วันนี้เรามีแกดเจ็ตเก๋ๆ จะมาแนะนำกับ iLightPlus Rainbow Cool หลอดไฟสนุกๆ ที่เปลี่ยนสีได้ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส ที่จะเปลี่ยนทุกช่วงเวลาของคุณให้มีความหมายมากขึ้น เขาว่ากันว่าสีเปลี่ยน อารมณ์ก็เปลี่ยน ด้วยหลอดไฟ Rainbow Cool จะเปลี่ยนให้ทุกห้องในบ้านของคุณน่าสนใจมากขึ้น
ในขณะที่นั่งดูทีวี Rainbow Cool ให้แสงโทนสีขาวที่สะอาดตา และปรับระดับความสว่างได้ตามต้องการ เมื่อต้องการบรรยากาศโรแมนติก ก็ปรับแสงไฟให้เป็นโทนสีเหลืองนวลๆ และ ถ้าต้องการเพิ่มความสนุกให้กับช่วงเวลาพิเศษๆ อย่างการฉลองปีใหม่ งานวันเกิด หรือการจัดงานปาร์ตี้เล็กๆ ที่บ้านหรือในออฟฟิศ ก็ปรับแสงเป็นโทนสีฟ้า แดง หรือเขียว ได้ตามต้องการ เปลี่ยนให้ห้องนั่งเล่นที่แสนจะธรรมดา กลายเป็นห้องที่มีเสน่ห์ขึ้นมาเลยทีเดียว
และเมื่อต้องการเปลี่ยนห้องนั่งเล่นให้เป็นให้เป็นแด๊นซ์ฟลอร์ ในบรรยากาศของเพลงแด๊นซ์สนุกๆ Rainbow Cool ก็มี โหมดไฟกระพริบ Disco เปลี่ยนสีอัตโนมัติ ที่เลือกรูปแบบไฟกระพริบได้ถึง 9 รูปแบบ มีหลอดไฟเปลี่ยนสีอยู่ที่บ้านก็ไม่ต้องไปเที่ยวผับกันอีกแล้ว ชวนเพื่อนๆ มาแด๊นซ์กันที่บ้านได้เลย
สนุกกับการควบคุมหลอดไฟเปลี่ยนสีด้วยตัวรีโมทคอนโทรล หรือควบคุมผ่านแอปพลิคเคชั่นบนสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตก็ยังได้ (ใช้ได้ทั้งอุปกรณ์ iOS และ แอนดรอยด์ โดยต้องใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ WiFi Controller ที่ต้องแยกซื้อต่างหาก)
และข้อดีของ Rainbow Cool คือ เป็นเทคโนโลยีหลอดไฟแบบ LED ประหยัดไฟกว่าหลอดแบบไส้ มีการรับประกันถึง 2 ปีเต็ม และต้องบอกว่า นอกจากจะมีหลอดไฟรุ่น Rainbow Cool แล้ว ก็ยังมีรุ่น Warm ด้วย ซึ่งความแตกต่างคือ แสงสีขาวของหลอด Warm จะเป็นโทนสีขาวอมเหลืองนิดๆ ให้อารมณ์แสงที่อบอุ่นคล้ายหลอดไส้ ในส่วนของหลอด Cool จะให้แสงสีขาวที่สะอาดตา เลือกใช้ได้ตามความชอบเลยครับ
คุณสมบัติของหลอดไฟสนุกๆ เปลี่ยนสีได้ iLightPlus Rainbow Cool
ลองของจริง iLightPlus Rainbow Cool
ความประทับใจแรกกับหลอดไฟเปลี่ยนสีนี้คือความง่ายในการติดตั้ง ด้วยความที่ใช้เกลียวหลอดไฟแบบมาตรฐาน ทำให้ สามารถหมุนเกลียวหลอดเก่าออก แล้วหมุน Rainbow Cool เปลี่ยนเข้าไปแทนได้ทันที ไม่ต้องเป็นช่างไฟฟ้าก็สามารถเปลี่ยนหลอดได้เองแบบง่ายๆ เลยครับ
ความน่าสนใจของหลอดไฟเปลี่ยนสีจาก iLight Plus คือ สามารถติดตั้งหลอดไฟกี่ดวงก็ได้ไม่จำกัด และสามารถแบ่งโซนการควบคุมหลอดไฟได้มากสุดถึง 4 โซน ตัวอย่างเช่น
