*** บทความรีวิวนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะส่งเสริมการโหลดบิตไฟล์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งปัจจุบันมีคอนเทนต์ที่ถูกลิขสิทธิ์หลายรูปแบบที่ผู้พัฒนามีทางเลือกให้สามารถดาวน์โหลดแบบบิตทอร์เรนต์ได้ อย่างเช่นไฟล์ติดตั้ง หรือไฟล์อัพเดทเกมส์ต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่มากๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ที่มีความเร็วอินเทอร์เน็ตไม่สูงมาก ด้วยเหตุนี้เราเลยขอนำเสนอ รีวิวโปรแกรม BitTorrent นี้ เพื่อบอกเล่าจุดเด่น ข้อสังเกต รวมถึงวีธีการใช้งานโปรแกรม เพื่อให้เป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจโปรแกรมโหลดบิตตัวนี้ครับ ***
ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรเยอะ เพราะเห็นแค่ชื่อก็น่าจะรู้เลยว่าโปรแกรมนี้มันเอาไว้ทำอะไร สำหรับโปรแกรม BitTorrent โปรแกรมโหลดบิตสุดคลาสสิค ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวแรกเริ่มดั้งเดิม จุดกำเนิดของโปรแกรมโหลดบิตทั้งหลายในปัจจุบัน
ผมเชื่อว่ามีผู้ใช้โปรแกรมโหลดบิตหลายคนน่าจะมีคำถามเหล่านี้อยู่ในใจ ทำไมเจ้าโปรแกรม BitTorrent และโปรแกรม μTorrent มันช่างดูเหมือนกันซะเหลือเกิน? แล้วพวกมันทั้งคู่แตกต่างกันอย่างไร? ตัวไหนโหลดได้เร็วกว่ากัน? ตัวไหนทำงานดีกว่า? ซึ่งในรีวิวนี้ผมจะเคลียร์ทุกคำถามที่ค้างคาใจเหล่านั้นให้เองครับ
BitTorrent มันคือบิตเทอร์เรนต์ไคลเอนต์ (โปรแกรมโหลดบิต) ตัวแรกของโลก เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2001 ถูกสร้างขึ้นโดย นาย Bram Cohen โปรแกรมเมอร์ผู้คิดค้นรูปแบบการรับส่งไฟล์แบบ Peer-2-Peer ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของการโหลดบิตในปัจจุบัน ทำให้สามารถรับส่งไฟล์ไปมาระหว่างเครื่องผู้ส่งและเครื่องผู้รับได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องผ่านเครื่องเซิร์ฟเวอร์
แล้วในช่วงปลายปี 2006 ภายใต้การดำเนินการของบริษัท BitTorrent, Inc ที่เป็นเจ้าของโปรแกรม BitTorrent นี้ ได้เข้าซื้อโปรแกรม μTorrent (ที่เปิดตัวในปี 2005) และหลังจากนั้นทั้งสองโปรแกรมก็ถูกพัฒนาร่วมกันเรื่อยมา ซึ่งสิ่งนี้น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองโปรแกรมถึงมีลักษณะเหมือนกันราวกับฝาแฝดครับ
คำเตือน : ในขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรมห้ามกด Next ไปเรื่อยๆ เพราะว่าจะมีช่วงหนึ่งขณะกำลังติดตั้ง มันจะเสนอให้เราติดตั้งโปรแกรมอื่น (ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ BitTorrent) เพิ่มเติมลงบนเครื่อง ซึ่งคุณจำเป็นต้องติ๊กเอาเครื่องหมายถูกในขั้นตอนดังกล่าวออก ไม่เช่นนั้นจะเป็นการยินยอมให้โปรแกรมอื่นนั้นติดตั้งลงมาบนเครื่อง
หน้าตา และอินเทอร์เฟซภายในโปรแกรมจะเป็นดังรูปด้านบน มีการจัดวางตำแหน่งเครื่องมือและแถบต่างๆ อย่างเป็นสัดส่วน ดูสะอาดตา ง่ายต่อการใช้งาน แถมยังสามารถตั้งค่าเมนูของโปรแกรมให้เป็นภาษาไทย สะดวกสุดๆ สำหรับผู้ใช้ชาวไทย
