จุดที่ชอบ
| จุดที่ไม่ชอบ
|
Zenfone Max Plus เป็นสมาร์ทโฟนระดับมิดเรนจ์อีกรุ่นของทาง Zenfone ที่เน้นด้านความจุแบตเตอรี่สูง ให้ใช้งานกันอย่างยาวนาน โดยในรุ่นนี้ เป็นรุ่นแรกของทาง Zenfone ที่ใช้ดีไซน์หน้าจอแบบ Full View Display ทำให้ได้ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ในขนาดตัวเครื่องที่เท่าเดิม นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของกล้องคู่ และระบบสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกเข้ามาให้ใช้งานอีกด้วย
สเปค ASUS Zenfone Max Plus
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
ความโดดเด่นแรกเลยสำหรับ ASUS Zenfone Max Plus ก็คือการที่ทาง ASUS ได้ตัดสินใจหันมาใช้หน้าจอแบบ Full View Display กับสมาร์ทโฟนในซีรีส์ Max ซึ่งก็เหมาะสมดี (เพราะหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ก็จะกินแบตมากขึ้นนั่นเอง) แน่นอนว่าจุดเด่นของดีไซน์แบบนี้ ก็คือ เราจะได้หน้าจอการใช้งานที่ใหญ่ขึ้น (อัตราส่วน 18:9) บนตัวเครื่องที่มีขนาดกะทัดรัดไม่ต่างจากรุ่นก่อนๆ นั่นเอง ซึ่งจะสามารถแสดงเนื้อหาเว็บแนวตั้งได้มากขึ้น ดูหนังอัตราส่วน Widescreen ได้ ถ่ายรูปแนวนอนได้กว้างขึ้น หรืออะไรก็ว่าไป ตามสไตล์หน้าจอกว้างๆ แต่ที่สำคัญจริงๆ คือ ดีไซน์แบบนี้ ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่ยังใช้อัตราส่วนแบบเก่า ดูหนาๆ ตันๆ ไม่น่าใช้ไปแล้ว
นอกจากหน้าจอแสดงผลด้านหน้า เป็นกระจกเต็มใบทั้งหน้าแล้ว ส่วนอื่นๆ ของ Zenfone Max Plus ได้ใช้อลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักในการผลิต จึงทำให้เครื่องดูแข็งแรง สวยงามและมีน้ำหนักหน่อยๆ ปุ่มต่างๆ มีสัมผัสที่ดีในการใช้งาน มีกล้องคู่ที่ขนาดเลนส์ต่างกันอยู่ด้านบนซ้ายของตัวเครื่อง เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ตรงกลาง และมีเส้นสีน้ำเงินเป็นลวดลวยตัดคาดทั้งด้านบนและล่างของตัวมือถือให้ดูไม่เรียบจนเกินไป โดยรวมแล้ว ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนอีกเครื่องหนึ่ง ที่ดีไซน์สวยงามน่าใช้งาน
สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ มีทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ รวมทั้งการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกหน้าจอให้ใช้งานกัน แต่เหมือนว่าถ้าเปิดการสแกนใบหน้าแล้ว จะไม่สามารถใช้ลายนิ้วมือในการปลดล็อกได้ ต้องใช้ระบบรหัสผ่านอื่นๆ ในการปลดล็อกเครื่องแทน
โดยการสแกนใบหน้าของตัวเครื่องสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ส่วนความแม่นยำนั้น ด้านหน้าตรง ใส่หมวก ใส่/ถอดแว่น หรือหันข้างหน่อยๆ ก็สามารถสแกนได้แม่นยำ แต่หากก้มหน้าหรือเงยหน้า ก็จะตรวจจับไม่เจอใบหน้าบ้าง ส่วนถ้าจะเอารูปภาพมาปลดล็อกใบหน้าแทน อันนี้ลองแล้ว ไม่ติดนะครับ ติดใจเล็กๆ ที่ว่า UI ไม่มีการแสดงผลบอกว่าปลดล็อกหน้าจอแล้ว คือสแกนปุ๊บ ก็เข้ามาที่หน้าจอใช้งานปั๊บเลย (มันให้ความรู้สึกว่า เอ๊ะ! เราปลดล็อกแล้วหรอ หรือไม่ได้ล็อกหน้าจอไว้นะ - -)
