จุดที่เราชอบ
| จุดที่เราไม่ชอบ
|
ความเห็นเบื้องต้นสำหรับคนขี้เกียจอ่าน
TicWatch C2 มีฟีเจอร์ครบครันสำหรับทุกสิ่งที่ Smartwatch ควรมี ทั้ง GPS, NFC และระบบกันน้ำ ใช้หน้าจอ AMOLED ทำให้ประหยัดพลังงานได้ดี แม้ว่าจะใช้ Snapdragon Wear 2100 ที่เป็นซีพียูรุ่นเก่า แต่โดยรวมก็ยังถือว่าเป็น Smartwatch ที่น่าใช้อยู่นะ
TicWatch เป็น Smartwatch จากบริษัท Mobvoi สตาร์ทอัพมาแรงที่ก่อตั้งในประเทศจีน โดยมีผู้ก่อตั้งเป็นบรรดาหัวกะทิจากบริษัทชั้นนำ และบุคลากรจากมหาลัยระดับโลกเอาไว้มากมาย ซึ่งสมาชิกกว่า 60% ในบริษัทล้วนแต่เป็นวิศวรกร เริ่มต้นจากการพัฒนา AI โดยผลงานที่น่าจดจำคือร่วมกับ Google เป็นผู้พัฒนาระบบค้นหาด้วยเสียงเป็นภาษาจีนใน Wear OS เวอร์ชันภาษาจีน ต่อมา Google ก็ร่วมลงทุนกับ Mobvoi ด้วยมูลค่ากว่า 75 ล้านดอลลาห์
เริ่มแรก TicWatch วางจำหน่ายแค่ในประเทศจีน ก่อนที่ทาง Mobvoi จะพัฒนาเวอร์ชันสากลออกมาโดยเปิดตัว TicWatch 2 บน Kickstarter ซึ่งระดมทุนไปได้กว่า 2 ล้านดอลลาห์ ภายในเวลาเพียง 29 วัน
และที่ผมกำลังจะมารีวิวนี้คือ TicWatch C2 ซึ่งเปิดตัวออกมาประมาณไตรมาส 2 ในปี 2018 และในรีวิวนี้ผมจะรีวิวมันด้วยการใช้งานร่วมกับ iPhone เพื่อดูว่า Wear OS จะใช้งานได้ดีขนาดไหน หากใช้งานร่วมกับ iOS
คุณสมบัติของ TicWatch C2
ก่อนจะไปรีวิวก็มาดูสเปคของมันกันก่อนสักเล็กน้อย โดยส่วนตัวแล้วก็ให้มาครบครันนะ มีติแค่เรื่องที่ใช้ซีพียูรุ่นเก่าเท่านั้นเอง ซึ่งความเร็วมันไม่ได้ต่างกัน แต่มันจะต่างกันที่อัตราการบริโภคไฟ หากใช้ Snapdragon Wear 3100 แบตเตอรี่น่าจะใช้งานได้นานกว่าเดิมหลายชั่วโมงเลยล่ะ
อุปกรณ์ภายในกล่อง
เปิดกล่องมาเจอกับนาฬิกาเลย ด้านในกล่องเป็นกระดาษนะ ทั้งนี้บนกล่องสังเกตว่าจะบอกแค่ว่าเป็น TicWatch แต่ไม่มีการระบุชื่อรุ่นว่าคือรุ่นอะไร เรือนที่ผมนำมารีวิวจะเป็นสี Rose Gold ซึ่งอันที่จริงออกแบบมาสำหรับผู้หญิงใช้นะ แต่แมนๆ อย่างผมชอบสีแบบนี้มากกว่า เลยเลือกเอาตัวนี้มารีวิวแทน
หน้าจอนาฬิกาทรงกลม แสดงผลแบบเต็มจอไม่มีแหว่งด้านล่างเหมือนในบางรุ่นที่ผมเคยใช้มาก่อน เป็นจอ OLED AMOLED ขนาด 1.3 นิ้ว ความละเอียด 360x360 พิกเซล แสดงผลได้สว่างดี ใช้กลางแจ้งก็มองเห็นข้อมูลบนจอได้อย่างชัดเจน
