รีวิว ASUS ProArt StudioBook 15 หน้าจอ 4K ประสิทธิภาพเหนือชั้น เพื่อสายครีเอเตอร์

รีวิว ASUS ProArt StudioBook 15
โน้ตบุ๊คหน้าจอ 4K ประสิทธิภาพเหนือชั้น เพื่อสายครีเอเตอร์

ASUS ปล่อยโน้ตบุ๊ค Mobile Workstation สายผลิตคอนเทนต์รุ่นใหม่ล่าสุดเกรดพรีเมียม ใช้ทำงานกราฟิกในระดับมืออาชีพ "ProArt StudioBook" ปัจจุบันมีอยู่หลายรุ่น แต่คงไม่ต้องร่ายยาวกันมากไป เพราะเราจะมาว่ากันเฉพาะรุ่นที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับคนไทย และถือเป็นคือน้องเล็กของแบรนด์ ที่น่าจะเหมาะกับใครหลายคนที่สุดแล้ว ทั้งในเรื่องของความจำเป็นด้าน Performance และราคา อย่างโน้ตบุ๊ค ASUS ProArt StudioBook 15 (H500GV)  

ซึ่งโน้ตบุ๊ค ASUS ProArt StudioBook 15 ได้รับการออกแบบ และรวมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกัน มาพร้อมกับดีไซน์เครื่องไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังมอบประสิทธิภาพเหนือชั้นให้กับผู้ใช้ทำงานกราฟิก จะเป็นอย่างไรบ้าง เหมาะกับคุณแค่ไหน รีวิวนี้เราจะมาเล่าให้ฟัง

ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคของผลิตภัณฑ์ (Technical Specifications)

การออกแบบของโน้ตบุ๊ค ASUS ProArt StudioBook 15

เริ่มกันที่ดีไซน์เครื่องโน้ตบุ๊ค ASUS ProArt StudioBook 15 กันก่อน แว็บแรกมองเผินๆ หลายคนอาจจะคิดว่าโน้ตบุ๊คเกมมิ่ง เพราะฝาครอบ ตัดขอบเป็นสี่เหลี่ยมคางหมู เพื่อเปิดช่องระบายความร้อนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เป็นดีไซน์ที่เราอาจได้พบบ่อยๆ ในพวกโน็ตบุ๊คเกมมิ่ง ซึ่งก็ทำให้ดูทันสมัยหน่อยๆ มาพร้อมกับเฉดสีน้ำเงินอมเทาที่มีชื่อเรียกเท่ๆ ว่า 'Star Grey' ในการออกแบบสี ถ้าเราสังเกตที่เครื่อง จะเห็นเหมือนเป็นประกายดวงดาวที่กำลังทอแสงบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ดูแล้วก็สวยไปอีกแบบ

ต่อไปมาว่ากันเรื่องขนาดตัวเครื่อง ซึ่งเป็นแกนหลักที่ใช้ออกแบบ ASUS ProArt StudioBook 15 จะมีขนาด 360 x 252 x 18.9 มม. (กว้าง x ยาว x หนา) ถือว่าไม่ใหญ่มาก และยังรองรับความทนทานระดับ Military-grade (MIL-STD-810G) หรือวัสดุที่ใช้ในการทหาร ที่สามารถทนอากาศร้อน ทนความชื้น กันกระแทก และอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่

ซึ่งตรงนี้ได้วัสดุการทำที่ประกอบด้วย โลหะแมกนีเซียมอัลลอย กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ทั้งฝาขอบ ตัวเครื่อง และวัสดุภายในบางส่วน ซึ่งนอกจากจะทนทานแล้วยังช่วยถ่ายเท และกระจายความร้อนได้ดี และยังทำให้เครื่องมีน้ำหนักแค่ 1.9 กก. ถือเป็นโน้ตบุ๊ค Mobile Workstation ที่เบามากตัวหนึ่ง ทำให้สามารถพกพาไปทำงานนอกสถานที่ได้

