ข้อดี
| ข้อสังเกต
|
แม้จะเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง แต่ก็น่าจับตามองเสมอ สำหรับ Redmi แบรนด์สมาร์ทโฟนราคาประหยัดจาก Xiaomi ที่ขึ้นชื่อเรื่องสเปคแรงคุ้มราคา ซึ่ง Redmi Note 5 ที่กำลังจะกล่าวถึงนี้ก็เช่นกัน เพราะถึงแม้ว่าจะมีราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 5,990 บาท แต่ก็ให้ขุมพลัง Snapdragon 636 มาพร้อมสเปคดีๆ ที่เล่นเกมส์ได้เพลินๆ รวมทั้งกล้องหลังคู่ที่มี Dual PDAF ให้สามารถโฟกัสถ่ายรูปได้เร็วอีกด้วย และยังมีอีกหลายๆ ฟีเจอร์ที่เรียกว่าเกินคุ้มราคาจริงๆ
Redmi Note 5 อยู่ในกล่องแพ็คเกจสีส้มแดงขนาดความกว้างของกล่องพอดีกับตัวสมาร์ทโฟน ภายในกล่องประกอบไปด้วย
ถึงแม้ว่า Redmi Note 5 จะยังคงมีช่องหูฟังให้ แต่ภายในกล่องไม่มีหูฟังแถมให้นะครับ ส่วนเคสใสที่แถมมาด้วย มีความบางมาก ไม่น่าจะช่วยกันเรื่องแรงกระแทกเท่าไหร่นัก แต่พื้นผิวซิลิโคนของตัวเคสนั้นกันลื่นได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสีเทาใสๆ นั้น เข้ากันได้ดีกับสีดำของตัวเครื่อง ดูสวยงามมาก
ส่วนอะแดปเตอร์รองรับการจ่ายไฟ 2A พร้อมสาย microUSB ซึ่งอาจจะชาร์จไฟได้ไม่เร็วเท่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด (Redmi Note 5 รองรับ Quick Charge 2.0) และหัวปลั๊กเป็นแบบหัวปลั๊กกลม 2 ขา ซึ่งโดนส่วนตัวแล้ว เราไม่ชอบหัวปลั๊กแบบนี้เท่าไหร่นัก เพราะเป็นปลั๊กที่เสียบใช้งานกับเต้าเสียบส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยแน่น หลุดง่าย
Redmi Note 5 มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.99 นิ้ว (หรือ 6 นิ้วนั่นแหละ) และด้วยดีไซน์แบบ 18:9 ทำให้ขนาดของมือถือไม่ใหญ่จนเกินไป ซึ่งขนาดของรุ่นนี้ ก็พอๆ กับมือถือ Plus หรือ Pro รุ่นต่างๆ ในท้องตลาด จากการใช้งานต่างๆ หรือเล่นเกมส์ หน้าจอก็ใหญ่ แสดงผลได้สะใจดี แต่ส่วนตัวรู้สึกว่ามือถือมีน้ำหนักมากไปหน่อย ถือนานๆ แล้วเมื่อย (ซึ่งจริงๆ แล้ว น้ำหนักของ Note 5 ก็ไม่ได้ต่างจากสมาร์ทโฟนหน้าจอไซส์นี้รุ่นอื่นๆ ในท้องตลาดเลย แต่ทำไมรู้สึกหนักก็ไม่รู้)