ในการเริ่มต้นใช้งาน ก่อนอื่นคุณต้องมีไฟล์รูปแบบ .torrent ของสิ่งที่เราต้องการจะดาวน์โหลด โดยมันเปรียบเสมือนเป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อโปรแกรมระหว่างเครื่องเรากับเครื่องต้นทางในเครือข่ายแบบ P2P ซึ่งสามารถหาไฟล์รูปแบบ .torrent นี้ได้จากพวก Web tracking อันเดียวกันกับที่บ้านเรานิยมเรียกกันว่า "เว็บบิต" นี่แหละครับ แต่ในรีวิวนี้เราดาวน์โหลดโดยตรงจากเว็บไซต์ของผู้พัฒนา ซึ่งมีไฟล์ .torrent เป็นทางเลือกหนึ่งในการดาวน์โหลดครับ
เมื่อได้ไฟล์ .torrent มาแล้ว ให้ดับเบิ้ลคลิกเปิดมันขึ้นมา จะมีหน้าต่างแสดงข้อมูลไฟล์ที่เราต้องการจะดาวน์โหลดของโปรแกรม μTorrent ถูกเปิดขึ้นมาอัตโนมัติ จากหน้าต่างนี้คุณสามารถเปลี่ยนตำแหน่งโฟลเดอร์ที่จะเก็บไฟล์ และชื่อไฟล์ได้เลย จากนั้นให้ทำการตรวจสอบให้แน่ใจว่าสิ่งที่เรากำลังจะกดโหลด มันถูกต้องตามที่ต้องการหรือไม่ ถ้าใช่ให้กด Ok (ตกลง) ได้เลย โปรแกรมจะเริ่มต้นเชื่อมต่อเข้ากับไฟล์ต้นทางของผู้ที่กำลังปล่อย (Seeder) และเริ่มต้นดาวน์โหลดไฟล์นั้นลงบนเครื่องของคุณ แล้วเมื่อกระบวนการดาวน์โหลดเสร็จสิ้นลง โปรแกรมจะขึ้นหน้าต่างแจ้งเตือน และเปลี่ยนสถานะของไฟล์จาก " Downloading (กำลังดาวน์โหลด)" เป็น "กำลัง Seed อยู่" นั่นหมายถึงว่าตอนนี้คุณกำลังทำหน้าที่เป็น Seeder อยู่ครับ โดยตามธรรมเนียมที่นักโหลดบิตทำกันมานาน รวมไปถึงในเรื่องความมีน้ำใจเราก็ควรปล่อยให้มัน Seed ต่อไปให้คนอื่นโหลดต่ออีกสักพักครับ ซึ่งขณะกำลัง Seed อยู่นั้นเราสามารถใช้งานไฟล์ที่ดาวน์โหลดเสร็จแล้วได้เลย แค่นี้ครับโหลดบิตด้วยโปรแกรม BitTorrent ง่ายนิดเดียว
เป็นงานยากเลยนะครับ ถ้าจะให้แยกความแตกต่างระหว่างมันกับโปรแกรมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฝดผู้น้องอย่างเจ้า μTorrent ที่เจ้าสองตัวนี้มีความแตกต่างกันเพียงแค่ชื่อ โลโก้ และความสามารถการรองรับแพลตฟอร์ม โดย BitTorrent จะไม่รองรับการทำงานในระบบปฏิบัติการ Linux นอกนั้นทั้งหน้าตา อินเทอร์เฟซ การปรับแต่งการตั้งค่า และฟีเจอร์อื่นๆ เรียกได้ว่า BitTorrent ทำอะไรได้ μTorrent ก็มีและทำได้แทบไม่ต่างกันเลยครับ ซึ่งก่อนหน้านี้ความแตกต่างของพวกมันทั้งคู่จะเป็นเรื่องของขนาดโปรแกรม ซึ่งในอดีตเจ้า BitTorrent จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า แต่ในเวอร์ชันล่าสุดของทั้งสองโปรแกรม พบว่าขนาดหลังการติดตั้งแล้ว จะต่างกันแค่ประมาณไม่ถึง 1 MB
เทียบให้เห็นชัดๆ กันไปเลยว่าทั้ง 2 โปรแกรมเหมือนกันขนาดไหน
ขนาด
หน้าตาและอินเทอร์เฟซ
การปรับแต่งและการตั้งค่า
สรุปง่ายๆ ว่าทั้งสองโปรแกรมมันเหมือนเป็นโปรแกรมเดียวกันเลยครับ เพียงแค่ตอนแรกเริ่มมันไม่ได้เกิดมาจากผู้สร้างคนเดียวกัน แต่ท้ายที่สุดมันก็อยู่ภายใต้การพัฒนาในบริษัทเดียวกัน ซึ่งทั้งความสามารถและฟีเจอร์ก็มีเหมือนๆ กันแทบจะทุกอย่าง แต่ถ้าถามว่าโปรแกรมไหนดีกว่ากัน เอาจริงๆ ทีมงานก็ไม่สามารถระบุแบบเจาะจงได้ แต่ถ้าดูจากสถิติการดาวน์โหลดมาใช้งานดูเหมือนว่าเจ้า μTorrent จะได้รับความนิยมจากผู้ใช้มากกว่าครับ
