หูฟังบลูทูธที่โดดเด่นด้วยดีไซน์และคุณภาพเสียงตามแบบฉบับ Sony จุดเด่นของ WI-SP500 คือออกแบบมาสำหรับนักวิ่ง หรือคนที่รักการออกกำลังกายทั้งแบบกลางแจ้งและในร่ม ด้วยมาตรฐานการกันละอองน้ำ และกันเหงื่อตามมาตรฐาน IPX4 และเป็นหูฟังแบบ Open-type ที่นอกจากจะให้การสวมใส่ที่สบายรูหูกว่าแบบ In-ear แล้ว มันก็ยังเปิดโอกาสให้เราได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว การฟังเพลงขณะวิ่งจ๊อกกิ้ง หรือเดินชิลๆ ริมถนน เราก็ยังได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถ หรือเสียงบีบแตรรถชัดเจน ทำให้ปลอดภัยกับการฟังเพลงในทุกสถานที่ แต่จุดอ่อนของหูฟังแบบ Open-type นั้นก็มี แต่เราจะเล่าให้ฟังในรีวิวนะ
จุดที่ชอบ
| จุดที่ไม่ชอบ
|
คลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่
หูฟังไร้สาย WI-SP500 ตัวที่เราได้รับมาทดสอบเป็นสีชมพู ซึ่งก็เป็นโทนชมพูแบบ Pastel สีอ่อนๆ เบาๆ ดูมีรสนิยม ดูแล้วก็เหมาะสำหรับสาวๆ และหนุ่มๆ ที่ชอบสีชมพูนะ กล่องของหูฟังนี้ก็มีความสวยงามเลยทีเดียว ด้านหน้ากล่องใส เปลือยให้เห็นหูฟังที่อยู่ภายใน ของที่แถมมาให้ภายในกล่องประกอบไปด้วย
รูปลักษณ์ของ WI-SP500 เป็นหูฟังที่มีเอกลักษณ์สวยงามดีทีเดียว ชิ้นหูฟังทั้งสองข้างมีรูปทรงคล้ายยาเม็ดแคปซูลขนาดใหญ่ สายไฟที่เชื่อมต่อระหว่างหูฟังทั้ง 2 ข้างดูแข็งแรงดี การเชื่อมต่อหูฟังเข้ากับสมาร์ทโฟน (Pairing) ทำได้ง่าย และในแผ่นพับคู่มือมีแนะนำวิธีการเชื่อมต่อ (รองรับการใช้งานกับทั้ง iPhone และมือถือ Android)
ชิ้นหูฟังขวาเป็นศูนย์รวมของปุ่มควบคุมต่างๆ โดยปุ่ม Power กดค้างไว้เพื่อเปิด/ปิด การทำงานของหูฟัง และกดรับสายเมื่อมีสายโทรเข้า โดยคุณภาพเสียงการสนทนาโทรศัพท์ด้วย WI-SP500 นั้นเสียงดังฟังชัดหายห่วง และในขณะที่เปิดฟังเพลงการกดปุ่ม Power จะเป็นการสั่งให้เล่น/หยุดเล่นเพลง (Play/Pause)
ปุ่ม Volume +/- สำหรับการเร่งลดเสียงในขณะฟังเพลง ก็อยู่บนชิ้นหูฟังขวาเช่นเดียวกัน โดยปุ่ม Volume +/- ยังทำหน้าที่เป็นปุ่มกระโดดข้ามเพลงด้วย (Skip next/previous) โดยการกดปุ่ม - ค้างไว้จะกระโดดกลับไปเล่นเพลงก่อนหน้า และการกดปุ่ม + ค้างไว้ จะกระโดดข้ามไปเล่นเพลงถัดไป ปุ่มกดทั้งหมดบนหูฟังข้างขวา ช่วยให้ควบคุมการเล่นเพลงได้สะดวก โดยที่เราไม่ต้องเสียเวลาหยิบมือถือออกมาเลย