วัสดุรอบๆ ตัวเครื่องทั้งบอดี้ด้านหลังและขอบตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียม ส่วนด้านหน้าครอบด้วยกระจก 2.5D Gorilla Glass 3 ให้มิติภาพหน้าจอที่มากขึ้น ตำแหน่งส่วนต่างๆ ของ Redmi Note 5 ถูกจัดวางตามมาตรฐานของมือถือทั่วไป ทั้งลำโพงสนทนาและเลนส์กล้องหน้าอยู่ด้านบนตัวเครื่อง ช่องถาดซิมอยู่ด้านซ้าย ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงและปุ่ม Power อยู่ด้านขวา พอร์ตหูฟัง 3.5mm, ช่องไมค์, พอร์ต microUSB และลำโพง อยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง ส่วนด้านหลัง ประกอบด้วยเลนส์กล้องคู่และแฟลชเรียงในแนวตั้งด้านซ้ายบน และปุ่มสแกนลายนิ้วมืออยู่ตรงกลาง
ถึงแม้ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนราคาประหยัด ที่ราคาเพียง 7,990 บาท (รุ่น 3GB ราคา 5,990 บาท) แต่ด้วย Snapdragon 636 ชิปเซ็ตที่เน้นเรื่องการเล่นเกมส์โดยเฉพาะ ทำให้ Redmi Note 5 ถึงแม้ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนราคาไม่แพง แต่ก็สามารถรันเกมส์ได้อย่างไหลลื่น (จริงๆ นะ) รวมทั้งปัญหาการโหลดเข้าเกมส์ช้า ที่เป็นปัญหาของสมาร์ทโฟนราคาประหยัด ก็ไม่มีให้เห็นบนสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เช่นกัน
แอบเอา Note 5 มาเล่นเกมส์แทนเครื่องตัวเองตลอดตอนรีวิวเครื่อง ประทับใจแท้
ทดสอบ Benchmark ดู พบว่าคะแนนของ Redmi Note 5 ได้เกือบเท่า Galaxy S7/Note 7 เลยทีเดียว
ถือว่าโหดไม่น้อย สำหรับสมาร์ทโฟนราคาประหยัด ที่จัดแบตเตอรี่มาให้ถึง 4,000 mAh ด้วยแบตเตอรี่ที่สูงแล้ว บวกกับชิปเซ็ต Snapdragon รุ่นใหม่ๆ ที่สามารถจัดการแบตเตอรี่ได้ดีขึ้น ทำให้สามารถใช้งานมือถือต่อการชาร์จ 1 รอบได้นานขึ้นไปอีก
เรื่องการใช้มือถือเล่นเกมส์ เราได้ลองเล่นทั้ง PUBG และ Dragonball Legends ที่กราฟฟิกสูงสุด เป็นเวลาเกมส์ละประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งเกมส์ที่กินแบตฯ สูงอย่าง PUBG ยังใช้แบตฯ ไป 8 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับว่าต่อการชาร์จแบต 1 รอบ เราสามารถเล่นเกมส์ต่อเนื่องได้มากกว่า 12 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ด้วยความที่ถาดซิมเป็นรูปแบบที่ต้องเลือกใส่ระหว่าง 2 ซิม กับ 1 ซิม 1 การ์ด ใครที่คิดจะใช้งานเป็นสมาร์ทโฟน 2 ซิม จึงต้องเลือกโมเดลที่จะซื้อดีๆ เพราะ Redmi Note 5 มีจำหน่ายอยู่ด้วยกัน 2 โมเดล ได้แก่ รุ่น RAM 3GB/ROM 32GB และรุ่น RAM 4GB/ROM 64GB ถ้ากลัวว่าเมมไม่พอใช้เพราะต้องลงแอปฯ ใช้งานเยอะๆ หรือมีขนาดใหญ่ คงต้องจัดรุ่นใหญ่ไปเลย แต่ถ้าใช้งานซิมเดียว อีกช่องก็ใส่ microSD ได้ครับ