ความสนุกของกล้องในรุ่นนี้หลังจากที่ได้ใช้งาน หลักๆ เลยก็คือเลนส์มุมกว้าง ที่ทำให้ถ่ายภาพได้หลากหลายขึ้น (จะขอพูดเรื่องเลนส์มุมกว้างเยอะหน่อย สำหรับรีวิวนี้) ซึ่งโอกาสที่ได้ใช้บ่อยๆ คือเวลาไปเที่ยวกรุ๊ปใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเพื่อนหรือครอบครัว ก็สามารถถ่ายรูปหมู่ได้อย่างสะดวกสบาย เก็บภาพได้หมดทุกคน ไม่ต้องถอยไปไกลๆ ถึงแม้ว่าความละเอียดภาพจะน้อยไปหน่อย (8 ล้านพิกเซล) แต่สำหรับเก็บภาพความทรงจำ โพสต์โซเชียลเบาๆ ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว
ถ่ายครอบครัว เพื่อนฝูง ถ่ายตึกใหญ่ๆ ในระยะใกล้ หรือถ่ายในที่มุมแคบได้สบายๆ แต่ถ้าเป็นมุมกว้างกับกล้องหน้าด้วย จะถ่ายหมู่ได้ฟินกว่านี้อีก 555
(เปรียบเทียบมุมภาพระหว่าง 2 เลนส์ในจุดถ่ายภาพเดียวกัน)
ระยะระหว่างเลนส์ปกติกับเลนส์มุมกว้างก็ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เลือกนำไปใช้งานกับการถ่ายภาพแต่ละประเภท ก็ทำได้อย่างสนุกสนาน
ด้านขอบโค้ง (Distortion) ที่มักจะติดมากับเลนส์มุมกว้าง สำหรับมือถือรุ่นนี้ ก็ทำให้เส้นขอบฟ้าบริเวณขอบภาพโค้งพอสมควรนะ (สามารถแก้ด้วยซอฟต์แวร์แต่งภาพได้) ซึ่งถ้าไม่ได้ติดใจอะไร ก็เป็นเสน่ห์ของเลนส์มุมกว้างดี
ปล. ภาพสุดท้ายหลังคาโค้งอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเลนส์นะ
สิ่งที่ต้องระวังสำหรับการถ่ายภาพมุมกว้างก็คือ มือที่ถือกล้องที่บางทีนิ้วขยับไปใกล้เลนส์ ก็จะติดเข้าเฟรมภาพได้โดยง่าย
นอกจากจะเก็บภาพครอบครัว หรือเก็บภาพวิวแล้ว เลนส์กว้างนี้ ยังใช้ร่วมกับโหมดถ่ายภาพบุคคลได้ด้วย เราก็จะได้ภาพละลายหลัง แต่ฉากหลังกว้างๆ คล้ายๆ กับเลนส์มุมกว้างของกล้องโปรที่มีค่ารูรับแสงกว้างๆ (ราคาสูงๆ) อีกด้วย เพลินดีเหมือนกัน
ถึงแม้จะบอกว่ามีโหมดถ่ายภาพบุคคล ที่สามารถละลายฉากหลังได้เหมือนกับเลนส์กล้องโปรแพงๆ แต่ก็เป็นการคำนวณด้วยซอฟต์แวร์ของแอปฯ กล้อง ซึ่งก็ยังไม่สามารถทำได้อย่างแม่นยำ จะเห็นได้ว่า บริเวณขอบของตัวแบบ ยังมีหลายจุดที่ไม่ได้ละลายกลืนกับฉากหลังไปด้วย หรือบางจุดก็ละลายเกินเข้ามาในตัวแบบ (แต่โดยปกติแล้ว ซอฟต์แวร์กล้องพวกนี้ จะมีการอัพเดทใหม่ให้ฉลาดขึ้นอยู่เรื่อยๆ นะ) ซึ่งเอาจริงๆ แล้วกล้องที่ให้มา ก็ค่อนข้างสวยและคมชัดอยู่แล้ว จะถ่ายรูปแบบไม่ต้องละลายหลัง ก็สวยงามดีครับ
ส่วนกล้องหน้าให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลเท่ากับกล้องหลัง (ไม่นับเลนส์กว้าง) ค่อนข้างจะคมชัดพอสมควร มี Phase detection ตรวจจับใบหน้า ที่โฟกัสได้รวดเร็วและแม่นยำ แต่การวัดแสงอัตโนมัติส่วนใหญ่ที่เจอ (ถ่ายย้อนแสง หรือความต่างแสงระหว่างตัวแบบกับพื้นหลังต่างกันเยอะ) จะค่อนข้างโอเวอร์สว่างเกินจริง (เหมือนไม่ได้วัดแสงที่หน้าของตัวแบบ) แต่ถ้าจิ้มหน้าจอเพื่อโฟกัสหน้า ก็จะได้แสงพอดี ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนโหมดถ่ายภาพบุคคล ก็ใช้กับกล้องหน้าได้เช่นกัน แต่การละลายฉากหลัง ก็จะมีปัญหาคล้ายๆ กับกล้องหลัง ที่คาดหวังว่า การอัพเดทซอฟต์แวร์ในอนาคต จะทำให้การละลายฉากหลัง แม่นยำมากขึ้น
ASUS Zenfone Max Plus มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 7.0 ครอบด้วย ZenUI 4.0 ซึ่งสำหรับเราแล้ว ZenUI ถือเป็นอีกหนึ่ง UI โปรดบนมือถือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เลย ด้วยความที่เป็น UI ที่มีความเรียบง่าย ไอคอนต่างๆ มีความน่ารัก การจัดวางดูสะอาดตา มีลูกเล่นต่างๆ ให้ใช้งานเพลินๆ รวมทั้งอนิเมชั่นก็ค่อนข้างไหลลื่น ใช้งานได้สนุกมือมาก
เข้าหน้า App Drawer ด้วยการลากนิ้วขึ้น กับอนิเมชั่นลื่นๆ แอบฟินเล็กๆ
ได้ลองทดสอบ Benchmark ของ Zenfone Max Plus ดู คะแนนการแสดงผลต่างๆ จะอยู่ในระดับกลางๆ ซึ่งน้อยกว่ารุ่น Zenfone 4 Max Pro ที่เคยรีวิวก่อนหน้าอยู่หน่อยๆ เราเลยข้องใจอยู่หน่อยๆ ว่าหากนำไปใช้เล่นเกมส์ จะสามารถเล่นได้อย่างไหลลื่นหรือไม่?
เราเลยลองทดสอบด้วยเกมส์ Honkai Impact 3 ที่มีการแสดงผลเฟรมเรตค่อนข้างรวดเร็ว ผลปรากฏว่า ในฉากต่างๆ โดยเฉพาะฉากแอคชั่น การแสดงผลของภาพจะโหลดไม่ค่อยทัน ทำให้ภาพชะงักอยู่เรื่อยๆ (แต่หากเกมส์สามารถลดกราฟฟิกการแสดงผลได้ ก็เล่นได้โอเคอยู่) เกมส์ที่เหมาะกับเครื่องนี้จึงเป็นเกมส์ประเภทพัซเซิล ที่มีการแสดงผลน้อยๆ มากกว่า
แต่ด้านการใช้งานอื่นๆ ที่ไม่ใช้การแสดงผลต่างๆ อย่างการเล่นเกมส์ ถือว่าทำได้ดีมากๆ เลย ด้วยความที่ตัวเครื่องให้แรมมาถึง 4 GB จึงทำให้การสลับใช้งาน รวมทั้งโหลดแอปฯ ต่างๆ ทำได้อย่างรวดเร็ว ใช้งานได้อย่างไหลลื่น ไม่หงุดหงิดใจเลย
เรื่องแบตเตอรี่ คงไม่ใช่เรื่องน่าห่วงของสมาร์ทโฟนซีรีย์นี้ ด้วยแบตความจุ 4,130 mAh นี่ใช้งานได้ยาวๆ สบายเลย พกไปถ่ายรูปช่วงปีใหม่ 3 วันเต็มๆ แบตฯ ก็ยังเหลือกลับมา ถ้าเล่นเกมส์ก็คงพออยู่ได้วันหนึ่งเต็มๆ รวมทั้งภายในกล่องยังมีสายพอร์ต MicroUSB to USB ให้สามารถแปลง Zenfone Max Plus กลายเป็นพาวเวอร์แบงค์แบ่งพลังงานให้เพื่อนๆ ได้เช่นเดิม (แต่ลักษณะการจ่ายไฟจะเหมือนกับการต่อชาร์จ USB เข้ากับคอมนะครับ)
เสียดายที่มือถือรุ่นนี้ด้วยความที่เป็นสมาร์ทโฟนระดับราคามิดเรนจ์ จึงยังคงใช้งานเป็น MicroUSB อยู่ (ถ้าเป็น USB-C น่าจะชาร์จได้เร็วกว่านี้) ซึ่งอะแดปเตอร์ที่ให้มาก็สามารถจ่ายไฟได้ 2A ใช้เวลาชาร์จ 3 ชั่วโมง แบตเตอรี่ของ Zenfone Max Plus ถึงจะเต็ม 100%
สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนถ่ายรูปสนุกๆ ชอบภาพมุมกว้างเป็นพิเศษ แบตอึดไม่ต้องพกพาวเวอร์แบงก์ รวมทั้งอยากได้หน้าจอแบบ Full View Display ที่แสดงผล ZenUI ในราคาที่ไม่สูงนัก (ตอนที่ทำรีวิว ราคาไทยยังไม่ออก) ASUS Zenfone Max Plus เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ตอบโจทย์อยู่ไม่น้อยเลย
|
... |