ในวันนี้ทาง THAIWARE จะมารีวิวมือถือ ASUS Zenfone 3 กัน หลายๆ คนคงเคยได้ยินชื่อ หรือเคยใช้งานเจ้ามือถือรุ่นนี้มาก่อนแล้ว ได้มีวางจำหน่ายไปเมื่อช่วง ปลายปี 2559 ที่ผ่านมา ต้องขอบอกก่อนเลยว่า เครื่องที่เรานำมารีวิวตัวนี้ มีแรม 4GB ซึ่งไม่มีขายในไทย แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักเจ้าเครื่องนี้ ลองมาดูกันดีกว่า
หลายคนคงเริ่มสงสัยว่า "ไปได้เจ้าเครื่องนี้มาจากไหน?" คำตอบก็คือ เจ้ามือถือ Zenfone 3 ตัวนี้ ทางไทยแวร์ สั่งซื้อมาจาก Etoren เว็บช้อปปิ้งชื่อดัง จากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งขายสินค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น มือถือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ แท็บเล็ต กล้องถ่ายรูป เครื่องโดรน ฯลฯ ให้ได้เลือกซื้อ เลือกหากันในราคาย่อมเยา หากใครสนใจก็เข้าไปซื้อกันได้นะ
มาเริ่มกันที่ระบบภายในก่อนละกัน สำหรับหน่วยประมวลผลหลัก หรือ เรียกสั้นๆ ว่า CPU ของเจ้าตัวนี้นั้น ก็คือมังกรน้อย Snapdragon 625 รุ่นยอดฮิต ยอดนิยม มหานิยม ที่ใช้กันมากเป็นอันดับต้นๆ ของมือถือในตลาดระดับกลาง เลยก็ว่าได้ โดยจุดเด่นของรุ่นนี้คือ ความแรงพอตัว และ กินไฟน้อย ทำให้ความร้อนน้อยตามไปด้วย (กินไฟเยอะ ความร้อนก็เยอะตาม)
ต่อกันที่ หน่วยเก็บข้อมูลในตัวเครื่อง ก็มีมาให้เราทั้งหมด 32GB หากไม่พอใช้สามารถใส่ SD Card เพิ่มได้ ถึง 256GB มาดูที่ จุดเด่นของเครื่องนี้ ก็คือ แรมที่ให้มามากถึง 4GB ทำให้การ สลับหน้าไปมาระหว่างแอปฯ ทำได้ลื่นไหล และ รวดเร็วขึ้นมากขึ้น จะเล่นเกมส์ไปด้วย เล่นเฟสบุ๊คไปด้วย หรือฟังเพลงไปพร้อมกัน ก็ไม่มีปัญหาแอปฯ เด้งหลุดเลย
อีกจุดเด่นหนึ่งที่ทำให้ ทาง ASUS ให้คำนิยามเจ้ารุ่นนี้ว่า "Build For Photography" แปลได้ว่า "เกิดมาเพื่อการถ่ายรูป" ด้วยกล้องหลัง ที่มีเลนส์ 6 ชิ้น ความละเอียดถึง 16 ล้านพิกเซล พร้อมกับเพิ่มความสมจริง ให้กับเม็ดสีในรูปภาพ ด้วยชิปเซ็ตของ Sony IMX268 รวมกับ เทคโนโลยี TriTech AF ช่วยให้โฟกัสได้ไวขึ้น และ อัดวิดีโอความละเอียดสูงได้ถึงระดับ 4K เรียกว่าถ่ายวิดีโอได้คมชัด ซะจนบาดนิ้วเลือดไหลกันเลย (ล้อเล่นครับ :p) อยากรู้ว่าชัดแค่ไหน เดี๋ยวเราลองมาดูกัน งั้นเราเริ่มมาแกะกล่องกันเลยดีกว่า
เริ่มจากตัวกล่องที่ใส่มา ก็เหมือนๆ กล่องใส่โทรศัพท์ทั่วไป มีชื่อรุ่นอยู่ด้านบน ส่วนใต้กล่องก็เป็นรายละเอียดต่างๆ เมื่อเปิดมาภายในจะพบกับตัวเครื่อง และกล่องใบรับประกัน พร้อมใส่เข็มจิ้มถาดซิม ถัดลงไปอีกชั้นก็มีอุปกรณ์ต่างๆ ประกอบด้วย สายชาร์จ (USB Type-C), ชุดหูฟัง, อะแดปเตอร์ (แบบ 3 ขา) สำหรับอุปกรณ์ที่อยู่ในกล่องนี้ ก็เป็นอุปกรณ์พื้นฐาน ที่มีมาให้ตามปกติ แต่มีหนึ่งปัญหาที่ต้องเจอแน่นอนคือ หัวชาร์จของเจ้ารุ่นนี้ เสียบกับปลั๊กไฟทั่วไปไม่ได้ อาจจะสร้างความลำบากแก่ผู้ใช้ไปซักหน่อย ต้องหาหัวแปลงปลั๊กมาต่อพ่วง หรือถ้ามีปลั๊กต่อพ่วง ก็สามารถเสียบใช้ได้ทันทีเลย