ด้านของพอร์ตสำหรับอุปกรณ์เชื่อมต่อ ก็มีให้อย่างครบครัน ฝั่งหนึ่งจะมีทั้งพอร์ต USB-C 3.1 Gen 2 และ USB-A 3.1 Gen 1 อีก 2 ช่อง

ส่วนอีกด้านก็จะมีตั้งแต่ ช่องเสียบอะแดปเตอร์ หรือที่ชาร์จแบตเตอรี่  ตามด้วย RJ-45 Lan micro HDMI และพอร์ต HDMI สุดท้ายก็คือ USB-A 3.1 Gen 2 และ สาย Jack 2 ช่อง เอาไว้ต่อไมค์โครโฟนกับหูฟัง แต่ที่น่าเสียดายคือกลับไม่มี พอร์ตเสียบสำหรับ Micro SD Card ให้สายตัดต่อภาพได้สามารถใช้งานสะดวก แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร เพราะคนที่ใช้ทำงานตัดต่อรูป หรือวิดีโอก็สามารถหาพวก USB Hub มาใช้แทนได้อยู่แล้ว 

สำหรับคีย์บอร์ด (Keyboard) ก็จะค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ได้มีจุดเด่นอะไร จะมีก็แค่ลูกเล่นการปรับระดับไฟที่คีย์บอร์ด เพื่อใช้ทำงานในที่แสงน้อย และปุ่มลัดที่สามารถช่วยปรับโหมดพัดลมระบายความร้อนในเวลาที่เครื่องใช้งานหนักเป็นต้น ด้านการสัมผัสค่อนข้างให้สัมผัสเบา ปุ่มไม่แข็ง มี actuation point ตื้น ไม่ต้องใช้แรงในการกดมาก 

ขณะที่การใช้งาน Touch Pad จะรองรับ Gesture ได้เหมือนกัน ใช้งานฟังก์ชันของเมาส์ ทั้งการซูม การเลื่อนหน้าจอ สัมผัสค่อนข้างจะฝืดเล็กน้อย แต่อาจเป็นเพราะความไม่เคยชินของผู้เขียนเอง

หน้าจอแสดงผลของโน้ตบุ๊ค ASUS ProArt StudioBook 15

หน้าจอคือจุดเด่นที่แท้จริงของ ASUS ProArt StudioBook 15 เพราะถ้าเป็นโน้ตบุ๊คสายทำกราฟิก แน่นอนว่าสเปคจอต้องดี

หน้าจอเป็นแบบ LCD ขนาด 15.6 นิ้ว  ที่แสดงผลความละเอียด 3840 x 2460 (4K UHD) และมาพร้อมกับนวัตกรรมขอบจอบางพิเศษ 'NanoEdge'  หนา 7.5 มม. ทำให้อัตราส่วนหน้าจอแสดงผลต่อเครื่องมีเนื้อที่เพิ่มถึง 82 % เพื่อให้ดื่มด่ำกับการแสดงผลภาพอย่างเต็มที่

นอกจากนี้เพื่อประสิทธิภาพของผลงาน หน้าจอของ ASUS ProArt StudioBook 15 ยังได้รับรองมาตรฐาน PANTONE® Validated สำหรับความเป็นที่สุดในเรื่องความแม่นยำของสี มีค่าความผิดเพี้ยนของสี (Delta-E) ในอัตราที่น้อยกว่า 1.5 ซึ่งตรงนี้รับรองได้เลยว่าถ้าทำงานออกแบบผลิตภัณฑ์ สถาปัตยกรรม หรือแฟชันดีไซน์ ไม่ว่าจะดีไซน์ออกมาแบบไหน ยังไงก็ได้สีของจริงที่ตรง เหมือนจอ MONITOR เลย

Delta-E คือ หน่วยวัดมาตรฐานการแสดงผลในจอ Monitor ตรงนี้สำหรับคนที่ทำงานกราฟิกออกแบบดีไซน์ ผลิตภัณฑ์ แฟชัน บรรจุภัณฑ์ หรือแม้แต่สถาปัตยกรรม ก็จะรู้ดีครับว่า เวลาทำงานออกแบบ สีที่อยู่บนจอ กับสีจริงมักจะชอบเพี้ยน ซึ่งมาตรฐานนี้รับรองได้เลยครับว่าหน้าจอนี้มีความเที่ยงตรงของสีที่แสดงผลได้ตรงกับของจริง

