รีวิว Dragon Ball Legends: เกมส์ดราก้อนบอลฉบับมือถือที่แฟนการ์ตูนห้ามพลาด!

Game: Dragon Ball Legends

Genre: Fighting, Card Battle

Platform: Mobile (Android, iOS)

Developer: Bandai Namco

Prologue / อารัมภ 'บ่น'

นิ้วเดียวก็มันส์ได้!

Bandai Namco คือแบรนด์สื่อบันเทิงเน้นกลุ่มเยาวชน (ของเล่น อนิเมะ ซีรีย์คนแสดงคาเมนไรเดอร์/ขบวนการ 5 สี ไปจนถึงเกมส์) ที่เข้าใจเอกลักษณ์ใน IP หรือทรัพย์สินทางปัญญาของตนเป็นอย่างดี เพราะเหล่าผลงานเกมส์ที่ดัดแปลงจากโปรดักส์ประเภทอื่นของพวกเขาทั้งหลาย ต่างคลุกเคล้าไปด้วยกลิ่นอายของโปรดักส์ตั้งต้นที่แทบจะครบสมบูรณ์ทุกองค์ประกอบ

ซึ่ง Dragon Ball Legends เกมส์มือถือล่าสุดของพวกเขาที่ดัดแปลงมาจากซีรีย์การ์ตูนดราก้อนบอลนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ทำออกมาได้ดีภายใต้แพลตฟอร์มมือถือที่มีจุดอ่อนเป็นพื้นที่ในการเล่นและบังคับอย่างจำกัด แต่กระนั้น ภาพรวมของเกมส์ทั้งหมดจะเป็นเช่นไร คู่ควรกับการกินพื้นที่หน่วยความจำมือถือของท่านๆ หรือไม่? เชิญหาคำตอบได้ในบทความรีวิวนี้ได้เลยครับ 

ระบบการต่อสู้ที่สนุก เข้าถึงง่ายและบังคับได้เพียงหนึ่งนิ้ว! 

Dragon Ball Legends มีส่วนผสมของเกมส์สองแนวการเล่นระหว่างแนวต่อสู้แบบ "เรียลไทม์" (โต้ตอบกันแบบทันที) และ RPG มือถือ โดยรูปแบบแรกจะถูกใช้เป็นแกนการเล่นหลักของเกมส์ที่ผู้เล่นจะต้องจัดทัพเหล่าตัวละครในตำนานจากซีรีย์การ์ตูน/อนิเมะดราก้อนบอลทั้งหลายและคัดนักสู้ที่เหมาะสมตามการต่อสู้ต่างๆ รอบละ 3 ตัว ในขณะที่แนวการเล่นหลังสุดจะถูกใช้ในการพัฒนาตัวละครของเราให้เก่งขึ้นตามแบบฉบับเกมส์แนว RPG มือถือ (ฟาร์มเลเวล, เก็บวัตถุดิบมาอัพเกรด, สวมใส่อุปกรณ์ ฯลฯ) เพื่อเพิ่มความได้เปรียบด้านค่าพลังในการต่อสู้อีกที

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่แพลตฟอร์มมือถือจะทำระบบต่อสู้ให้ออกมามีระบบการบังคับที่ลื่นไหลและหลากหลายดั่งในเครื่องเล่นเกมส์อื่นๆ เพราะด้วยพื้นที่แสดงผลอันจำกัดของหน้าจอมือถือที่ซ้ำยังใช้เป็นการควบคุมการเล่นอีกต่อนั้น มันก็อาจจะสร้างความหงุดหงิดใจไปจนถึงความปะติดปะต่อในการเล่น

ตวัดหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวาเมื่อเครื่องหมายตกใจขึ้นเพื่อหลบการโจมตีแบบดิจิทัล! (เคลื่อนไหวชั่วพริบตานั่นเอง)

ขัดจังหวะการชาร์จพลังอีกฝั่งด้วยการ์ด Blast (ปล่อยพลังจากระยะไกล)

ซึ่งก็ดูเหมือน Dragon Ball Legends จะเข้าใจปัญหาดังกล่าวอย่างดิบดี ระบบการบังคับของเกมส์จึงออกมาเรียบง่ายที่สุดเพียง "หนึ่งนิ้วสัมผัส" ทั้งการแท็ปหน้าจอเพื่อโจมตีแบบปกติไว้ใช้ในการขัดจังหวะหรือสร้างความเสียหายเล็กน้อย - ปานกลาง การเคลื่อนที่เข้าหาศัตรูด้วยการลากนิ้วตามทิศทางพื้นฐาน (ขึ้น/ลง/ซ้าย/ขวา) การตวัดนิ้วไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อหลบหลีกการโจมตีของอีกฝั่งและทำการเคลื่อนที่ไปประชิดตัวศัตรู (เคลื่อนไหวชั่วพริบตาไงจำกันได้ไหม!?) โดยเหล่าความซับซ้อนในการกดท่าบังคับทั้งหลายที่ใช้ในการชิงหาจังหวะสร้างความได้เปรียบในการปะทะอันเป็นเอกลักษณ์ตลอดมาของเกมส์แนวต่อสู้ นั้น จะถูกขมวดให้กลายเป็นระบบ "การ์ด"    