มีปุ่มควบคุมอยู่ 2 ปุ่ม ปุ่มบนเป็นปุ่ม Power เอาไว้สำหรับเปิด/ปิดนาฬิกา และใช้เรียก Voice Assistant ส่วนอีกปุ่มด้านล่างเป็นปุ่มฟังก์ชั่นสำหรับตั้งค่า สามารถดับเบิ้ลคลิกเพื่อเรียกใช้ Google Pay หรือตั้งชอทคัทเมนูได้ก็ได้
ตัวเรือด้านหลังจะเป็นพลาสติกมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และพอร์ตสำหรับชาร์จแบตเตอรรี่ ส่วนตัวผมไม่ชอบวัสดุด้านหลังแบบนี้เลย มันดูราคาถูกไปหน่อย น่าจะทำเป็นสแตนเลสทั้งเรือนมากกว่า รวมถึงสายนาฬิกาก็เช่นกัน ดูธรรมดาไม่สมกับราคาของนาฬิกาสักเท่าไหร่ แม้ว่าตอนใส่เราจะไม่เห็นด้านที่เป็นพลาสติกก็ตามเถอะ
หากเราไม่ชอบสายนาฬิกาที่ได้มา ก็สามารถถอดเปลี่ยนเองได้ง่ายๆ โดยการเลื่อนสลักที่ด้านหลังแล้วดึงออกมาได้เลย แล้วก็หาสายทั่วไปที่ชอบมาเปลี่ยนได้เลย
อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่าเราจะมาใช้ Wear OS ร่วมกับ iOS กันนะในรีวิวนี้ โดยส่วนตัวผมเคยใช้ Android Wear ร่วมกับ iOS มาก่อน แต่ในสมัยนั้นข้อจำกัดค่อนข้างเยอะมาก ทำให้ต้องตัดใจซื้อ Apple Watch มาใช้แทน (ส่วนตัวชอบนาฬิกาเรือนกลมๆ มากกว่าเรือนเหลี่ยมๆ) จนกระทั่งปีที่แล้ว (2018) ทาง Google ได้ทำการเปลี่ยนชื่อจาก Android Wear เป็น Wear OS และกล่าวว่าจะปรับปรุงให้ทำงานร่วมกับ iOS ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งผมก็จะมาลองใช้ให้ชมกัน ว่ามันจริงอย่างที่เขาว่าไว้หรือไม่ เชิญชมคลิปด้านล่างนี้ได้เลย
หากคุณเป็นคนที่ใช้มือถือ Android อยู่ TicWatch C2 จะสามารถแสดงประสิทธิภาพได้เต็มที่ ใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชั่น แต่หากคิดจะเอามาใช้ร่วมกับ iOS แบบเราในรีวิวนี้ล่ะก็ ต้องทำใจไว้ก่อนเลยว่าบางฟังก์ชั่นจะไม่สามารถใช้งานได้
ประสบการณ์ในการใช้งานทั่วไปร่วมกับ iOS หากต้องการแค่อ่านแจ้งเตือน, เลื่อนเพลง, ฟิตเนส,แจ้งเตือน, Google Asistant อะไรประมาณนี้ ก็ถือว่าโอเคเลย
ส่วนข้อเสีย ซึ่งจริงๆ ผมคิดว่าไม่ใช่ข้อเสียของตัว TicWatch C2 แต่เป็นข้อเสียของ Wear OS ก็คือ มันยังช้า และแครชบ่อยมาก เวลาเปิดแอปฯ อื่นๆ ที่ไม่ใช่แอปฯ ที่มาพร้อมกับตัว Wear OS
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |