแบ็คอัพข้อมูล
ฟีเจอร์ Slide Aside ให้คุณได้สลับแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว โดยที่แอปนั้นไม่ได้ปิด Process ไป และบันทึกแอปได้ถึง 3 แอป วิธีการใช้ก็แค่เปิดแอปที่ต้องการทำ Slide Aside แล้วลาก 3 นิ้วไปทางด้านซ้ายของตัวเครื่อง และวิธีเปิดแอปที่เราบันทึกใน Slide Aside มี 2 วิธี คือ ลากด้วย 3 นิ้วจากด้านซ้าย หรืออีกวิธีเปิดจาก Notification Drawer ด้านบนก็ได้
Guest Mode จะช่วยในกรณีที่มีคนอื่นมาเล่นมือถือของเรา ซึ่งสามารถตั้ง Pattern ในการเข้าใช้ รวมถึงตั้งค่าแสดง หรือซ่อนแอป และโฮมสกรีนได้
หน้าการตั้งค่าส่วนต่างๆ ของตัวเครื่อง ซึ่งผมว่าออกแบบมาได้สวยดีนะ Tab ด้านบน ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น ประหยัดเวลาในการหาเมนูต่างๆ ไปได้เยอะเลย
จากภาพด้านบนเราสามารถเลือกรูปแบบของ Front Touch ได้หลายแบบเหมือนกัน และฟีเจอร์ Daydream ที่เลือกรูปแบบการแสดงผลของ Screensaver ได้
LG G2 มาพร้อมกับ Android 4.2.2 และในส่วนของ Notification Drawer ก็สามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบเหมือนกัน .. ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ ที่มีมาในรุ่น Optimus G Pro ก็ยังมีอยู่นะ อาทิเช่น Quick Memo หรือ Quick Remote และฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจของ LG G2 ที่ไม่ได้พูดถึงมี Plug & Pop เช่น เวลาเราเสียบหูฟัง ก็จะมีให้เลือกว่าจะทำอะไร และฟีเจอร์ Answer Me เมื่อมีสายเข้ามา เราเอามือถือไปแนบหู ก็จะรับสายได้โดยอัตโนมัติเลย
ฟีเจอร์การใช้งานกล้อง
ตัวเลือกในการใช้งานกล้อง มีลูกเล่นเอฟเฟคให้ลองใช้เยอะ ซึ่งเท่าที่ลองใช้ ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว และยังปรับรายละเอียดของการบันทึกภาพถ่ายก็มีให้เลือกตามมาตรฐานของแอปกล้องทั่วไป
ส่วนการบันทึกวิดีโอมีเอฟเฟคให้เล่นเหมือนเดิม ส่วนตัวชอบ Live Effect มาก คือ มันจะจับในหน้าเราแล้วเปลี่ยนเป็นหน้าเบี้ยวๆ บูดๆ ดูแล้วตลกดี สำหรับ LG G2 บึนทึกวิดีโอได้ที่ระดับสูงสุดถึง 1920 x 1080 (60fps) ซึ่งถ่ายได้ดีพอสมควร เดี๋ยวลองดูตัวอย่างจากวิดีโอด้านล่างก็ได้ครับ
ทดสอบถ่ายภาพนิ่งด้วย LG G2
ถ่ายภาพตามสถานที่ต่างๆ กล้องโฟกัสเร็ว พร้อมถ่ายได้ทันที
สีที่เห็นจากตัวเครื่อง และเมื่อนำมาดูบนคอมแทบไม่เห็นความแตกต่างกันเลย
เราสามารถจิ้มไปที่วัตถุที่ต้องการโฟกัส แถมเวลากดถ่ายยังสะดวกด้วยปุ่ม Rear Key ด้านหลัง
เป็นมือถือที่กล้องชัด ออโต้โฟกัสทำงานดี อีกเครื่องหนึ่ง