ตั้งรับ! หาจังหวะรุก! ด้วยระบบ "Art Card" และ "Rising Rush"

เลือกใช้การ์ดให้เหมาะสมกับสถาณการณ์หรือจะต่อคอมโบในแบบที่ชอบก็ยังได้

"Arts Card" หรือการ์ดนี้ คือระบบที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของดราก้อนบอลได้ถึงพริกถึงขิง! ที่ถูกออกแบบมาให้เข้าใจง่ายและสามารถต่อยอดเป็นเทคนิคขั้นสูงได้อีกทอด โดยวิธีการจะใช้การ์ด ผู้เล่นจะต้องจ่ายด้วยค่าพลัง (Ki Power) ที่ได้จากการชาร์จและฟื้นคืนกลับในขณะต่อสู้ ซึ่งการ์ดแต่ละประเภทจะกินค่าพลังที่ไม่เท่ากันรวมไปถึงมีผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย  

1. การ์ดสีเขียว (รูปออร่า): เมื่อกดใช้ตัวละครของผู้เล่นจะได้รับค่าพลัง/สถานะพิเศษเมื่อกดใช้ อาทิ เพิ่มพลังโจมตีระยะประชิด, เพิ่มพลังโจมตีจากการ์ดสีแดง ฯลฯ (กินค่าพลัง Ki 25 หน่วย) 
2. การ์ดสีแดง (รูปหมัด) ท่าโจมตีระยะประชิดที่ตัวละครของผู้เล่นจะพุ่งเข้าหาอีกฝั่งด้วยความเร็ว (กินค่าพลัง Ki 20 หน่วย)
3. การ์ดสีเหลือง (รูปก้อนพลัง) ท่าโจมตีระยะไกล (กินค่าพลัง Ki 30 หน่วย)
4. การ์ดสีฟ้า (รูปพลังปะทุ) ท่าไม้ตายของแต่ละตัวละครที่สร้างความเสียหายได้อย่างรุนแรง (กินค่าพลัง Ki 50 หน่วย)

หากทั้งสองฝั่งใช้การ์ดโจมตีระยะไกล (การ์ดสีเหลือง) พร้อมกัน ก็จะเกิดการปัดป้องท่าโดยอัตโนมัติ (ที่โคตรจะเท่เลย!)

หากผู้เล่นทั้งสองฝั่งใช้การ์ดพุ่งเข้าโจมตี (การ์ดสีแดง) พร้อมกันกับอีกฝั่ง ตัวเกมส์จะตัดเข้าคัทซีนแอคชั่นที่ก็เท่อีกแล้ว! 

การ์ดแต่ละประเภทจะมีประโยชน์และความเหมาะสมในการใช้ตามแต่สถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป เช่นหากเปิดการโจมตีด้วยการ์ดโจมตีระยะไกล (สีเหลือง) แล้วต่อด้วยการการ์ดพุ่งเข้าโจมตี (การ์ดสีแดง) ในขณะที่อีกฝั่งกำลังรับการโจมตีจากท่าระยะไกลอยู่มันก็จะกลายเป็นคอมโบสร้างความเสียหายที่ไม่สามารถป้องกันได้ เป็นต้น ซึ่งหากคุ้นชินกับระบบการ์ดแล้วละก็ ผู้เล่นก็จะสามารถสร้างคอมโบโจมตีหรือหาวิธีรับมือกับท่าโจมตีของอีกฝั่งได้อย่างยืดหยุ่นระดับหนึ่งเลยทีเดียว

Rising Rush ท่าพิเศษพลังโจมตีสูงสามารถใช้ได้เมื่อรวบรวมดราก้อนบอลครบ 7 ลูก (พร้อมคัทซีนเท่ๆ)

นอกเหนือจากระบบการบังคับและการ์ด ตัวเกมส์ยังมีอีกสองระบบที่พอจะทำให้การต่อสู้มีความสมดุลจากความเหลื่อมล้ำด้านค่าพลังในแบบฉบับเกมส์ RPG มือถืออยู่บ้าง และนั่น คือ Raising Rush ท่าโจมตีพิเศษสร้างความเสียหายระดับรุนแรงที่จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อรวบรวมลูกแก้วดราก้อนบอลครบ 7 ลูกที่ปรากฎคู่กับการ์ดใช้งานต่างๆ

โดยท่าดังกล่าวจะแบ่งการสร้างความเสียหายเป็นสองครั้ง ซึ่งในการโจมตีครั้งสุดท้ายนั้น หากอีกฝั่งเลือกการ์ดสกิลที่มีรูปแบบเดียวกันกับผู้ใช้ท่านี้ การโจมตีรอบที่สองก็จะถูกยกเลิก และแม้พลังชีวิตของผู้ที่โดนท่าดังกล่าวหมดลดลงตั้งแต่การโจมตีชุดแรกแล้วก็ตาม แต่ตัวเกมส์จะให้โอกาสตัวละครที่โดนท่านี้ไปให้ด้วยการเหลือพลังชีวิตให้ 1 หน่วย ปิดท้ายระบบแพ้/ชนะธาตุตามแบบฉบับเกมส์แนว RPG ที่จะเพิ่มพลังโจมตีและพลังป้องกันให้กับตัวละครได้ประมาณหนึ่ง ที่แม้จะไม่มากแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย (จริงไหม?)