ซึ่งการแบ่งโซนของหลอดไฟ จะทำให้เราเลือกโทนสีไฟของแต่ละห้องได้อย่างอิสระ อย่างเช่น ช่วงที่มีงานปาร์ตี้เปิดเพลงแด๊นซ์สนุกๆ ที่น้องนั่งเล่น ก็ปรับโซนที่ 1 ให้เป็นโหมดไฟกระพริบ Disco ส่วนโซนที่ 2 ที่เป็นห้องครัว ก็เปิดไฟโทนสีแดงๆ เอาไว้ โซนที่ 3 สนามหญ้าหน้าบ้านก็เปิดไฟโทนขาวไว้ เผื่อใครอยากจะหลบมุมมานั่งเล่น ส่วนโซน 4 ที่เป็นห้องนอน ก็ปิดไฟไว้เพราะยังไม่มีใครขึ้นนอน
ควบคุมการเปิด/ปิด และเปลี่ยนโทนสีของดวงไฟ สามารถทำได้ผ่าน 2 ช่องทาง คือทางรีโมทคอนโทรล และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต (ใช้ได้ทั้งอุปกรณ์ iOS และ แอนดรอยด์ โดยต้องใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ WiFi Controller ที่ต้องแยกซื้อต่างหาก) และหากไม่มีรีโมทอยู่ในมือ แต่อยากจะเปิดไฟ ก็ไม่ต้องตามหารีโมทให้ยุ่งยากครับ เพราะ เราสามารถเปิดไฟผ่านสวิตซ์ที่กำแพงได้เหมือนหลอดไฟปกติ และเมื่อใดที่ต้องการจะปรับระดับความสว่าง หรือเปลี่ยนโทนสี ค่อยหยิบรีโมทหรือเปิดแอปครับ
ในสเปกระบุเอาไว้ว่า หลอดไฟ iLightPlus Rainbow Cool สามารถให้โทนสีที่แตกต่างกันได้ถึง 640,000 สี และจากการลองใช้งานจริงก็ต้องบอกว่ามีโทนสีที่สวยเด่นสะดุดตาอยู่ 4 โทนสี ตามนี้ครับ
สีฟ้า
แดง/ชมพู
เหลือง
เขียว
งานนี้ต้องบอกว่าโทนสีเปลี่ยนอารมณ์ของห้องได้จริงๆ ครับ ไฟโทนสีขาวๆ ทำให้ห้องดูสงบ สะอาด เรียบร้อย แต่พอเปลี่ยนโทนสีไฟ ทำให้ห้องเดิมๆ ดูสนุกขึ้นมาในทันที และยิ่งเมื่อเข้าโหมดไฟกระพริบแบบ Disco พร้อมกับเปิดเพลงแด๊นซ์มันส์ๆ ทำให้กลายเป็นห้องที่สนุกสนานขึ้นมาเลยทีเดียว ก็จัดว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับการปรับเปลี่ยนอารมณ์ห้องได้ตามใจ แถมยังปรับระดับความสว่างของแสงสีขาว เพื่อให้เหมาะกับกิจกรรมแต่ละรูปแบบได้ด้วย (สามารถปรับความสว่างของแสงได้ในทุกโทนสี)
การสั่งงานหลอดไฟผ่านรีโมทก็ง่ายมากครับ จะปรับแสงให้เป็นสีไหน ก็แตะลงไปที่วงแหวนบนตัวรีโมทได้เลย การปรับระดับความสว่างของแสงก็ง่ายมาก เพียงแค่สไลด์นิ้ว หรือแตะลงบนจุดใดๆ ของแถบปรับความสว่าง ในส่วนของปุ่ม ON นั้น จะเป็นการเปิดไฟ Rainbow Cool ทุกดวงที่อยู่ในบริเวณนั้น (โดยไม่สนใจว่าหลอดไฟนั้นจะถูกกำหนดให้อยู่ในโซนไหน) ในส่วนของปุ่ม OFF ก็เป็นการปิดไฟทุกดวงในบริเวญนั้นเช่นกัน