ช่องพอร์ตแบบ Micro USB สำหรับเสียบชาร์จซ่อนอยู่ในฝาปิดบนชิ้นหูฟังขวา ใช้เวลาในการชาร์จไม่เกิน 2 ชั่วโมง และตามสเปคระบุว่าให้ระยะเวลาการเปิดฟังเพลงยาวนานถึง 8 ชั่วโมง ซึ่งจากการลองใช้งานจริง ก็ต้องบอกว่าใช้ได้ยาวนานหลายชั่วโมงจริงไม้ต้องเสียบชาร์จกันบ่อยๆ
และเราลองใช้งานกับ iPhone ก็ปรากฏว่า บนหน้าจอมือถือ สามารถแสดงระดับแบตฯ คงเหลือของตัวหูฟังได้ด้วย
และอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องที่ค่อนข้างจะเซอร์ไพรส์คือ มีตัวม้วนเก็บสายหูฟังแถมมาให้ด้วยแฮะ วิธีการม้วนเก็บสายหาดูรายละเอียดได้จากคู่มือแผ่นพับ เมื่อม้วนเก็บเรียบร้อยแล้วหน้าตาก็จะออกมาประมาณนี้ (ต้องใช้ฝีมือเล็กน้อยกว่าจะม้วนได้กะทัดรัดขนาดนี้)
ต้องบอกว่าเป็นหูฟังที่ถูกจริตของผมมาก ด้วยความที่เป็นคนชอบออกกำลังกายบนเครื่องปั่นจักรยานในบ้าน และในระหว่างที่ออกกำลังกายนี่เหงื่อจะออกเต็มตัวเต็มหน้าไปหมด ด้วยความที่ WI-SP500 กันละลองน้ำและเหงื่อตามมาตรฐาน IPX4 ทำให้หยิบมาใส่ในขณะออกกำลังกายได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะพัง ทำให้การออกกำลังกายสนุกขึ้นอีกเยอะเลย และก็อย่างที่เรารู้ๆ กันอยู่ว่าสำหรับหูฟังโดยทั่วไปเมื่อใช้ไปนานๆ ยางหุ้มสายจะเกิดอาการเสื่อมสภาพ (อาจจะเพราะโดนเหงื่อ) เราก็หวังว่าสายของหูฟังอันนี้ จะสามารถทนทานต่อการโดนเหงื่อในจำนวนมากเป็นระยะเวลานานๆ โดยไม่เกิดอาการเสื่อมสภาพ แต่ระยะเวลาการรีวิวของเราก็ไม่ยาวนานพอที่จะพิสูจน์ในเรื่องนี้
กิจกรรมที่ชอบทำระหว่างการออกกำลังกาย คือการเปิดดูซีรี่ย์ หรือดูหนัง ซึ่งคุณภาพเสียงของ WI-SP500 ก็ตอบโจทย์การใช้งานในลักษณะนี้ได้ดีเลยหล่ะ ให้เสียงบทสนทนาที่ชัดเจน เวทีเสียงค่อนข้างกว้างไม่อึดอัด เสียงอึกทึกครึกโครม หรือเสียงระเบิดตูมตามในหนังแอคชั่น ก็จัดว่าทำได้อย่างน่าพอใจ เบสยังไม่หนักแน่นเท่าหูฟังแบบ In-ear
แต่สิ่งที่น่าอึดอัดใจสำหรับการฟังเพลงในขณะออกกำลังกายคือ ด้วยความที่รูปทรงของชิ้นหูฟังมีขนาดค่อนข้างยาวและใหญ่ ทำให้การเช็ดเหงื่อที่ออกโทรมบนใบหน้า ต้องทำด้วยความระวัดระวัง ไม่ให้ผ้าเช็ดหน้าไปสะกิดให้หูฟังขยับออกจากตำแหน่ง ซึ่งก็ทำได้ยาก วิธีการที่ดีที่สุดคือการถอดหูฟังออกก่อนแล้วค่อยเช็ดเหงื่อ ซึ่งปัญหานี้จะไม่เกิดกับหูฟังแบบ In-ear ที่ตัวชิ้นหูฟังมีขนาดเล็ก
จุกยางแบบ Open-type มีมาให้ 2 ไซส์ โดยที่สวมอยู่กับหูฟังเป็นไซส์ M และที่ถอดวางอยู่ข้างๆ เป็นไซส์ S