ก่อนที่เราจะไปดูผลการทดสอบ ผมอยากจะมาย้ำกันอีกรอบ ซึ่งก่อนหน้าผมเคยพูดไปแล้วในการรีวิวโปรแกรม μTorrent เกี่ยวกับเรื่องที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าความเร็วในการโหลดบิตนั้น ขึ้นอยู่กับแค่ความเร็วของอินเทอร์เน็ตที่ใช้ตามแพ็คเกจที่สมัคร และโปรแกรมไคลเอนท์ที่ใช้ในการโหลด ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีปัจจัยอื่นอีกมากมายที่อาจเป็นสาเหตุให้การดาวน์โหลดนั้นช้าลงหรือเร็วขึ้นได้ เช่น การจำกัดการดาวน์โหลดของผู้ให้บริการเครือข่าย, จำนวนคนที่เชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในขณะนั้น, จำนวนคนปล่อยไฟล์บิตให้ดาวน์โหลด (Seeder), จำนวนคนดาวน์โหลดไฟล์บิต (Peer), ประเทศของผู้ปล่อย และการตั้งค่าต่างๆ ภายในโปรแกรม เช่น ความเร็วในการอัพโหลด และขนาด Disk cache เป็นต้นครับ
ในการทดสอบครั้งนี้เราจะทดลองทำการโหลดไฟล์ ได้แก่ ไฟล์ตัวติดตั้งเกมส์ Audition Online ของไทย ที่อยู่ในรูปแบบไฟล์ .zip ขนาด 4.03 GB ซึ่งสามารถเข้าไปโหลดไฟล์ .torrent ได้โดยตรงผ่านเว็บไซต์ผู้ให้บริการเกมส์ ได้ผลการทดสอบเป็นดังนี้
จากการทดสอบพบว่าโปรแกรมมีการจัดการแบนด์วิดธ์ได้ค่อนข้างดี ขณะทำการดาวน์โหลดความเร็วอินเทอร์เน็ต ทั้งการดาวน์โหลดและอัปโหลดลดลงเฉลี่ยคิดเป็นประมาณ 19 เปอร์เซนต์ และขณะทำการ Seed ลดลงไปเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามการทดสอบดังกล่าวเป็นเพียงการทดสอบเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงได้ เนื่องจากอาจจะมีปัจจัยภายนอกอื่นๆ ดังที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้ผลลัพธ์ในการทดสอบคลาดเคลื่อน
ภาพแสดงโปรเซสของโปรแกรมขณะกำลังดาวน์โหลด
ภาพแสดงโปรเซสของโปรแกรมขณะกำลัง Seed
ภาพแสดงการใช้งานของโปรเซสแบนเนอร์โฆษณาภายในโปรแกรม
ขณะใช้งานทีมงานไม่พบโปรแกรม หรือโปรเซสแปลกๆ ที่แอบทำงาน หรือแอบมาใช้ทรัพยากรเครื่องอะไร มีเพียงแต่โปรเซสแบนเนอร์โฆษณานิดๆ หน่อยๆ ที่ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อการทำงานของเครื่อง ซึ่งการทำงานขณะใช้งานโปรแกรมอื่นไปด้วยก็ทำได้ดี ยกเว้นในเรื่องของความเร็วอินเทอร์เน็ตที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการเล่นเกมส์โดยเฉพาะเกมส์ออนไลน์ ซึ่งผมแนะนำว่าเพื่ออรรถรสในการเล่น ควรปล่อยการโหลดบิตเสร็จสิ้นก่อน ซึ่งมันจะดีกว่าการเล่นไปด้วยโหลดไปด้วยอย่างแน่นอนครับ
จุดเด่น
| ข้อสังเกต
|
ตามความเห็นของเรา คิดว่าเจ้าโปรแกรม BitTorrent ยังคงเป็นโปรแกรมโหลดบิตที่น่าใช้ (ไม่ต่างกับ μTorrent เลย) ไม่หนักเครื่อง ไม่ได้กินทรัพยากรเครื่องอะไรมากมาย โหลดไปเล่นเน็ตไปก็ไม่อืดอะไรสักเท่าไหร่ (ยกเว้นจะโหลดหลายๆ ไฟล์พร้อมกัน) แถมมีเมนูภาษาไทยให้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาไปเปิด Dictionary เพียงแต่ในขั้นตอนการติดตั้ง ซึ่งถ้าใครไม่ระวัง เป็นอันได้โปรแกรมแปลกๆ มาเป็นของแถมติดเครื่องกันอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นในเรื่องฟีเจอร์พิเศษบางอย่างเช่น ฟีเจอร์สแกนไวรัสอัตโนมัติ, ฟีเจอร์เล่นไฟล์วิดีโอได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องรอให้โหลดเสร็จ หรือฟีเจอร์แปลงไฟล์เป็นต้น ที่ปัจจุบันมีโปรแกรมโหลดบิตตัวอื่นในตลาดที่สามารถใช้งานความสามารถเหล่านั้นได้ฟรี ! แต่ถ้าอยากใช้ในโปรแกรม BitTorrent จำเป็นต้องจ่ายเป็นรายปีตกปีละประมาณ 800 บาทครับ
|
ไม่ได้เชี่ยวชาญ แค่ชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นมือใหม่หัดเขียนข่าวไอที ถ้ามีอะไรผิดพลาดสามารถแนะนำได้นะครับ |