เป็นสมาร์ทโฟนที่มีอะไรหลายๆ อย่างล้ำเกินค่าตัว แต่ก็ยังมีพอร์ตแบบ microUSB มาให้ใช้งานแทนที่จะเป็น USB-C ที่น่าจะช่วยให้ Redmi Note 5 สามารถชาร์จแบตเตอรี่จุๆ ได้เร็วกว่านี้ เสียดายที่ Snapdragon 636 รองรับถึง Quick charge 4.0 แต่ในรุ่นนี้รองรับเพียง Quick Charge 2.0 เท่านั้น
Redmi Note 5 มาพร้อมกับกล้องหลังคู่ที่ความละเอียด 12+5 พิกเซล ที่ช่วยในการถ่ายภาพที่มีรายละเอียดมากขึ้น และสามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 13 ล้านพิกเซลพร้อมฟีเจอร์ Beautify 4.0 ที่ช่วยปรับแต่งรูปเซลฟี่ให้สวยงาม โดยกล้องทั้ง 2 ด้าน มาพร้อมไฟแฟลชสีเหลือง ที่ช่วยขับผิวให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ไฟแฟลชของกล้องเป็นสีเหลือง ผิวตัวแบบจะออกสีเหลืองนวลๆ หน่อย
ด้าน UI ของตัวกล้อง มีลักษณะการใช้งานคล้ายกับกล้อง iPhone ที่ใช้การเลื่อนเมนูถ่ายรูปต่างๆ ไปทางซ้ายหรือขวา โดยโหมดถ่ายรูปต่างๆ จะมีดังนี้
*ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังจะมีโหมดถ่ายภาพต่างๆ เหมือนกัน ยกเว้นพานอราม่าและโหมดถ่ายภาพบุคคล ที่ใช้ได้บนกล้องหลังเท่านั้น หากกล้องหน้าต้องการถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอ ต้องเปิดโหมด Depth effect เอา
นอกจากนี้ กล้องยังมีโหมด HDR ให้เปิดใช้ และมีฟิลเตอร์ต่างๆ ให้ได้เลือกเล่นกันอีกด้วย ซึ่งถึงแม้ว่า ลูกเล่นกล้องจะไม่ได้เยอะเท่ากล้องมือถือระดับไฮเอนท์ หรือรุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด แต่คุณภาพไฟล์รูปที่ได้จากเซ็นเซอร์ขนาด 1.4 ไมครอน ถึงแม้ว่าในภาพโทนมืดจะมีจุดรบกวนขึ้นอยู่บ้าง แต่ภาพที่ได้ค่อนข้างมีรายละเอียดที่ดีเลยทีเดียว การโฟกัสจากเทคโนโลยี Dual PDAF ก็สามารถทำได้ไวจริงๆ
ถึงจะเป็นมือถือราคาประหยัดแต่ก็มี Dual PDAF ที่ทำให้สามารถโฟกัสได้ไวและแม่นยำ
รูปตัวอย่างจากกล้องมือถือ Redmi Note 5
ภาพที่ได้จากกล้อง Redmi Note 5 ค่อนข้างคมชัด แต่จะมีจุดรบกวนขึ้นอยู่บ้าง บริเวณเงาของภาพ
ในโหมด HDR จะเห็นว่ามิติของภาพดูลดลง แต่ก็สามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ของบริเวณที่สว่างและมืดได้ นำไปปรับแต่งความเข้มเพิ่มเติมได้
การถ่ายรูปในช่วงค่ำ มีจุดรบกวนอยู่บนภาพพอสมควร แต่ก็สามารถเก็บรายละเอียดภาพและมีความสว่างในระดับหนึ่ง
ลองเซลฟี่กล้องหน้าที่มีฟีเจอร์ Beautify 4.0 หรือฟีเจอร์ฟรุ้งฟริ้งของ Xiaomi หน้าดูใสเนียนกริ๊บ ส่วน Depth Effect ที่ให้ภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ (ในรูปขวา) ก็ตัดขอบภาพได้เนียนดี หลังละลายในขณะที่เส้นผมหรือขอบหูยังคมชัดอยู่