แต่ความพิเศษของหน้าจอยังไม่หมดแค่นี้ เพราะยังสามารถรองรับความกว้างของสีได้แบบ 100% Adobe RGB ซึ่งเป็นมาตรฐานของ Adobe Systems เวลาตัดต่อภาพ หรือทำกราฟิกสามารถที่จะให้สีออกมาได้รายละเอียดที่มากกว่า และเป็นที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางในงานต่าง ๆ เช่น ในอุตสาหกรรมการพิมพ์ เพื่อที่จะให้สีของ Adobe RGB ออกมาอย่างถูกต้องตามรูปภาพข่าว หรือนิตยสารนั่นเอง 

ประสิทธิภาพของโน้ตบุ๊ค ASUS ProArt StudioBook 15

ในด้านประสิทธิภาพ ASUS ProArt StudioBook 15 ก็ถือว่าโหดพอใช้ได้ ด้วยศักยภาพประมวลผลด้านกราฟิกของ NVIDIA GeForce RTX™ 2060 ที่มี VRAM 6GB พร้อมซีพียู Intel Core i7-9750H ที่มีความเร็ว 2.6GHz เร่งได้ถึง 4.5GHz และ แรม 16 GB รวมถึงยังมีความจุเป็น SSD แบบ PCIe Gen3 X4 ขนาด 1TB ทั้งหมดรวมกันนี้ ทำให้ ProArt StudioBook 15 ถือว่าตอบโจทย์ เพราะสามารถช่วยในเรื่องของการประมวลผลข้อมูล หรือความเร็วในการรับส่งข้อมูล ซึ่งช่วยให้การทำงานออกแบบดีไซน์ หรือทำ กราฟิก สามารถทำได้อย่างลื่นไหล

ภาพจาก https://www.asus.com/Laptops/ProArt-StudioBook-15-H500GV/

จากภาพก็คือขอบเขตของงานที่สามารถใช้ประสิทธิภาพของ ASUS ProArt StudioBook 15 ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นงานประมวลผลข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยระบบ AI สำหรับนักวิจัย หรืองานออกแบบสถาปัตยกรรม ออกแบบดีไซน์ผลิตภัณฑ์ อนิเมชัน และสุดท้ายการทำกราฟิก ก็ครอบคลุมทุกอย่าง

การใช้โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ หรือ ทำกราฟิก

Render วิดีโอรวดเร็วทันใจ

ทำกราฟิก หรือตัดต่อวิดีโอเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรม Photoshop โปรแกรม Premiere Pro หรือ โปรแกรม Lightroom ก็ลื่นไหล โหลดข้อมูลเร็วไม่มีสะดุด

โดยเฉพาะในเรื่องความเร็วที่เป็นปัญหาเวลาทำงานไฟล์ใหญ่ๆ ProArt StudioBook 15 ที่มี SSD แบบ PCIe Gen3 X4 ขนาด 1TB ซึ่งนอกจากมอบที่เก็บไฟล์งานขนาดใหญ่ ยังสามารถช่วยให้โหลดข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุดในการอ่านถึง 3,200 MB/s และเขียนถึง 2,300 MB/s ทำให้การ Render โปรแกรมตัดต่อ หรือการย้ายไฟล์ใหญ่ๆ ทำได้เร็วแรงไม่เสียเวลานั่งรอ 

การเล่นเกม

พอเห็นสเปคของ ASUS ProArt StudioBook 15 แบบนี้ ต้องขอบอกว่าถ้าไม่ลองเล่นเกม จะถือว่าไม่ครบเครื่องสำหรับการใช้งาน ซึ่งในการเล่นเกมที่ภาพสวยๆ กินสเปคสูงๆ ก็สามารถเล่นได้ลื่นไหลในการปรับภาพระดับ High แต่สำหรับภาพความละเอียด Ultra ก็มีภาพกระตุก และ FPS ตกไปตามระเบียบ และระหว่างเล่นๆ ไปความร้อนของเครื่องก็เพิ่มสูงขึ้น แต่สิ่งที่ผมสังเกตเห็นได้ คือเมื่อความร้อนสูง เราไม่จำเป็นต้องรอให้มันสูงมากที่สุดและปล่อยให้ระบบมันเร่งความเร็วการระบายความร้อน แต่เราสามารถเร่งมันเองได้ด้วยมือของตัวเองเลย