และการกำหนดโซนให้หลอดไฟแต่ละดวงก็ง่ายมากครับ ให้กดเปิดสวิตซ์ไฟที่กำแพงของหลอดไฟดวงที่ต้องการกำหนดโซน แล้วให้รีบกดที่ปุ่ม I บนรีโมทของโซนที่ต้องการทันที (ซึ่งมีทั้งหมด 4 โซน) ถ้าหากทำถูกต้อง ไฟดวงนั้นก็จะกระพริบ 3 ครั้ง เป็นอันว่ากำหนดโซนได้เรียบร้อย แต่ถ้าไฟไม่กระพริบ 3 ครั้ง แสดงว่าเกิดความผิดพลาด ต้องทำซ้ำอีกรอบครับ
ในส่วนของปุ่ม เปิด/ปิด หลอดไฟทั้ง 4 โซน ก็มีวิธีการใช้งานง่ายๆ เช่น ถ้าอยากเปิดไฟในโซน 1 ก็กดที่ปุ่ม I ของโซน 1 และถ้าอยากปิด ก็กดปุ่ม O ครับ
ลองดูคลิปรีวิวนี้ ไม่แน่คุณอาจจะหลงรักหลอดไฟเปลี่ยนสีจาก iLightPlus ก็เป็นได้
และในช่วงวินาทีที่ 55 ของคลิปวิดีโอ มีการสาธิตโหมดไฟกระพริบ Disco
การเข้าสู่โหมดไฟกระพริบ Disco ให้กดปุ่ม M บนรีโมท และการเปลี่ยนจังหวะของไฟกระพริบ (ที่มีอยู่ 9 รูปแบบ) ก็ให้กดปุ่ม M วนไปเรื่อยๆ ซึ่งไฟกระพริบแต่ละรูปแบบก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน มีทั้งแบบที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอีกสีหนึ่งอย่างนุ่มนวล ดูแล้วเหมาะกับจังหวะเพลงช้าๆ ไปจนถึงรูปแบบที่เปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว เข้ากับเพลงจังหวะเร็วๆ มันส์ๆ และยังสามารถปรับความเร็วการเปลี่ยนโทนสีด้วยปุ่ม S- และ S+ ได้ด้วยครับ
รีโมทใช้ไฟจากแบตเตอรี่ขนาด AAA จำนวน 2 ก้อน
หลายแพ็กเกจให้เลือกซื้อ
ด้วยความที่เป็นหลอดไฟที่ต้องใช้งานคู่กับรีโมท และรีโมท 1 ตัวก็สามารถควบคุมหลอดไฟได้ทุกดวง ทำให้หลอดไฟ iLightPlus Rainbow Cool และ Warm มีหลายแพ็กเกจให้เลือกซื้อตามความต้องการของคุณ
สรุปผลการรีวิว iLightPlus Rainbow Cool
ข้อดี
ข้อสังเกต
iLightPlus Rainbow Cool หลอดไฟเปลี่ยนสีได้ ที่จะเปลี่ยนช่วงเวลาธรรมดาๆ ให้เป็นช่วงที่เวลาที่สนุกสนาน ด้วยการปรับเปลี่ยนโทนสีไฟสวยๆ ได้ตามใจต้องการ แถมยังมีโหมดไฟกระพริบ Disco ที่เปลี่ยนให้ห้องนั่งเล่นของคุณกลายเป็นแด๊นซ์ฟอร์ในช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานได้อย่างง่ายดาย การใช้งานก็ง่ายด้วยการควบคุมผ่านรีโมท หรือจะควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตก็ยังได้ (โดยต้องมีอุปกรณ์เสริม WiFi Controller) หากคุณต้องการตกแต่งห้อง หรือบ้านของคุณให้ดูมีเสน่ห์ขึ้น การเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ iLightPlus Rainbow Cool ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ในราคาไม่แพง
|
ไม่เสพติดไอที แต่ชอบเสพข่าวเทคโนโลยี หาความรู้ใหม่ๆ มาใส่สมอง |