Redmi Note 5 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android Oreo พร้อม MIUI 9.5 ล่าสุด รูปแบบธีมโฮมสกรีนจะไม่มี App drawer เป็นหน้าแยกสำหรับรวบรวมแอปฯ ต่างๆ แต่แอปฯ ทั้งหมดจะถูกวางตำแหน่งไว้ที่หน้าโฮมของตัวเครื่อง (มีหลายหน้าไว้จัดเก็บแอปฯ) และสามารถสร้างโฟลเดอร์จัดเก็บแอปฯ ได้ รวมทั้งยังมีธีมต่างๆ ให้โหลดใช้งานเพิ่มเติมได้อีกด้วย
ส่วนปุ่ม Nav key (ปุ่มRecent apps/โฮม/ย้อนกลับ) มีให้ใช้งานเหมือนกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ทั่วไป หรือถ้าไม่ถูกใจ ก็เลือกใช้งาน การสัมผัสแบบเต็มหน้าจอ แทนได้ ซึ่งการใช้งานก็จะมีรูปแบบเหมือนกับ iPhone X ที่เราสามารถใช้คำสั่งต่างๆ ได้ดังนี้
ในเมนูการตั้งค่า เราสามารถตั้งค่าฟังก์ชั่นปุ่มลัดต่างๆ ในการเข้าใช้งานส่วนต่างๆ ได้เอง เช่น เปิดใช้งานกล้อง, จับภาพหน้าจอ, เปิดใช้ Google Assistant เป็นต้น ด้วยคำสั่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการกดปุ่มต่างๆ ค้างไว้ หรือกดปุ่มต่างๆ พร้อมกัน ซึ่งเท่าที่เราลองใช้งานแล้วชอบที่สุดก็คือฟังก์ชั่นง่ายๆ อย่างการแคปหน้าจอด้วย การปัดหน้าจอลงด้วย 3 นิ้ว
ตรงนี้เผื่อใครชอบปุ่มเมนูลัดให้กดบนหน้าจอ ก็เป็นทางเลือกให้เปิดมาใช้ได้ โดยปุ่มลัดนี้ เราจะสามารถใช้คำสั่ง Nav Key ได้ รวมทั้งแคปหน้าจอ และล็อกตัวเครื่องได้ด้วย เผื่ออยากจะถนอมปุ่มพาวเวอร์ให้ใช้ได้นานๆ นะครับ
ด้านระบบการปลดล็อกตัวเครื่อง นอกจากการใส่รหัสต่างๆ แล้ว Redmi Note 5 มีเพียงการสแกนลายนิ้วมือให้ใช้งานเท่านั้น
เป็นฟีเจอร์น่ารักๆ ของ MIUI อีกอันหนึ่ง เวลามีคนมาขอรหัส Wi-Fi เราก็ไม่จำเป็นต้องค่อยๆ บอกรหัสยากๆ ให้กับเขา แค่ไปที่หน้าเมนูเชื่อมต่อ Wi-Fi แล้วกด QR Code ให้คนอื่นสแกนเพื่อต่อ Wi-Fi ที่ใช้งานอยู่ได้ทันทีจ้า
หากมองหาสมาร์ทโฟนราคาไม่แพง ที่สามารถเล่นเกมส์ได้เพลินๆ พร้อมจอใหญ่ๆ แล้ว Redmi Note 5 เป็นมือถืออีกรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับการเล่นเกมส์มากๆ ไม่ว่าจะเป็นการโหลดเกมส์ หรือแอปฯ ต่างๆ ที่ทำได้ไวแล้ว ยังสามารถรันเกมส์ได้อย่างไหลลื่นอีกด้วย รวมทั้งแบตเตอรี่ที่ให้มา ก็มีความจุสูงถึง 4,000 mAh สามารถใช้งานได้ตลอดวัน ไม่ต้องพกพาวเวอร์แบงค์ไปไหนมาไหน ส่วนเรื่องกล้องก็สามารถให้ไฟล์ภาพได้เป็นอย่างดี สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้รายละเอียดที่ค่อนข้างจะชัดเจน ถ่ายเซลฟี่ก็ให้ภาพสวยอีกด้วย
|
... |