เกมส์มือถือและระบบ RPG เป็นของคู่กัน (ที่ต้องทำใจ)

เวลเยอะของเยอะแรงค์เทพ ยังไงก็เก่ง! สูตรสำเร็จ RPG มือถือละ

ขึ้นชื่อว่าเกมส์บนแพลตฟอร์มมือถือ แนวที่มักจะถูกหยิบจับมาทำหรือผสมโรงเข้าไปในผลงานเกมส์ต่างๆ มากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้น RPG แนวเกมส์ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวละครผ่านหลากหลายกิจกรรม ซึ่ง Dragon Ball Legends นี้ ก็ยังคงเดินตามลูกสูตรในเกมส์แนวดังกล่าวชนิดเชื้อไม่ทิิ้งแถว 

ทว่าตัวเกมส์ ยังพอจะมีดีไซน์ของระบบพัฒนาตัวละครที่สร้างสรรค์พอสมควร ไม่ว่าจะเป็น Train การเพิ่มเลเวลตัวละครที่ต้องการไว้กับวัตถุดิบเพิ่มค่าประสบการณ์พร้อมเวลา 30 นาที - 3 ชั่วโมง หรือถ้านึกภาพไม่ออกก็เหมือนกับตัวละครสุดโปรดของเราไปฝึกการต่อสู้ในห้องแห่งกาลเวลานั่นแหละ, Soul Boost การเลือกอัพเกรด (ขั้นหลังๆ นะ แรกๆ ยังเป็นเส้นตรงอยู่) ค่าพลังต่างๆ ของตัวละครให้แตกต่างหรือเน้นหนักไปที่ความสามารถรูปแบบที่ต้องการ ฯลฯ 

แต่กระนั้นแล้ว เอาเข้าจริงๆ หากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ถึงปัจจัยชนะการต่อสู้ ฝีมือและไหวพริบของการบังคับจะมีผล 40% ในขณะที่ค่าพลังหรือระดับตัวละครจะถูกใช้มากถึง 60% เลยทีเดียว แต่ยังไงเสียหากลองนำไปเปรียบเทียบกับเกมส์ในมือถือทั้งหลายที่ใช้ความเป็น RPG กำหนดผลแพ้ - ชนะเพียงอย่างเดียวแล้วละก็ Dragon Ball Legends ก็ยังถือว่ามีภาษีกว่าในแง่ของความสนุกและความท้าทายในการเล่นครับ 

นานาสารพัดสิ่งความเป็นดราก้อนบอล! 

มีคัทซีนโคตรมันส์ให้ดูตอนเปิดกาชา (สุ่มหาตัวละคร) ธรรมดาที่ไหน!  

งานภาพของตัวละครในเกมส์ยังคงได้อาจารย์โทริยาม่า อากิระมาวาดให้อยู่

Shallot ตัวละครแทนผู้เล่นที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อเกมส์ฉบับนี้โดยเฉพาะ

"ความเป็นดราก้อนบอลในทุกรายละเอียด" คือแรงดึงดูดเมื่อแรกเห็นก่อนที่จะแตกขยายกลายเป็นแรงจูงใจให้ผู้เล่นยังคงคลุกคลีกับเกมส์ดังกล่าว เพราะ Bandai Namco ไม่ได้สักแต่สร้าง Dragon Ball Legends นี้แบบขอไปที หากแต่ผู้เล่นจะได้พบเจอบรรดาสรรพสิ่งที่บ่งบอกความเป็น "ดราก้อนบอล" ไล่ตั้งแต่พลพรรคตัวละครที่คุ้นเคยจากซีรีย์ที่จะทำให้แฟนๆ ได้คิดถึง โมเดลตัวละครที่ค่อนข้างสวยงาม งานอาร์ตเวิร์คต่างๆ ที่ยังคงออกมาจากปลายพู่กันของอาจารย์โทริยาม่า อากิระ หรือแม้แต่การเปิดกาชา (หาตัวละครแบบสุ่ม) ที่ยังมีคัทซีนสวยๆ มากระตุ้นให้เราได้ลุ้นตัวละครที่จะได้เป็นเท่าตัว! 

Final Verdict

โดยรวม Dragon Ball Legends คือผลงานเกมส์จากซีรีย์ดราก้อนบอลที่แฟนๆ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ด้วยระบบการต่อสู้ที่คลุกเคล้าไปด้วยกลิ่นอายของดราก้อนบอลที่เข้าถึงง่าย พร้อมรายละเอียดต่างๆ ของเกมส์ เหล่าตัวละคร บรรยากาศ และงานอาร์ตเวิร์คที่คุ้นเคยก็เป็นเหตุผลมากพอที่เกมส์ๆ นี้สมควรจะได้มีพื้นอยู่ในโทรศัพท์ของท่าน! คอนเฟิร์ม!