ขอเสริมนิดหนึ่ง เรื่องพอร์ต USB Type-C สำหรับรุ่นนี้ ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่ สำหรับผู้ใช้บางกลุ่ม โดยมือถือรุ่นใหม่ๆ เริ่มนำพอร์ตนี้มาใช้บ้างแล้ว ก็เพราะมันมีข้อดีหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ ยกตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆ เลย ก็คือเราสามารถเสียบสายชาร์จด้านไหนก็ได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียบไม่เข้า แถมยัง รับส่งข้อมูลได้รวดเร็ว และ รองรับระบบ Quick Charge และอีกมากมาย หวังว่าคงทำให้คนที่ไม่รู้จักได้เข้าใจมากขึ้น งั้นไปต่อกันที่ดีไซน์ และวัสดุของตัวเครื่องกันเลยดีกว่า
ว่าด้วยดีไซน์ของตัวเครื่องนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นเลย ตรงที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่าง กระจก และโลหะ ให้ความหรูหรา พร้อมทั้งแข็งแรงทนทานไปในตัว ด้วยรูปทรงของตัวเครื่องเป็นแบบ ไดมอนด์ คัท (Diamond-cut) ทำให้ตัวเครื่องดูมีมิติ ไม่มีขอบมุมมากวนใจเวลาใช้งาน อีกทั้งเพิ่มความกระชับ ในการจับเครื่อง อีกด้วย
สำหรับเครื่องนี้ ด้านหน้าและด้านหลัง ทำจากกระจกกันรอย นูนแบบ 2.5D ดูเข้ากันกับรูปทรงของตัวเครื่อง ส่วนตัวเครื่องบางแค่ 7.68 มม. แถมยังน้ำหนักเบามากเพียง 144 กรัม นับว่าบางและเบามาก ทำให้ไม่มีปัญหา ในการหยิบใช้งาน หรือ ถือเป็นเวลานานๆ เลย
บอกได้เลยว่า สวยงาม หรูหรา น่าใช้ จริงๆ ไม่มีมุม จับถนัดมือ แต่เพราะด้านหน้าและด้านหลัง ทำจากกระจก สำหรับคนที่ไม่ชอบใส่เคสกันกระแทก อาจจะต้องเจอกับกองทัพรอยนิ้วมือ แม้จะเช็ดเท่าไร ก็ไม่สะอาดซะที
การวางตำแหน่งของปุ่มต่างๆ บนตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเพิ่มเสียง-ลดเสียง ปุ่มปลดล็อกเครื่อง ก็อยู่ในตำแหน่งที่พอดีกับนิ้ว ส่วนปุ่มโฮมเป็นแบบฝังใต้จอ ด้านหลังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ อยู่ข้างๆ กับกล้องหลัง ใช้นิ้วชี้ปลดล็อกได้สะดวกสบาย หรือจะเป็นถาดใส่ซิมแบบทึบ ทำให้เวลาใส่ตัวซิมไม่หล่น โดยรวมๆ แล้วถือว่าทำออกมาได้ดีเลย
Zenfone 3 รุ่นนี้ ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ที่อัพเกรด ความเร็วในการใช้งานให้เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งใช้พลังงานลดลง ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ ให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น นอกจากที่จะใช้ Android รุ่นใหม่แล้ว ยังมีระบบ ZenUI 3.0 มาครอบทับอีกชั้น เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน ให้มากยิ่งขึ้น ด้วยฟีเจอร์ ฟังก์ชั่นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตัวช่วยสร้างเสียง, พลังงาน&บูสต์, ตัวจัดการเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ, ระบบจัดเรียงแอปพลิเคชันตามการใช้งาน, ปรับแต่งขนาดของ UI ฯลฯ มาให้เราใช้กัน