ภาพสเต็กด้านบนนี่ถ่ายเวลากลางคืนในที่แสงน้อย
ซูมภาพก่อนถ่าย จะเห็นได้ว่าภาพไม่ค่อยแตกเท่าไหร่นะ
ใครที่ชอบถ่ายรูปด้วยมือถือ LG G2 นี่แหละใช่เลย
ภาพถ่ายตอนกลางคืนเวลาประมาณ 2 ทุ่ม และขณะถ่ายมีรถแล่นไปมาตามปกติ
รูปด้านบนถ่ายออกมาได้ค่อนข้างสวยนะ รูปนี้ผมใช้โหมด Night
ถ่ายของกินใน 7-11 เก็บรายละเอียดของรูปภาพได้หมด ไม่โฟกัสไปที่จุดใดจุดหนึ่งเท่านั้น
ตัวอย่างภาพถ่ายตอนกลางคืนอีกสักรูป
ในส่วนของแฟลช LED นั้นกระจายตัวได้ดีเลยทีเดียว
ภาพซ้ายเป็นการถ่ายแบบหน้าชัด หลังเบลอ ส่วนภาพด้านขวาเป็นหน้าาเบลอ หลังชัด
จากภาพด้านซ้ายเป็นโหมดปกติ ธรรมดา ส่วนภาพด้านขวาเป็นโหมด Dynamic Tone หรือ HDR นั่นเอง จะสังเกตได้ว่าภาพสว่างขึ้น และ Contrast รวมถึงความเข้มของสีนั้นแตกต่างจากภาพแรกอย่างชัดเจน
ความสามารถของ LG G2 ในการบันทึกวิดีโอ และมัลติมีเดียด้านต่างๆ
ทดสอบบันทึกวิดีโอด้วยโหมด Dual Recording ซึ่งเราสามารถสลับระหว่างกล้องหน้า และกล้องหลังได้ รวมถึงปรับขนาด และตำแหน่งของกรอบวิดีโออันเล็ก แต่บางทีกล้องก็ชัดไปนะ เห็นสิวเม็ดใหญ่เชียว
ลองบันทึกวิดีโอทั่วไประดับ Full HD ภาพชัดมาก และมีระบบช่วยลดภาพสั่นไหว ทำให้เดินถ่ายได้อย่างสบายๆ
เล่นเกมใหม่ล่าสุดอย่าง FIFA 14 ไหลลื่นดี ไม่มีอาการกระตุก
ส่วนเครื่องเล่นวิดีโอนั้นก็มีลูกเล่นมาให้เยอะจุใจ ไม่ว่าจะเป็นการซูมเฉพาะจุด, จับภาพวิดีโอ, ป็อปอัพวิดีโอไปเล่นหน้าอื่น หรือว่าจะแชร์ไปเล่นบนอุปกรณ์อื่นๆ ก็ได้นะ
ข้อดี
ข้อด้อย
บทสรุปสมาร์ทโฟน LG G2 เรือธงส่งท้ายปีของแอลจี
เท่าที่ได้ลองเล่น และรีวิว LG G2 มาต้องบอกเลยว่าแอลจีเดินมาได้ถูกทางแล้ว ตัวเครื่องเป็นเอกลักลักษณ์ด้วยการโยกปุ่มไปไว้ด้านหลัง ฉีกดีไซน์ของสมาร์ทโฟนทั้งหมดในตลาดตอนนี้ หน้าจอขนาด 5.2 นิ้วคมชัดไม่แพ้ใคร พร้อมทั้งกล้องที่ถ่ายภาพได้อย่างน่าประทับใจ แบตเตอรี่เล่นได้ต่อเนื่องเกินหนึ่งวัน และฟีเจอร์ที่ติดมาในตัวเครื่องอย่างเช่น Slide Aside นั้นยอดเยี่ยม สมราคาคุยเลยทีเดียว
ใครที่จะซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ หลังจากอ่านรีวิว LG G2 นี้ อาจจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น และในงาน Mobile Expo ที่กำลังจะถึงนี้แอลจีก็มีโปรโมชั่นเพียบ ! ใครสนใจเจอกันที่งานได้เลย !
ความคิดเห็นที่ 2
1 เมษายน 2558 23:41:08
|
||
GUEST |
ป๊อป
ใช้ดีมากคับ ขอบอกเลยว่าคุ้มค่ามากๆ สเปคขั้นเทพๆ^^
|
|
ความคิดเห็นที่ 1
12 ตุลาคม 2556 10:29:59
|
||
GUEST |
bird
ชอบ
|
|