การใช้งานทั่วไปของโน้ตบุ๊ค ASUS ProArt StudioBook 15

ระบบระบายความร้อน

ภาพจาก https://www.asus.com/Laptops/ProArt-StudioBook-15-H500GV/

ใช้งานกันหนักขนาดนี้ สุดท้ายก็คงมาพร้อมกับความร้อนของเครื่องที่มากขึ้นตามไป แต่รู้หรือไม่ว่า ASUS ProArt StudioBook 15 มีระบบจัดการความร้อนของมัน ด้วยระบบระบายความร้อนอัจฉริยะ พัดลมคู่แบบ 83 ใบพัด พร้อมช่องระบายฝุ่น (Anti-Dust Cooling), และฮีทไปป์ทองแดง 6 เส้น ชุดฮีทซิ้งค์ 4 ชุด แบบ 205 ครีบ พร้อมช่องระบายความร้อน 4 ทาง บวกกับการออกแบบดีไซน์เปิดช่องไว้ด้านหลังที่บอกไว้ในตอนต้น ทำให้ ASUS ProArt StudioBook 15 ขจัดปัญหาเรื่องความร้อนได้หมดจด ไม่ว่าจะงานหนักแค่ไหน ความร้อนก็ไม่มีทางเกิน 100 องศาเซลเซียสได้เลย 

แบตเตอรี่

อยากจะบอกว่าข้อเสียอย่างหนึ่งเลยคือแบตเตอรี่ค่อนข้างหมดไว และใช้งานได้ไม่เกิน 6 ชั่วโมงในโหมดประหยัดแบตเตอรี่ ซึ่งขณะที่ใช้งานปกติจะอยู่ได้แค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ข้อแนะนำคือควรเสียบสายชาร์จไว้ตลอดดีกว่า แต่ถ้าจะพกพาไปไหน ก็ควรนั่งอยู่ใกล้ปลั๊กและเสียบทำงานไว้ ถ้าถอดออก รับรองแปปเดียวแบตฯ หมด  ยิ่งถ้าทำงานตัดต่อ กราฟิกที่ใช้พลังงานเยอะด้วยคงไม่ต้องพูดถึง

ระบบเสียง เบสกระหึ่ม เสียงใส

ภาพจาก https://www.asus.com/Laptops/ProArt-StudioBook-15-H500GV/

ด้านระบบเสียงของ ASUS ProArt StudioBook 15 ลำโพงจะใส่มาให้ไว้ด้านใต้ของตัวเครื่อง การันตีคุณภาพด้วยระบบเสียงทรงพลัง SonicMaster Premium เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยทีมวิศวกรด้านเสียงของ ASUS เองเลย ทำให้เราได้ระบบเสียงแบบ Full - range สเตอริโอ เสียงเบส ก็หนักแน่น เสียงสูงก็เปล่งประกาย อย่างเต็มประสิทธิภาพมากมาย แต่เปิดดังไป อยู่ไกลๆ ก็อาจดูเสียงแตกหน่อยๆ เหมือนกันนะ

สรุป

สำหรับ ASUS Pro Art StudioBook 15 ที่ถือเป็นโน้ตบุ๊คสำหรับคนทำคอนเทนต์ และทำกราฟิกที่น่าใช้ตัวหนึ่ง ความครบเครื่องของสเปคประมวลผล หน้าจอ 4K ความทนทาน และน้ำหนักเบาพกพาง่ายแบบนี้ ถ้ามองหาอะไรที่โดนใจเช่นนี้อยู่ ผมก็อยากให้คุณมอง ASUS Pro Art StudioBook 15 เป็นหนึ่งตัวเลือกของคุณดูครับ แล้วจะไม่เสียใจ