แอปพลิเคชัน ที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง ก็มีมาหลากหลาย อาทิ แอปฯ ไม้บรรทัด สำหรับวัดระยะห่างของวัตถุ หรือจะเป็น ตัวจัดการโทรศัพท์มือถือ ที่ช่วยจัดการทรัพยากรในเครื่อง ล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็น เพิ่มความเร็วให้กับมือถือของเรา และอีกมากมายให้ได้เลือกใช้กัน ไปต่อกันที่กล้องหลังกันเถอะ
Asus Zenfone 3 รุ่นนี้ มีจุดเด่นตรงกล้องที่ถ่ายภาพได้ชัด และ สามารถอัดวิดีโอได้ถึงระดับ 4K และโฟกัสได้รวดเร็วทันใจด้วย TriTech Auto Focus และแฟลชคู่สองสี เพิ่มความเป็นธรรมชาติให้กับสีผิวเมื่อถ่ายด้วยแฟลช โดยการทดสอบนั้นผลจะออกมายังไง มาดูกัน
หลังจากที่ได้ทดสอบถ่ายจากกล้องหลักของ เจ้าตัวนี้มา ก็เห็นได้ว่า ภาพที่ถ่ายออกมานั้น มีความคมชัด สีสันสวยงาม แม้ว่าเราจะต้องถ่ายในที่มืดก็มี ระบบ HDR เพิ่มสมดุลกันระหว่างแสงและเงา แถมยังจับโฟกัสได้รวดเร็วทันใจด้วยระบบ Tritech AF ไปดูต่อกันที่การอัดวิดีโอระดับ 4K, 1080p, 1080p 60FPS เลยดีกว่า เป็นยังไง
จากที่เห็นในคลิปวิดีโอ จะเห็นได้ว่า ตัวกล้องสามารถบันทึกวิดีโอได้อย่างลื่นไหล โดยเฉพาะแบบ 60 FPS นั้น ทำให้สบายตาเวลาดูมาก บอกเลยว่าคุณภาพเหมาะสมกับราคาเลยทีเดียว
สำหรับแอปฯ ที่เราจะนำมาทดสอบเจ้าเครื่องนี้คือ Antutu Benchmark แอปฯ เทสคะแนนของมือถือ ที่นิยมนำมาใช้ทดสอบคะแนนกันอย่างแพร่หลาย จะได้เท่าไรกันนะ
ผลคือคะแนนที่ออกมาคือ 62,740 ซึ่งจัดอยู่ในระดับกลางๆ สามารถเล่นเกมส์ที่ภาพสวยๆ ได้เลย เอาละ เราได้ผลคะแนนออกมาแล้ว ขั้นต่อไป เราลองทดสอบจริงกันเลยดีกว่า
มาต่อกันที่การทดสอบจริง ว่าคะแนนที่เราได้มานั้น จะส่งผลต่อการเล่นเกมส์ มากน้อยแค่ไหน สำหรับเกมส์ที่เราได้นำมาทดสอบคือ Realm of Valor (RoV) และเกมส์ Lineage II Revolution กราฟฟิกสุดอลังการ
หลังจากที่ทดสอบเล่นทั้งสองเกมส์ บน Zenfone 3 ผลที่ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจ สามารถเล่นได้ตามปกติ แต่เนื่องจากทั้งสองเกมส์ที่เรามาทดสอบนั้น ต้องการสเปคเครื่องที่ค่อนข้างสูง ทำให้มีอาการกระตุกเล็กน้อย โดยรวมถือว่าโอเคเลยเหละ
จุดเด่น
| ข้อสังเกตุ
|
จากที่ได้ลองทดสอบใช้งาน เจ้า Asus Zenfone 3 ตัวนี้นั้น จุดเด่นหลักๆ ของรุ่นนี้ต้องยกให้กับดีไซน์ของตัวเครื่อง ที่ออกแบบมาได้สวยงาม และ กล้องหลังที่ถ่ายภาพชัด สีสันสวยงามสมจริง และยังอัดวิดีโอได้ถึงระดับ 4K เลยทีเดียว แต่ในส่วนของแบตเตอรี่ที่ให้มานั้น ค่อนข้างจะน้อยไปซักนิด สำหรับสมาร์ทโฟนที่มีสเปคระดับนี้ และอีกอย่างที่ดีก็คือ แรม ที่มีมาให้มากถึง 4GB ช่วยให้การเรียกใช้งานแอปพลิเคชันรวดเร็วทันใจมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเล่นเกมส์ไป ดูหนังไป ก็ไม่ทำให้เครื่องช้าแต่อย่างใด และมาพร้อมกับ Android 7.0 Nougat ในเวอร์ชันอัพเกรดการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น
โดยรวมๆ แล้วถือว่าเป็นสเปคที่เหมาะสมกับราคาเลย หน้าจอชัด สเปคแรง แถมยังถ่ายรูปสวยอีกต่างหาก ใครที่กำลังมองหามือถือราคาคุ้มๆ ตัวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเลย
|
How to .... |