ด้วยความที่ WI-SP500 เป็นหูฟังแบบ Open-type ทำให้มีจุดเด่นหลายอย่าง อันดับแรกเลยก็คือ ให้การสวมใส่ที่สบายช่องหูกว่าหูฟังแบบ In-ear สวมใสฟังเพลงได้ยาวหลายๆ ชั่วโมงโดยไม่รู้สึกระคายหรือเจ็บช่องหู และข้อดีอย่างที่สองคือ มันเปิดโอกาสให้เราได้ยินเสียงรอบๆ ตัวได้ดีเลย สำหรับการนั่งฟังเพลงชิลๆ ในออฟฟิศ ถ้าเพื่อนคุยกัน หรือโทรศัพท์ดัง เราจะได้ยินเสียงเหล่านั้น ทำให้ไม่พลาดที่จะรับสาย ไม่พลาดที่จะแอบฟังว่าเพื่อนนินทาอะไรเราบ้าง ถ้านั่งฟังเพลงชิลๆ อยู่ที่บ้าน แล้วเมียเรียกไปกวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า รับรองว่าต้องได้ยินแน่นอน ต้องบอกว่าหูฟังอันนี้ช่วยลดความแตกแยกในครอบครัวได้
เปรียบเทียบรูปทรงของจุกยางไซส์ M (คู่ล่าง) กับไซส์ S (คู่บน) ส่วนตัวแล้วชอบไซส์ M เพราะคุณภาพเสียงดีกว่า
แต่แน่นอนว่าการเปิดให้เสียงจากรอบตัวเข้ามาได้ มันย่อมรบกวนการฟังเพลงของเรา การเดินฟังเพลงริมถนนด้วยหูฟังนี้ เราจะได้ยินเสียงสภาพการจราจรรอบตัวอย่างค่อนข้างจะชัดเจน โดยเฉพาะถ้าเจอมอเตอร์ไซค์ท่อแต่งนี้ มันแทบจะดังกลบเสียงเพลงได้เลย แต่การได้ยินเสียงการจราจรก็เป็นข้อดี ตรงที่ทำให้เราไม่ประมาท แบบว่าฟังเพลงเพลินๆ แล้วเดินข้ามถนน โดยอาจลืมมองซ้ายมองขวา และโดยส่วนตัวแล้วมองว่าเจ้า WI-SP500 น่าจะตอบโจทย์สำหรับการฟังเพลงที่บ้าน ที่ออฟฟิศ หรือในสถาน Fitness สำหรับคนที่ชอบเดินถนนไปด้วย ฟังเพลงไปด้วย อาจไม่เหมาะเท่าไหร่
ในเรื่องของคุณภาพเสียงกับการฟังเพลงของเจ้า WI-SP500 นี่ก็ต้องบอกว่าถูกรสนิยมอยู่ไม่น้อย เนื้อเสียงดีไม่เสียยี่ห้อ Sony โทนเสียงมีความสมดุลดีในทุกย่านเสียง ฟังแล้วลื่นหู เสียงร้องชัดเจนน่าฟัง แต่การให้รายละเอียดลูกคอและหางเสียงยังไปได้ไม่สุด การให้รายละเอียดในโทนเสียงสูงมีพอให้ชื่นใจ ไม่สดใสเป็นประกาย และก็แน่นอนว่าไม่มีอาการเสียงสูงสดจัดบาดหู ในส่วนของโทนเสียงเบสทุ้มต่ำนั้น อิมเมจของเสียงเบสค่อนข้างใหญ่ แต่การกระแทกของเสียงเบสลงไม่ลึก คือไม่มีอิมแพคของเสียงเบสที่รุนแรง แต่ก็พอใช้ฟังเพลงแนว EDM ได้สนุกสนานอยู่ โดยสรุปคือ โทนเสียงของ WI-SP500 ออกแนวคุณหนูผู้ดี ลื่นหู ฟังได้ต่อเนื่องยาวๆ แบบไม่ล้าหูหรือรู้สึกทรมาน เนื้อเสียงดีอยู่
ถ้ามีเงินอยู่ประมาณ 3,000 บาท และอยากได้หูฟังบลูทูธดีๆ สักตัวไว้เปิดดูหนังฟังเพลงในระหว่างออกกำลังกาย และไม่ออกไปเดินฟังเพลงริมถนนบ่อยครั้งแล้วหล่ะก็ บอกเลยว่าไม่ควรมองข้ามเจ้า SONY WI-SP500
|
ไม่เสพติดไอที แต่ชอบเสพข่าวเทคโนโลยี หาความรู้ใหม่ๆ มาใส่สมอง |